เกมดีแต่ผลไม่ดี-แพ้แต่มีความหวัง

จู้กหู้กกู้กราบสวัสดี

เปิดฤดูกาลวันแรก..
ฟลอเรียน เวียตซ์(ลิเวอร์พูล) vs บอร์นมัธ:

82 นาทีในสนาม
ส่งบอลสำเร็จ 37/48 ครั้ง
ความแม่นยำในการส่งบอล 77%
ส่งบอลเข้ากรอบเขตโทษคู่แข่ง 11 ครั้ง
สร้างโอกาส 3 ครั้ง
เปิดบอลแม่นยำ 2/4 ครั้ง
วางบอลยาวแม่นยำ 100% (3/3)
ชนะแท็คเกิล 100% (2/2)
แย่งบอลกลับคืนมาได้ 6 ครั้ง

แม้สถิติจะดูไม่โดดเด่นอะไร

แต่ถ้าดู เวียตซ์ ตลอดทั้งเกมในสนาม เขาทำงานหนักมาก เขาพยายามเคลื่อนที่อยู่เสมอ และการเคลื่อนที่อย่างอิสระก็ทำให้บางจังหวะในเกมรุกของทีมนั้นไหลลื่นได้ดี

แน่นอนว่า มีส่วนที่ต้องปรับปรุงกันพอสมควร แต่การเล่นของเขาที่เล่นแบบง่ายๆ ให้บอลง่าย เคลื่อนที่รับ-ส่งบอลอยู่ตลอดนั้น ทำให้เกมรุกไหลลื่นจริงๆ และเกมนี้ เขาเองก็ครอบคลุมระยะทางมากที่สุด (11.3 กม.) ที่เขาอยู่ในสนามอีกด้วย

เชื่อว่า เวียตซ์ จะดีขึ้นมากกว่านี้ เพราะนี่เพิ่งจะแค่เริ่มต้น และนัดแรกเอง เขามีทักษะ และพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ใจเย็นๆ

คู่เปิดสนามผ่านไป..มาถึงคู่บิ๊กแมตซ์..

ความพ่ายแพ้คาบ้านแบบไร้สกอร์ ภาพคุ้นตาของแมนฯ ยูไนเต็ด

แต่สิ่งที่ไม่คุ้นคือ “ฟอร์มการเล่นที่ดูมีชีวิตชีวา”

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นพรีเมียร์ลีก 2025/26 ไม่สวย เมื่อแพ้อาร์เซน่อล 0-1 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ทั้งที่รูปเกมเหนือกว่า ครองบอล 61% และมีโอกาสยิงถึง 22 ครั้ง แต่ขาดความคมในจังหวะสุดท้าย

ประตูเดียวของเกมเกิดจากความผิดพลาดของ อัลไต บายินดีร์ ที่รับบอลเตะมุมพลาด กลายเป็นการเสียประตู

ซ้ำรอยปัญหาเดิมในตำแหน่งนี้

ขณะที่กองหน้าตัวใหม่อย่าง เบนจามิน เซสโก้ ถูกส่งลงครึ่งหลังแต่แทบไม่มีบทบาท ส่วน ราสมุส ฮอยจ์ลุนด์ ถูกตัดชื่อออกจากทีม

คือโอเค ผลมันคือแพ้แหละ ไม่มีแต้มก็ใช่ คาบ้านก็ถูก..

แต่ด้วยความมุ่งมั่นแบบนี้ มันทำให้บรรยากาศในสนามยังเต็มไปด้วยความหวัง

แฟนบอลปรบมือให้กับความพยายามของทีม
“เกมดี แต่ผลไม่ดี” อโมริมยืนยัน แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นใจ

จู้กหู้กกู้สรุป..ลิเวอร์พูล แมนยู อาร์เซน่อล ปีนี้มาดี..ลุ้นแชมป์แน่