Sunday, January 12, 2025
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อน EP.34

    เรื่องเล่าในรถร้อน EP.34

    สายลมเย็นเสียดเข้าไปในขุมขนผิวหนังที่แห้งแตกเป็นขุยของแขนสองข้างและใบหน้าที่ลอกเป็นแผ่นเล็กๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างรถเมล์ทำให้สะท้านเข้าไปในไขกระดูกของท่อนแขนใบหน้าได้พอสมควร

    ระหว่างเดินทางในยามสายวันหนึ่งในฤดูหนาวที่ยะเยือกบ้างในยามเช้ามืดและร้อนแห้งในช่วงตะวันโด่ง

    ต้องปลดล็อกลดกระจกหน้าต่างรถเมล์ลงมาจนสนิทกำบังทั้งสายลมและแสงแดดไปพร้อมๆ กัน รู้สึกเหมือนนั่งในรถเมล์ปรับอากาศได้เหมือนกัน

    แม้จะยืนรอนานค่อนชั่วโมงแล้วก็ตาม ทั้งๆ ที่รถสายเดียวกันแต่เป็นรถปรับอากาศผ่านไปไม่รู้กี่คันต่อกี่คัน

    ก็ทำอย่างไรได้ สู้อุตส่าห์ยืนชะเง้อชะแง้ตากแดดจ้าจนแสงหลบให้ร่มเงารอมาเกินกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วจะตัดใจนั่งรถเมล์ปรับอากาศก็กระไรอยู่

    ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว รอจนรถร้อนมาอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ไม่มีอะไรต้องรีบร้อนแล้วนี่ นึกปลอบใจตนเองเท่านั้น

    ชั่วไม่กี่นาทีรถเมล์ร้อนก็พาไปถึงจุดหมายลงจากรถเมล์ก้าวขึ้นฟุตปาทเจอตลาดแบกะดิน ยายปูผ้าแต่วางขายอุปกรณ์ไอเทมใช้กับโทรศัพท์มือถือทัังสายชาร์จแบตเตอรี่ หูฟังสารพัดยี่ห้อ ที่ตั้งโทรศัพท์มือถือตั้งโต๊ะหรือติดบนคอนโซลรถยนต์และอีกหลายอย่างจิปาถะ

    สนนราคาเหมาะกับคนเดินดินกินข้าวแกงที่สรรหาพวกของเหล่านี้ ไม่ต้องไปตระเวนเดินหาตามห้างร้านในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ให้เปลืองแรงเปลืองเวลาทำมาหากิน คงต้องขายได้ไม่ยากเย็น

    เห็นยายคนขายตั้งร้านแบกะดินมานาน ข้าพเจ้าแวะลองสืบราคาหูฟังสักชิ้น ยายบอกว่าราคาแปดสิบบาท พร้อมเขิญชวนให้ซื้อของดีมียี่ห้อ

    แต่ในใจยังคิดว่าราคาสูงไปหน่อย เลยบอกว่าไว้วันหน้าวันหลังค่อยว่ากันใหม่ แปลความก็คือไม่ซื้อนั่นแหละ

    แต่ยังคิดว่าหากต้องการจริงๆ ก็คงต้องแวะมาหาซื้อที่นี่ คิดเสียว่าอุดหนุนคนหาเช้ากินค่ำ คงไม่มากมายอะไรนัก

    ว่าแล้วก็เก็บเงินไว้ก่อน ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหูฟังใหม่ก็คงไม่เป็นไรของเก่าฟังได้ข้างเดียวก็ทู่ซี้ใช้ไปก่อน เก็บเงินไปซื้อแกงถุงกับข้าวมื้อเช้านี้ก่อนดีกว่านะ

    เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็ไม่ถูกแล้ว แกงถุงหนึ่งราคาค่างวดก็ปาเข้าไปครึ่งร้อย กลับบ้านไปกินข้าวราดแกง กลั้วแกล้มกับฟังเพลงยุคหกศูนย์เจ็ดศูนย์ของศิลปินรุ่นเก่ายุคหกศูนย์เจ็ดศูนย์อย่างท่านดอน แมคลีน เจ้าของเพลงอมตะ “วินเซนต์” ให้เพลินอารมณ์ดีกว่ากับท่อนแรก ..ค่ำคืนแห่งแสงดาวพราวพร่างฟ้า…

