ช่วงที่ผ่านมา มีข่าวฝึกกระโดดร่ม มีอุบัติเหตุทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บๆติดต่อกัน 2-3 ครั้ง
แต่สกาย ต้องเทสต์อีกทีหนึ่ง อายุตอนนั้นน่าจะ 25 ปี ที่อยากไปฝึกเพราะเขาบอกว่า ถ้าผ่านหลักสูตรนี้ได้ ถือว่าสุดยอดแล้ว รุ่นผมเรียกว่า รุ่น 50 สอ.
เหตุการณ์วันนั้น ผมโดดตัดสายเป็นครั้งที่ 2 คือดึงร่มเอง วันนั้นเครื่องบิน บินสูงโดยปกติประมาณ 5,000 จากพื้นหรือสูงประมาณ 5 กิโลเมตร
ผมโดดครั้งที่ 2 พอลงมาจะนับ วันเทาซั่น ทูทเทาซั่น ทรีเทาซั่น พอนับเสร็จปุ๊บ เราโปรยร่มเล็ก มันจะดึงร่มใหญ่ พอดึงปุ๊บ มันจะถ่วงลงมา
ทีนี้ พอปล่อยไปแล้วร่มจะดึงเร็วมากกว่าร่มที่เราโดดใหม่ ผมก็นึกในใจ เอ๊ะ ทำไมวันนี้ทำงานช้าจัง เลยหันไปมอง เห็นร่มกางไม่สมบูรณ์ มันลู่ขึ้นไปเป็นก้อน
มีครูฝึกที่เขาดิ่งแหวกอากาศลงมา น่าจะครูโต้ง เขาจะมาช่วย แต่พอสูงต่ำกว่า 1,000 แกก็เบรกร่ม มันลงลึกเกิน ครูที่ลงมาก็คิดว่าไม่รอด
พอลงมาถึงพื้น แกบอกว่า มันต่ำมาก ลงลึกเกิน ต้องดึงร่มแล้ว เพราะถ้าเลย 1,001 ลงมา เรียบร้อยต้องดึงร่ม
มันจะหมุนควง ตามแรงดึงดูดของโลก มันดึงเร็วมาก จากนี้ประมาณ 1 กิโลเมตร นักโดดนี่ ห้ามเกิน 1,001
เพราะถ้ามันควงแล้ว เราจะหาที่ดึงร่มไม่ได้ ประสาทจะไม่รับ มันเป็นแรงกดอากาศ
ส่วนมากคนที่เขาโดดที่ว่านั่น เขาจะหมายถึงจุดนี้ เขาเรียกว่า ท้านรก ส่วนมากจะมีคนบ้าบิ่น ถ้ามาโดดที่นี่ เขาจะไม่ให้โดดอีก เพราะมันสุ่มเสี่ยงมาก ท้านรกเกินไป
ในส่วนของผม พอดูนาฬิกาวัดความสูง พบว่า 1,001 คือขึ้นไปจากนี้ 1 กิโลเมตร นักโดดร่มต้องกางแล้ว ถ้าไม่กางต้องมีปัญหา
มันมีกฎอยู่แล้ว ถ้าร่มไม่กาง ต้องตัดร่มใหญ่ทิ้ง จะมีตัวคัตร่มใหญ่ ทีนี้มันอาจจะเป็นร่มเก่าหรือไง ผมดึงยังไงมันไม่หลุด
มันต่ำมากแล้ว ผมเลยตัดสินใจตัวคัตอะเวย์ ตัวรีเสิร์ฟหรือร่มเล็กมันอยู่ด้านหน้า
พอผมคัตอะเวย์ ดึงรีเสิร์ฟอันหน้า ร่มใหญ่พัดอยู่ด้านหลัง นึกในใจถ้าลงอย่างนี้ตายแน่นอน มันจะต่ำมาก ประมาณ 500
อยู่ไม่อยู่ร่มใหญ่มันสะบัดทิ้ง หลุดออก ที่ผมดึงตอนแรกมันไม่ออก เหมือนมันเกี่ยวอะไรอยู่ ก็เลยคัทอะเวย์ ดึงรีเสิร์ฟ
ทีนี้พอจะต่ำมาก ผมหลับตาแล้วแหละ พอจะดึงร่มช่วย มันสะบัดคนละข้าง ไม่หมุนพันกัน พอเห็นร่มใหญ่สะบัด ก็ทิ้งพอดี
