2 วันต่อมา “จ่าตั๋น”พร้อมกำลังกองปราบปราม นำ “ไอ้ออย เกาะคา” มาให้พันตำรวจตรีชลอ สอบปากคำที่เซฟเฮ้าน์สแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ สภาพมันถูกปิดตาไม่ต่างกับ “ไอ้วี หัวรอ”
แน่นอน…..มันรับสารภาพสิ้นไส้
“ผมจะมีออเดอร์ให้ไอ้วี กับพวกมันที่อยุธยา หารถดัมพ์ รถขนดินมาให้ เพราะรถดินของบริษัทพ่อเลี้ยง ถูกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ซุ่มยิงเสียหายหลายคัน ทำให้งานสร้างถนนช่วงดอยติ-ลำพูน ของพ่อเลี้ยงที่ประมูลได้ ไม่คืบหน้าครับนาย….”
“พ่อเลี้ยงไหนวะ….”
ไอ้ออย เกาะคา ถึงกับสะดุ้ง เมื่อเสียงที่มันมองไม่เห็นหน้าเจ้าของ กระแทกคำถามใหม่ด้วยเสียงปานฟ้าผ่า จนมันต้องรีบระล่ำระลักตอบ
“พ่อเลี้ยงแคนนะ ครับนาย…”
ชลอ นึกออกทันที เพราะตั้งเป้าไว้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นฝีมือของพ่อเลี้ยงหนุ่มคนนี้ หลังได้ข่าวจากเพื่อนทหารว่า นายแคนนะ เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ชื่อ “เมืองเหนือ คอนสตรัคชั่น จำกัด” รับเหมาประมูลงานสร้างทาง และชอบคลุกคลีอยู่ในแวดวงสายทหารเพื่อสะดวกในการประมูลงาน จนได้รับสัมปทานในการสร้างทางยุทธศาสตร์สายเหนือใน 3-4 จังหวัดรอยต่อเชียงใหม่ แต่เพียงผู้เดียว
“แล้วมึงติดต่อใครในการซื้อขายรถ ติดต่อพ่อเลี้ยงโดยตรงหรือเปล่า…”
ชลอ เสียงเข้มเค้นถามอีก
“ไม่ครับนาย…. ผมจะติดต่อกับ “ไอ้วัง แม่ทะ”คนสนิทพ่อเลี้ยงที่ทำหน้าที่คุมคนงานสร้างทางของพ่อเลี้ยงอีกที……”
ผู้ต้องหาคนสำคัญก้มหน้าตอบ
“แล้วคนขับรถ พวกมึงฆ่าทิ้งแถวไหน…”
นายตำรวจซักต่อ
“ ไอ้วีกับพวกจะเป็นคนจัดการครับ….แว่วๆว่า หลังจากมันปล้นรถดัมพ์ที่จอดรถริมถนนแล้ว มันจะใช้เชือกมัดคนขับ เอาผ้าปิดตาปิดปากลากตัวยัดใส่รถ เอาไปฆ่าทิ้ง ช่วงขับรถผ่านจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร ส่วนจะฆ่ายังไงไม่ทราบครับนาย…..”
ข้อมูลไหลออกมาเหมือนทำนบแตก ตรงกับคำให้การของ “ไอ้ทวี หัวรอ”ในเซฟเฮ้าน์จ
“จากนั้นมันจะขับรถมาให้ผมที่จังหวัดลำปาง รับเงินจากผมเป็นค่ารถคันละ 8 หมื่นบาท ถึง1 แสนบาทต่อคันครับ….”
ชลอยิ้ม เพราะทุกอย่างกำลังเข้ารูปเข้ารอย
“ไอ้ตั๋น….มึงบอกพวกเรานอนแต่หัวค่ำ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตี 4 ปลุกให้มาเจอกันที่ลานจอดรถโรงแรม เรื่องอะไรเดี๋ยวรู้กัน…..”
“ครับนาย…..”
จ่าตั๋นตอบ ก่อนทั้งหมดจะออกไปจากเซฟเฮ้านจ์ ยกเว้นตำรวจ 2-3 นายที่ให้คอยควบคุมดูแล “ไอ้ออย เกาะคา” ที่ยังนั่งพับเพียบอยู่ในสภาพไม่รู้ชะตาชีวิตข้างหน้า
———————————————
เกือบ 1 ชั่วโมงต่อมา หัวหน้าชุดสืบสวนเฉพาะกิจของกรมตำรวจ กลับมาถึงห้องพักที่โรงแรมมนตรี
ทันทีที่ถึงห้อง ชลอ โยนแฟ้มงานสืบสวนวางบนโต๊ะหน้ากระจก ก่อนชักปืน.357 คู่ใจที่เหน็บไว้ข้างเอววางไว้ใกล้กัน แล้วเดินไปนั่งที่หัวเตียง ยกหูโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆ ก่อนหมุนหมายเลขปลายทาง
“กู…ชลอ..”
“ครับนาย..ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร รถบรรทุกตามรูปพรรณหลายคัน ยังอยู่ในไซต์งานครับ..”
เสียงเบาๆจากอีกฝ่ายตอบรับมา
“มึงเฝ้าดีๆ ถ้ามันไหวตัวหรือเคลื่อนย้ายรถ โทรฯหากูทันที…”
ชลอสั่งสายลับนิรนามของเขา ก่อนวางหู และหมุนหมายเลขบนแป้นโทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้เป็นเบอร์ของพลตำรวจโทวิทูรย์ ยะสวัสดิ์ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ
“ผมชลอครับ..”
“ว่าไง…ได้เรื่องไหม…”
เสียงปลายทางซัก
“ได้เรื่องครับ ได้ตัวมาแล้ว 2 คน ทั้งแก๊งมีประมาณ 6-7 คน มีบริษัทเมืองเหนือ คอนสตัครชั่น จำกัด ของพ่อเลี้ยงแคนนะ อยู่เบื้องหลังครับ
ชลอรายงาน
“อ้อ..ไอ้แคนนะ นี่เอง มันใช้ได้เลย ใจมันถึง”
พลตำรวจโทวิทูรย์ ตอบกลับ….
“ท่านรู้จักมันหรือครับ…..”
ชลอถามด้วยความสงสัย
“อั๊วคือ เทพ333 ลื้อไม่รู้หรือไง ว่าหน้าที่จริงๆแล้วทำงานอะไรบ้าง…..”
คราวนี้เทพ 333 ย้อนถามนายตำรวจแบบไม่ต้องการคำตอบ
“ยังไงก็ ลื้อทำงานดีมาก งานเรียบร้อยเมื่อไหร่ เอาทั้งคนทั้งรถลงมาที่กรุงเทพฯ อั๊วจะแถลงข่าวนี้เอง…..