    กล่าวถึงเรื่องค่าครองชีพที่นับวันสูงปรี๊ดขึ้นทุกชั่วเข็มนาฬิกาเคลื่อนคล้อยติ๊กต่อก ค่าของเงินมันก็หล่นร่วงลงไปทุกวี่วัน

    กำเงินพันซื้อผักปลาอาหารของใช้ในครัวเรือนได้ไม่กี่ชิ้นกี่อย่าง เป็นที่สัมผัสรู้สำนึกได้ของคนทั่วไป

    เพียงสำเหนียกฟังข่าวสารบ้านเมืองก็เห็นได้ชัดว่าธุรกิจพนันออนไลน์รุ่งเรืองมากมายแค่ไหน ย่อมหมายถึงเศรษฐกิจย่ำแย่มากเท่านั้น

    ขบวนการมิจฉาชีพทั้งในคราบคนในเครื่องแบบผสมผเสกับพวกต่างด้าวต่างแดนที่เข้ามาใช้แดนสยามเป็นแหล่งทำมาหากินเอิกเกริกมากมายแค่ไหน เห็นได้จากข่าวสารรายวันไม่ว่างเว้น ขบวนการต้มตุ๋นมีทุกระดับตั้งแต่รากหญ้าไปยันหมู่ชนชั้นรวยแล้วอยากรวยกว่าเก่า เป็นข่าวพาดหัวตัวไม้ในทุกสำนักสื่อ

    เมื่อธุรกิจขาวใสบริสุทธิ์มันถดถอยไร้ความก้าวหน้า ธุรกิจมืดเทาจึงขยายเติบโตอย่างรวดเร็วดุจไฟลามทุ่ง เมื่อกฎหมายเป็นได้แค่ตรายาง เงินง้างได้ง่ายดาย อาชญากรทุกระดับจึงปราศจากความเกรงกลัว

    คนในเครื่องแบบสารพัดสีเข้าไปมีเอี่ยวในธุรกิจสีเทาอย่างไม่แยแสในยศศักดิ์เกียรติภูมิของตัวเอง พร้อมที่กระโจนเข้าหาขุมทรัพย์ที่ก่อกำเนิดมาจากการกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นบ่อนพนันออนไลน์ทุกชนิด ขบวนการยาเสพติด ค้ามนุษย์ มีให้เกลื่อนจับแล้วจับเล่า

    คำว่าบุกทลายที่จั่วหัวในข่าวแต่ละวัน กลายเป็นคำเฝือจนไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริงของมันไปเสียแล้ว

    ข้าพเจ้าคิดล่องลอยไปเรื่อยเปื่อยจากเรื่องของคนค้าขายแบกะดินขยายบานเกินไปนักแล้ว เร็วรี่กลับมาสู่ภาวะปัจจุบัน ถึงได้คิดว่าผู้นำทางจิตวิญญาณที่แท้จริงของมนุษย์ ท่าจะไม่ใช่ผู้วิเศษ ผู้ทรงศีล ผู้มากบารมี หรืออินฟลูเอนเซอร์อะไรเทือกนั้นในยุคสมัยนี้เสียแล้ว

    ที่แท้มนุษย์ทั้งพิภพโลกานี้ก็ล้วนยึดมั่นถือมั่นในเหรียญหรือกระดาษที่เรียกว่า “เงินตรา”ต่างหาก เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณเป็นหมุดหมายแห่งชีวิตและเป็นทุกอย่างตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจเข้าออก

    จะแปลกอย่างไร ลืมตาตื่นจากยุบหนอพองหนอเมื่อใด ความหิวความกระหายมันก็ชำแรกแทรกเข้ามาทักทายเมื่อนั้น

    ข้าพเจ้าตักแกงมะระใส่หมูราดข้าวเคี้ยวกลืนไปทีละคำอย่างละเลียดอ้อยอิ่ง กริ่งเกรงว่าจะหมดเร็วเกินไปเท่านั้นเอง

    12/1/2568

     

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments