ปอศ.รวบ “เจ้าแม่ปอยเปต” ตัวการสำคัญ เครือข่ายเปิดบัญชีม้า และนิติบุคคลสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อได้เงินกว่า 50 ล้านบาท
วันที่ 11 พ.ย.68 พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ.
นำกำลังจับกุม น.ส.น้ำผึ้ง อายุ 35 ปี ข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน , เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยประการที่รู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
หมายจับศาลจังหวัดเทิง ที่ 607/2568 ลง 14 มิ.ย.68 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และยังมีหมายจับคดีลักษณะดังกล่าวติดตัวอีก รวม 4 หมาย
จับได้ที่ร้านอาหารไม่มีชื่อริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากกก.2.บก.ปอศ.ทราบว่า น.ส.น้ำผึ้ง เป็นผู้รับจ้าง เปิดบัญชีม้า และรับจ้างจดทะเบียนนิติบุคคล ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปใช้ในการก่อเหตุหลอกลวงประชาชนลงทุนเทรดหุ้นทางเพจเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ปลอม
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงชักชวน เข้ากลุ่มไลน์ชื่อ AROWWIN ที่คนร้ายสร้างขึ้น มีสมาชิกมากกว่า 100 คน สร้างความน่าเชื่อถือ อ้างว่าเพื่อเรียนรู้ การเทรดหุ้น ชักชวนลงทุนผ่านเว็บไซด์ ดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีของผู้ต้องหานี้ ถูกนำไปใช้ใน การหลอกผู้เสียหายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ , จ.นครราชสีมา และ กรุงเทพมหานคร ได้เงินจากผู้เสียหายไปกว่า 50 ล้านบาท
ต่อมาผู้เสียหายต่างกระจายเข้าแจ้งความไว้ในหลายพื้นที่ จนศาลออกหมายจับไว้ กระทั่งสืบทราบว่า น.ส.น้ำผึ้ง หลบหนีมาทำงานที่ ร้านอาหารดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว
สอบสวนรับสารภาพว่า รับการว่าจ้างจาก “นายเปี๊ยก” ไม่ทราบชื่อ นามสกุล เป็นนายหน้าในการพาคนไปเปิดบัญชีม้าและนิติบุคคลได้เงินค่าจ้าง 25,000 บาท จากนั้นเดินทางไปฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติ อยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีบอสเป็นชายชาวจีนคอยควบคุมสั่งการ
ตนมีหน้าที่แสกนใบหน้ากับบัญชีธนาคาร เมื่อมีผู้โอนเงินเข้าบัญชีของตน โดยไม่ทราบว่ามีการโอนต่อไปยังที่ใด มีคนไทยและคนต่างชาติ อยู่ในสถานที่นั้นกว่า กว่า 30 คน เจ้าหน้าที่ นำตัวส่ง สภ.ครบุรี ดำเนินคดีต่อไป