——————————————–
ตี 4 วันรุ่งขึ้น ณ ลานจอดรถ โรงแรมมนตรี
กลุ่มชายฉกรรจ์มีทั้งในเครื่องแบบตำรวจ และชุดไปรเวท เกือบ 30 นาย พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวนานาชนิด ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ในความมืดริมกำแพง เพื่อไม่ให้ใครเห็นเป็นที่สังเกตุ ท่ามกลางสายลมเมืองเหนือช่วงปลายฝนต้นหนาวที่โบกโบยพัดมา
ชั่วครู่ สายตาของตำรวจทุกคน มองเห็นพันตำรวจตรีชลอ พร้อม “หมวดครก” ร้อยตำรวจตรี เจตนากร นภีตะภัฎ รองสารวัตรหนุ่มขาบู๊จากกองปราบปราม ร้อยตำรวจโท ธรรมศาสน์ เทพสิริ รองผู้บังคับกอง สถานีตำรวจภูธรอำเภอพระนครศรีอยุธยา ตัวเปิดเกมจับ “ไอ้วี” และ“จ่าตั๋น”เดินลงบันไดออกมาจากโรงแรม ตรงมาบริเวณที่พวกเขายืนอยู่
ชลอ ยกมือรับไหว้ทำความเคารพจากกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชา ก่อนเผยภารกิจที่ต้องทำ ถึงแม้เสียงเขาไม่ดัง แต่ทุกคนฟังชัดถ้อยชัดคำ
“เราจะเข้าค้นไซต์งานไอ้พ่อเลี้ยงแคนนะ ที่ดอยติ เดี๋ยว ไอ้ตั๋น จะเอาแผนที่ไซต์งานมาให้ เป้าหมายคือรถบรรทุกต้องสงสัยตามรูปพรรณที่แจก มีทั้งหมด 15 คัน
นายตำรวจหนุ่มใช้เวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงในการสั่งการ และเตรียมความเรียบร้อย ก่อนทั้งหมดจะขึ้นรถกระบะ รถเก๋ง รวมแล้วเกือบ 10 คัน วิ่งออกจากโรงแรม
———————————————
45 นาทีต่อมา ที่ไซต์งานก่อสร้างถนนดอยติ-ลำพูน
ฟ้าสว่างพอเห็นลายมือ ขบวนรถกระบะ และรถเก๋ง ที่นำโดย พันตำรวจตรีชลอ วิ่งพุ่งเข้าไปในไซต์งานอย่างรวดเร็ว แต่ละคันแยกไปจอดตามจุดต่างๆตามที่ได้แบ่งกำลังนัดหมายไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นที่พักคนงาน ก่อนกำลังทั้งหมดจะออกจากรถเข้าค้นตามที่พักคนงานชนิดตลบมุ้ง
ท่ามกลางความงัวเงีย และมึนงงของคนงานก่อสร้างกว่า 30 คน หลังถูกปลุกด้วยชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนครบมือก่อนถูกต้อนมากลางลานไซต์งาน
ไม่นาน ความวุ่นวายทั้งหมดกลับมาอยู่ในความสงบ พันตำรวจตรีชลอ สั่งให้ จ่าตั๋น และพวก แยกย้ายตรวจสอบรถบรรทุก และรถดัมพ์ที่แจ้งหาย โดยพบจอดกระจายอยู่ในไซต์งาน12 คัน นายตำรวจหนุ่มสั่งทำบันทึกตรวจยึดเป็นหลักฐาน พร้อมประสานตำรวจท้องที่ร่วมบันทึกจับกุมด้วย
ขณะทุกคนกำลังง่วนอยู่กับหน้าที่ของแต่ละคนนั้น มีรถแลนด์โรเวอร์ ซีรี่ส 2 กระบะสั้น สีเทา วิ่งฝุ่นตลบเข้ามาในไซต์งาน
หลังรถจอดนิ่ง ชายวัยกลางคน รูปร่างสันทัด อายุ 40 ปลายๆเดินลงมาจากรถ สาวเท้าตรงเข้าหากลุ่มตำรวจที่ยืนถือปืนคุมเชิงคนงานอยู่ พร้อมเอ่ยปากถาม ด้วยสีหน้าที่มีเค้าความกังวลแฝงอยู่
“สวัสดีครับ…. ผมหนานวัง คนดูแลไซต์งานที่นี่ ไม่ทราบคุณตำรวจมาที่นี่ มีเรื่องอะไรสงสัยหรือให้ช่วยครับ…”
พันตำรวจตรีชลอ มองหน้าหนานวังพลางเปิดแฟ้มภาพบุคคลที่อยู่ในมือไปพลาง ก่อนเอ่ยปากถามกลับ
“บ้านมึงอยู่แม่ทะ ลูกน้องไอ้แคนนะใช่ไหม….”
เมื่อหนานวังตอบรับ พร้อมทำหน้าสงสัยว่าชายหนุ่มหุ่นมะขามข้อเดียว ท่าทางเป็นผู้นำ รู้ได้อย่างไรว่าบ้านเกิดเขาอยู่อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง รวมทั้งเอ่ยชื่อพ่อเลี้ยงแคนนะ เจ้านายเหนือหัว
ไม่ทันกระจ่างในความคิด หนานวัง ต้องสะดุ้งในประโยคถัดไปของชายหนุ่มคนนี้ว่า
“จับมันไปด้วย…..”