ผมเขย่ารีเสิร์ฟ ตั้งขึ้นลงตรงกลางสนามพอดี คือร่มกาง รีเสิร์ฟช่วย แต่มันจะต่ำมากแล้ว ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เป็นร่มเล็กที่ลงมา
คือร่มใหญ่ไม่กาง แต่มันต่ำมาก ไอ้เราก็คิดว่าตายแล้ว ครูฝึกก็คิดว่าผมไม่รอด เวลาที่โดดลงมา จนเกิดเหตุ น่าจะประมาณไม่เกิน 5 นาที จาก 5 กิโลเมตร
เหตุการณ์นี้สอนเรา เกี่ยวกับภาวะในการตัดสินใจของเรา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราจะตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์ยังไง
อีกอย่างหนึ่งคือ ผมคิดว่าเป็นดวง ไม่ดวง ก็คือไหวพริบของเรา
หลังลงมา เพื่อนๆ ครู ก็ถามว่ามีอะไรดี ส่วนครูตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สรุป ไม่ได้เขียนรายงานว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เงียบกันไป ไม่ได้สรุปว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
ประมาณปี 2543 ขอย้าย เพราะมีความจำเป็นต้องกลับมาที่บ้าน แต่ถ้าจะให้โดดร่มอีก ก็โดดได้ ถ้าอยู่นะ ถ้าอยู่ก็ต้องโดด ใครไม่โดดก็ต้องเขียนบันทึก ย้ายไปหน่วยอื่น
อีกคนที่มีประสบการณ์เฉียดในลักษณะคล้ายๆกัน นั่นคือ พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น ผกก.ปพ.บช.ปส. หัวหน้าหน่วยสยบไพรี
เจ้าตัวรื้อประสบการณ์เฉียดครั้งนั้นให้ฟังว่าเกิดขึ้นหลังเรียนจบชั้นปี 1 โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานเมื่อต้นปี2536
รุ่นผมจะเป็นรุ่นแรกๆที่ปรับเปลี่ยนเครื่องบินส่งทางอากาศจากเครื่องคาริบูซึ่งเก่าปลดประจำการมาเป็นเครื่องชอร์ต ที่ใหม่กว่า แต่ความเร็วการบินจะสูงกว่าเครื่องคาริบูมากทำให้มีการปรับระบบการโดดให้เร็วขึ้น
สมัยนั้นยังโดดกัน6 จั๊ม ครั้งแรกปกติไม่มีอะไรแต่พอครั้งที่2 ครูจะสอนต่อให้พับร่ม
แต่ในวันเกิดเหตุร่มตัวเองไม่ได้พับ สรุปว่าไม่รู้ใครพับร่ม น่าจะมีปัญหาที่สติ๊กโลว์เอาไว้ผูกถุงร่มกับตัวร่มให้ติดกันตอนใส่เข้าถุง
พอโดดร่มแบบกระตุกคงที่ ถุงร่มจะดึงให้ตัวร่มหลุดออกจากสติ๊กโลว์ มีความยืดหยุ่นระดับหนึ่งให้ร่มกาง แต่กรณีผมสันนิษฐานว่าคนผูกสติ๊กโลว์ไม่แน่น เพราะจั๊มที่2 ของผมร่มไม่กาง
