มีคำเตือนจากผู้คนมากมายมานานหลายปีว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ “เอไอ” (Artificial intelligence-AI) นั้นเหมือนเหรียญ 2 ด้าน
ด้านหนึ่งคือมันตอบโจทย์การทำงานของมนุษย์ได้อย่างน่าตื่นตะลึง ลดทอนความยากในเรื่องต่าง ๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ รับใช้มนุษย์ได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่เรียกร้องค่าแรงหรือสวัสดิการใด ๆ
แต่ในทางกลับกันเทคโนโลยีเหล่านี้ก็มีพลังการทำลายล้างสูงเช่นกัน ซึ่งก็ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อที่จะดูแล “เอไอ” ให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ให้อยู่ในร่องในรอยที่ถูกที่ควร
ภาพยนตร์แฟรนไชส์ M3GAN ถือเป็นอีกหนึ่งชิ้นงานในโลกของภาพยนตร์ ที่บอกเล่าเรื่องราวความกังวลในขีดขั้นการพัฒนาเอไอ และตอกย้ำว่าปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ต้องถูกจำกัดให้นำไปใช้งานอย่างเหมาะสม
ใน M3GAN เป็นภาคแรกออกฉายเมื่อปี 2566 กำกับโดย “เจอราร์ด จอห์นสโตน” ผู้กำกับและนักเขียนบทชาวนิวซีแลนด์ จัดอยู่ในหมวดหนังแนววิทยาศาสตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญ ได้เปิดทางนำพาผู้ชมไปรู้จักกับหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์นามว่า “เมแกน” ที่ออกแบบมาเหมือนมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้ว
แต่ “เมแกน” ก็ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์จริง ๆ เพราะ “เอมี่ โดนัลด์” ดาราเด็กชาวนิวซีแลนด์เป็นผู้รับบทในบทนี้ เธอไม่ได้ใช้เสียงของตัวเองในเรื่อง แต่มีผู้ให้เสียงพากย์คือ “เจนน่า เดวิส” นักแสดงสาวชาวอเมริกัน
https://www.youtube.com/watch?v=d-CBsqaVU-w&t=4s
ด้วยมันสมองอันปราดเปรื่องของ “เจมม่า” รับบทโดย “อัลลิสัน วิลเลี่ยมส์” เธอได้พัฒนาหุ่นยนต์ “เมแกน” ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยง และตั้งโปรแกรมให้หุ่นยนต์ตัวนี้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับ “เคดี้” (ไวโอเล็ต แม็คกรอว์) หลานสาวที่กำพร้าบิดา-มารดาในวัยเพียง 8 ขวบ
อย่างที่คาดเดากันได้ก็คือ “เจมม่า” เจองานเข้าอย่างจังเมื่อโปรแกรมบางอย่างใน “เมแกน” ผิดพลาด หุ่นยนต์เริ่มไม่ทำตามคำสั่ง และเลือกที่จะทำอะไรตามอำเภอใจ
แต่สิ่งที่หุ่นยังยึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลงก็คือการปกป้อง “เคดี้” ซึ่งผู้ชมจะเห็นว่าใน M3GAN ภาคแรกมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นเข้าขั้นวินาศสันตะโรด้วยฝีมือของ “เมแกน” จนถูกตราหน้าว่าเป็นหุ่นยนต์ปีศาจ อย่างไรก็ตาม หุ่นยนต์สังหารก็ถูกกำราบลงในที่สุด
การมาของ M3GAN 2.0 ยังใช้บริการผู้กำกับ “เจอราร์ด จอห์นสโตน” ที่พ่วงตำแหน่งผู้เขียนบทเรื่องนี้ไปด้วย ซึ่งภาคต่อได้ให้ความคืบหน้าว่า 2 ปีต่อมา “เจมม่า” ตั้งบริษัทพัฒนาหุ่นยนต์ที่มุ่งหวังให้ใช้งานได้ประโยชน์และไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์และสังคม
เธอยังเป็นนักเขียน ออกหนังสือชื่อ Modern Moderation ว่าด้วยวิธีการระมัดระวังในการใช้ของเล่นเทคโนโลยีสำหรับเด็ก
นอกจากนี้ยังเป็นผู้สนับสนุนกฎหมายและการป้องกันในการพัฒนาเอไอ ร่วมผลักดันกฎหมายเหล่านี้กับ คริสเตียน (อริสโตเติล อาธารี) วิศวกรที่เป็นแฟนหนุ่มของเธอ
และ “เมแกน” ล่ะหายไปไหน? ในเมื่อหนังชื่อว่า M3GAN 2.0
หลังจากเรื่องราวปูให้เห็นว่าในช่วง 2 ปีที่ไม่มีหุ่นยนต์ “เมแกน” เป็นสมาชิกของบ้าน
ในที่สุดหนังก็ให้ความกระจ่างว่า “เมแกน” ไม่เคยหายไปไหน โปรแกรมที่เคยให้ตัวตนของเธอยังคงอยู่ แต่เธอซ่อนตัวและเฝ้าจับจ้องชีวิตความเป็นอยู่ของน้า-หลานคู่นี้อย่างเงียบเชียบ
ผู้ชมได้รู้ว่า “เมแกน” ปรารถนาที่จะออกมาเฉิดฉายต่อโลกอีกครั้ง
แน่นอนว่า ต้องมีเหตุให้หุ่นยนต์อัจฉริยะตัวนี้กลับคืนสู่โลกจริง เมื่อสันติภาพของโลกต้องสั่นคลอนกับการมาของ “อามีเลีย” รับบทโดย “อิวานน่า ซักห์โน” นักแสดงชาวยูเครน
หุ่นยนต์ตัวนี้เป็นอาวุธทางการทหาร กำเนิดมาจากพิมพ์เขียวของ “เมแกน” และมีจุดประสงค์ร้ายบางอย่าง เมื่อโลกหมดทางเลือกในการต่อกรกับหุ่นยนต์ตัวใหม่ที่ฝีมือสุดร้ายกาจ “เจมม่า” จึงต้องฟื้นคืนชีพให้ “เมแกน”
การรีเทิร์นครั้งนี้ หุ่นยนต์เด็กสาวได้รับการอัพเกรด พร้อมกับถูกอบรมให้สำนึกผิดจากความผิดมหันต์ในภาคแรกกลายเป็น “เมแกน” ที่กลับเนื้อกลับตัวใหม่ พร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเป็นหุ่นยนต์เอไอที่ดีพอจะดำรงอยู่กับมนุษย์บนโลกใบนี้
การกลับมาของ “เมแกน” ใน M3GAN 2.0 ถือเป็นการพลิกบทหุ่นยนต์ที่ถูกตีตราว่า “ชั่วร้าย” ให้กลายกลับมาเป็น “นางเอก” อย่างแนบเนียน โดยท้าทายความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งตัวละครมนุษย์ในเรื่อง รวมถึงผู้ชมนอกจอ ว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะกลับตัวกลับใจจริงหรือไม่
ขณะที่เรื่องราวเดินไปในรูปแบบของหนังแอ็คชั่น แนวจารกรรมอย่างเต็มสูบ เสิร์ฟความสนุกกับความเหนือจินตนาการ พรั่งพร้อมอารมณ์ขัน เสียดสี เย้ยหยันต่อสังคมที่กำลังตื่นตัวกับเทคโนโลยีที่รุดหน้าไปไกล
ที่สำคัญคือ แก่นสาระของ M3GAN 2.0 คือการย้ำเตือนให้เราเห็นถึงความน่ากลัวของนวัตกรรมแห่งอนาคต!
Blue Bird28/6/68