ตำรวจนอกเครื่องแบบลูกน้องชลอ 2 คน เข้าประกบล๊อกตัวตามคำสั่งผู้เป็นนาย ขณะที่หนานวังฮึดฮัด ส่งเสียงดัง เพราะเชื่อในบารมีพ่อเลี้ยงแคนนะที่คุ้มกะลาหัวอยู่
“จับผมเรื่องอะไร ผมผิดอะไร…..”
พันตำรวจตรีหนุ่ม ใช้แฟ้มคดีตบผลัวะเข้าที่กบาล หนานวัง ดังสนั่น
“ผิดแล้วยังทำไขสือ ไอ้ห่า…ผลที่มึงให้เขาไปขโมยรถ ทำคนตายไปกี่คนแล้ว มึงรู้มั้ย…..”
คราวนี้ ชลอ เสียงเหี้ยม ขณะที่หนานวัง ถึงกับหน้าถอดสี เพราะถูกจี้จุดตรงประเด็น
——————————————–
4-5 วันต่อมา ที่กรมตำรวจ
ภายหลังพลตำรวจโทวิทูรย์ ยะสวัสดิ์ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ เสร็จสิ้นจากการแถลงข่าวจับกุมแก๊งปล้นฆ่าชิงรถบรรทุก เขาเรียกชลอ หัวหน้าชุดจับกุมเข้ามาพบที่ห้องทำงาน…
“ลื้อเก่งมาก…. อั๊วจะพิจารณาความดีความชอบให้ทุกคน โดยเฉพาะลื้อ….”
พันตำรวจตรีหนุ่มยิ้มกริ่ม เมื่อผู้บังคับบัญชาชมซึ่งๆหน้า
อย่างไรก็ตาม ชลอ ยังไม่เสร็จภารกิจ เขาเดินทางกลับข้ึนเหนืออีกครั้ง เพื่อเคลียร์ค่าใช้จ่ายในโรงแรมที่เขาเหมาชั้นยกฟลอร์เป็นที่พัก
ผลค่าใช้จ่ายออกมา ชลอแทบเอามือก่ายหน้าผาก เพราะยอดค่าใช้จ่ายสูงถึง 3 แสนบาท เกินงบหลวงที่เบิกมา
“คราวนี้เอาไงดีครับนาย….”
จ่าตั๋น ถามผู้บังคับบัญชาหนุ่มเสียงอ่อย เพราะตัวเขาเป็นต้นเหตุให้นายเป็นหนี้ก้อนโต
“มึงมันก็อย่างนี้…. เอางี้ ไอ้พ่อเลี้ยง มันก็ไม่ใช่คนดีอะไร จับมันไม่ได้คาหนังคาเขาต้องเล่นวิธีนี้”
ชลอรู้จากคำให้การของ หนานวัง ว่า พ่อเลี้ยงแคนนะ ยังมีรถสิบล้อที่ถูกขโมยมาซ่อนอยู่ในบ้าน เลยนำกำลังเข้าตรวจค้น แน่นอนรถสิบล้อของกลางที่เหลืออีก1คัน ถูกพบจอดซ่อมอยู่หลังบ้าน
การเจรจาต่อรองเกิดขึ้น ในที่สุดเงิน 3 แสนบาท ที่ค้างโรงแรมมนตรี พ่อเลี้ยงแคนนะ ยอมเป็นผู้รับผิดชอบ แลกกับการมองไม่เห็นรถขโมยคันนี้ แถมยังถูกชลอนำกลับกรุงเทพฯคืนเจ้าของอีก
นั่นถือเป็นความสัมพันธ์ของนายตำรวจหนุ่มกับพ่อเลี้ยงเมืองเหนือเป็นครั้งแรก