หัวหน้าคอมมานโดสยบไพรีย้อนเหตุระทึกเมื่อ26 ปีที่ผ่านมาว่า
ครั้งแรกโดดกันชุดละ12-14นาย เสียงจะดังป้าปๆๆเพราะถุงร่มตีเข้ากับตัวเครื่อง ครั้งที่2 ผมอยู่กลางโหลด โดดลงมาได้ยินเสียงดังฟู่ก็เอะใจทำไมดังแปลกๆ
พอลงมาก็เช็คเคอนาปี้ว่าร่มกางสมบูรณ์มั้ย ก็เห็นกางแบบพะเยิบๆ ซิการแร๊ตโล หรือกางแบบหัวไม้ขีด
จังหวะนั้นทำตามครูสอน ขณะที่ตัวเราเองก็หมุน หูเริ่มอื้อ เริ่มมองเห็นว่าตกแซงเพื่อนที่โดดก่อน ความสูงที่เราโดด1,100 ฟิตถ้าคนเก่งๆจะใช้เวลาบังคับร่มในการลอยกลางอากาศ10กว่าวินาที
ตอนนั้นไม่รู้สึกกลัวเลย10 วินาทีนั้น ผมคิดเยอะแยะ1.ทำไมร่มไม่กางในขณะที่ที่พื้นเริ่มมีสีเขียวกลายเป็นแซมสีน้ำตาล เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
ใกล้ถึงพื้น เริ่มเห็นคนวิ่งเข้ามาในกราวน์ด์ที่ผมจะลง ผมมีสติตลอดตัดสินใจดึงร่มเล็กร่มรีเสริพ ตอนนั้นอยู่ปลายยอดสนแล้ว
อยู่ดีๆร่มใหญ่กระตุกขึ้นไป แต่ระยะสั้นร่มกินลมไม่สมบูรณ์ บานออกเป็นรูปกลมพะเยิบๆ
ตัดสินใจดึงสายร่มคู่หน้า คือร่มมี4 สายใหญ่หน้า2 หลัง2 ปกติโดด6 ครั้งผมจะดึงคู่หน้าตลอด
เพราะเป็นคู่ที่สามารถเก็บคองอเข่าเท้าชิด เป็นธรรมชาติในการเซฟตัวเองแล้วผมไม่แหยงพื้นด้วยลงมาไม่เป็นอะไร แต่คนอื่นที่แหยงพื้นก็จะขาหัก
เด็กเลี้ยงวัวเห็นก็ถามพี่ไม่เป็นอะไรหรือ เห็นพี่ร่มไม่กาง ขณะเดียวกับที่พี่บุ๊ก-จินดา หนังสือขี่จยย.เข้ามาถาม
เอ้านักเรียนคนไหนร่มไม่กาง ผมก็มาหวัดดีครับ
ขณะที่เพื่อนๆอีก9 คน ยังอยู่บนฟ้า ผมลงมาถึงพื้นเป็นคนแรก พี่บุ๊กก็งงเพราะคิดว่าไปแล้ว เลยบอกให้รีบไปรายงานตัว เอาร่มไปด้วย
ก็มาดูกันสายร่ม64 คู่สาย128 เส้น พันอีรุงตุงนัง ผมก็ไม่รู้กางได้ยังไง แก้เชือกที่พันกันไม่ได้ สุดท้ายต้องเปลี่ยนสายร่มใหม่
ทุกวันนี้ กลายเป็นตำนานร่มลู่ไม่ดึงรีเสริฟ์ สุดท้ายสันนิษฐานน่าจะเกิดจากสติ๊กโลว์ผูกไม่แน่นแต่กางได้ยังไงเขาก็งงกัน
เรื่องที่เกิดขึ้นผมว่าเป็นเรื่องสติ ผมไม่ได้หลับตา ทำที่ครูสอนทุกอย่าง แต่ว่าแก้ไขไม่ได้ แต่พอจะถึงพื้นร่มช่วยเกิดกินลมตอนอยู่บนยอดสนกางเป็นดอกเห็ด
นี่คือปฐมบทการใช้ชีวิตระห่ำของผม ผู้กำกับสหัสบอก
ครับ….คนมีประสบการณ์เฉียดแบบนี้ ส่วนใหญ่ชีวิตมาทางนี้ทั้งนั้นครับ
กากีกลาย11/8/62