วันที่ 18 ก.ย. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. กล่าวว่า เซ็นคำสั่งให้ตำรวจออกจากราชไว้ก่อน6นายคือ
1.พ.ต.ต.บัญชา เจือจาน สว.ธร.สน.บางนา ปฏิบัติราชการ สว.กก.สส.บก.น.1
2.ร.ต.อ.สันติ คำพันธุ์ รอง สว.กก.สส.บก.น.1
3.ร.ต.อ.ไพรัช ภู่ระหงษ์ รอง สว.กก.สส.บก.น.1
4.ด.ต.วรพล สันติพิริยาภรณ์ ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บก.น.1
5.ด.ต.เกษม โอชาพงศ์ ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บก.น.1
6.ด.ต.สงกรานต์ ราชไชยา ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บก.น.1
สืบเนื่องจากนายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี ประกอบอาชีพค้าขายส้มตำ อยู่บริเวณปากซอยพระรามหก ซอย 22 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กมม. แจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พญาไท ให้ดำเนินคดีกับด.ต.วรพล สันติพิริยาภรณ์ ผบ.หมู่ กก.สส.บก.น.1 กับพวกรวม 6 คน
ร่วมกับพลเรือน ร่วมกันกรรโชก และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เรียกรับเงินสินบนจากตนเป็นเงิน 50,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ กองบังคับการปราบปราม นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมและทนายความ ได้พานายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี พ่อค้าส้มตำ เข้าพบ ร.ต.อ.ปราโมทย์ ศุขศรีไพศาล รอง สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ตำรวจกองปราบช่วยรับโอนคดีดังกล่าวมาสืบสวนสอบสวน
นายรณณรงค์ กล่าวว่า ต้องการให้ตำรวจกองปราบปรามรับโอนคดีดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อจะได้จัดตั้งชุดสืบสวนเข้ามาช่วยคลี่คลายคดีดังกล่าว ถึงแม้คดีนี้จะกลายเป็นข่าวดังอยู่ในความสนใจของสังคม แต่กลับพบว่ายังมีการส่งจดหมายมาข่มขู่เอาชีวิตนายศักดิ์ชัย ผู้เสียหาย
จึงทำให้นายศักดิ์ชัย เกิดความหวาดกลัวใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงเนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัยของชีวิต จึงอยากให้กองปราบฯเข้ามาช่วยทำคดีดังกล่าวแทน รวมถึงช่วยตรวจสอบที่ไปที่มาของจดหมายข่มขู่และช่วยคุ้มครองพยาน เพราะเชื่อว่ากองปราบเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ไว้ใจได้มากที่สุด และเชื่อว่าจะสามารถให้ความเป็นธรรมได้กับทั้ง 2 ฝ่าย
“การทำคดีที่ผ่านมา สน.พญาไท ไม่ได้มีการทำคดีผิดปกติแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่ไว้วางใจเพราะเกรงว่าจะให้การช่วยเหลือกัน” นายรณณรงค์ กล่าว
นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า สำหรับจดหมายข่มขู่ดังกล่าว ได้ส่งให้กับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่ไปที่มา ตัวอย่างลายนิ้วมือแฝง เพื่อหาตัวผู้ที่ส่งจดหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุที่เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมานั้น เชื่อน่าจะมีส่วนมาจากการที่ลูกชายของตนเคยไปมีปัญหากับผู้ร่วมก่อเหตุบางคน
เบื้องต้นต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายศักดิ์ชัย ก่อนจะรวบรวมเรื่องราวทั้งหมดส่งต่อให้กับ ป.ป.ท. เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ
