เส้นทางถนนสายเอเชียจากชัยนาทมาถึงอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ระยะทางเกือบ 120 กิโลเมตร ชายหนุ่มนั่งอยู่เบาะหลังของรถยุโรปคันหรู สีดำเข้ม ของเพื่อนเจ้าของโรงแรมที่ให้ยืมใช้ โดยมี ไอ้หรั่ง-แพท บูล มือปืนหนุ่มเชื้อสายปาทาน นั่งอยู่เบาะหลังคู่กับเขา
ส่วนคนขับมี จ่ายะ ตำรวจหนุ่มลูกน้องจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นคนทำหน้าที่ขับรถ มี จ่าตั๋น ตำรวจหนุ่มเมืองกรุงคู่บัดดี้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งคู่
ในช่วงแรก ระหว่างออกจากโรงแรมริมถนนสายเอเชีย ทั้ง 4 คนยังคุยกันอยู่ในรถ ส่วนใหญ่จะเป็นการซักถามถึงความเคลื่อนไหวของบุคคลต้องสงสัย และตัวแสบๆในพื้นที่ที่ไอ้หรั่งรู้จัก รวมถึงเรื่องราวสารพัดสารเพ
แต่ครึ่งชั่วโมงถัดมา หลังรถวิ่งออกจากตัวเมืองอุทัยธานี ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 333 มุ่งหน้าเข้าอำเภอหนองฉาง อำเภอหนองขาหย่าง ปลายทางอำเภอบ้านไร่ เสียงพูดคุยในรถเริ่มทิ้งระยะจนกระทั่งเงียบ
ชลอ เห็นไอ้หรั่งสัปหงกหลับก่อนเป็นคนแรก
จริงๆแล้ว ชลอง่วงไม่แพ้กัน เพราะเมื่อคืนนี้ สาวน้อยที่เพื่อนเขาส่งมาทำหน้าที่นวดขานวดตัว กว่าจะออกจากห้องไปก็ตีสี่กว่าแล้ว
เหตุเพราะชลอยังมีเรื่องให้คิด
โดยเฉพาะเรื่องที่พักที่กินของลูกน้องเขาในชุดทำงาน ถ้าเป็นต่างจังหวัด ก็ไม่เท่าไหร่ ตั้งแต่อยุธยาขึ้นไปถึงเชียงใหม่ ยังพอหาได้ เพราะชีวิตราชการตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีก็วนเวียนขึ้นล่องอยู่แถวนั้น
อย่าว่าแต่ที่พักของลูกน้อง เซฟเฮาส์ที่เขาไว้เก็บตัวผู้ต้องสงสัยมาเข้ากรรมวิธีการสอบสวนตามแบบฉบับของเขาก็มีอยู่หลายแห่ง
แต่เมื่อได้มาเป็นรองผู้บังคับการกองปราบฯ มีที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ หากเขามีผู้ต้องสงสัยอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรจะเอาไปเก็บไปซุกไปซ่อนไว้ตรงไหน
คิดแก้ไขไปเรื่อย มองทิวทัศน์ข้างทางไปเรื่อย ผสมกับความเย็นจากแอร์คอนดิชั่นในรถบีเอ็มดับบลิว 318 ของเพื่อนเจ้าของโรงแรม ชลอก็ผลอยหลับ
“นาย…ถึงตัวอำเภอบ้านไร่แล้วครับ…”
จ่าตั๋น ที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับจ่ายะ ตำรวจหนุ่มแดนใต้ ที่ทำหน้าที่ขับรถหันมาบอกผู้บังคับบัญชาหนุ่มที่นั่งหลับตาอยู่เบาะหลัง
ชลอลืมตาหลังได้ยินเสียงเรียก ความสดชื่นฟื้นขึ้นมาหลังหลับลงไปได้หนึ่งอิ่ม เหลือบมองนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนทองประดับเพชรที่ข้อมือซ้าย พลางคิดในใจใช้เวลาเดินทางมาเกือบ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
“ไอ้เหน่ มันขับตามมาทันหรือเปล่าวะ…”
ชายหนุ่มถามถึงสายลับสายโจรที่ติดสอยห้อยตามเขามาตั้งแต่เป็นรองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เมื่อหลายปีก่อน
“ทันครับนาย….”
จ่าตั๋น เป็นคนตอบ
“งั้นขับไปจอดหาอะไรกินแก้เหนื่อยหน่อย เผื่อใครจะเยี่ยวจะขี้ด้วย ไปแถวๆที่ว่าการอำเภอนั่นแหละ ให้ไอ้เหน่มันขับตามมาเหมือนเดิม….”
ชลอพูดกับจ่าตั๋นเบาๆ ก่อนมองไปที่เด็กหนุ่มเชื้อแขกปาทาน ไอ้หรั่ง หรือแพท บูล ที่เดินสายอยู่ในยุทธจักรมือปืนรับจ้างภาคกลางตอนบน ที่ตอนนี้นั่งหลับอยู่ข้างๆ ก่อนใช้มือผลักหัวเด็กหนุ่มวัยกระทงที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง จนไปโดนกระจกข้างๆดังบึ้ก
“เฮ้ย..ไอ้หรั่ง มึงตื่นได้แล้ว…..”
มือปืนวัยรุ่นสะดุ้งตื่นทำท่างัวเงียแป๊ปเดียว ก่อนจะเรียกความกระฉับกระเฉงกลับคืนมา
“ไอ้ห่า…ถึงบ้านไร่แล้ว คอยดู ไอ้น้อยเพื่อนมึงด้วย เผื่อฟลุกเจอกันกลางทางจะได้ไม่เหนื่อย…”
ขณะเดียวกัน สายตาชาวบ้านชาวช่องในอำเภอบ้านไร่ ต่างมองไปที่รถเก๋ง 2 คันที่วิ่งตามกันเข้ามาจอดตรงข้ามกับที่หน้าอำเภอ ซึ่งมีร้านขายอาหารประเภทจานเดียวแบบง่ายๆติดกันอยู่หลายร้าน
แต่ชลอให้จ่าตั๋นหมุนพวงมาลัยเข้ามาจอดตรงร้านที่อยู่หัวมุมสี่แยกที่เป็น ท่ารถ เพราะดูดีกว่าร้านอื่นในพื้นที่
ชลอ ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีแดง แขนสั้นพับแขน กางเกงยีนส์ รองเท้าหนังมันวับ เปิดประตูก้าวเท้าลงมาจากรถ ยืดเนื้อยืดตัวก่อนสวมหมวกแก๊ป เดินเข้าไปในร้าน มีลูกน้องทั้งสายโจรทั้งตำรวจตามมา
ขณะที่เจ้าของร้านซึ่งเป็นอาแปะอายุราว 50 ปี กุลีกุจอเข้ามาต้อนรับ ชลอ ให้จ่าตั๋นสั่งน้ำอัดลมสีดำยี่ห้อดังขวดยักษ์ พร้อมแก้วใส่น้ำแข็งครบคนมาแบ่งกันดื่มแก้กระหาย ทั้งหมดแยกกันนั่ง 2 โต๊ะ แต่อยู่กันติดๆ
สายตาชาวบ้านเจ้าถิ่น ยังแอบชำเลืองมองกันไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์แปลกหน้าด้วยความสนเท่ห์ระคนแปลกใจ
เพราะอาคันตุกะต่างถิ่น 6-7 คน แต่งตัวเหมือนตำรวจนอกเครื่องแบบอย่างที่เคยเห็นในภาพยนตร์ไทย บางคนแขวนพระเครื่อง ของขลังเต็มคอ อย่างที่หนังเร่ หนังขายยา เคยเอามาฉายให้ดูในอำเภอ
ชลอรู้ตัวว่าเป็นเป้าสายตา ปกติ เขาไม่ชอบปรากฏตัวแบบนี้ แต่ภารกิจนี้ในวันนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไร ก็ว่าเลยตามเลย
หลังจากทุกคนดื่มน้ำดื่มท่าเสร็จเรียบร้อย ชลอเรียก ไอ้หรั่ง และไอ้เหน่เข้ามานั่งร่วมโต๊ะ
“ไอ้เหน่…พวกมึงที่ว่ามารอแล้วอยู่ไหน ”
“นัดไว้แถวๆนี้ล่ะครับ ….”
สายลับตัวเอ้ของชลอ บอกกับเจ้านายหนุ่ม
“เดี๋ยวมึงพาพวกมึงที่รู้จักบ้านรู้จักตัวไอ้น้อยเข้าไปดูที่บ้านมัน ถ้าเจอก็เอาตัวมาหากู บอกกูอยากคุยด้วย ไม่ทำอะไรมันหรอก เอาว. ที่ตั๋นไปด้วย มีอะไรด่วนติดต่อมา กูอยู่แถวๆมึงแหละ”
“ครับนาย”
ไอ้เหน่รับคำสั่งรองผู้บังคับการกองปราบปราม เจ้าของรหัส ปก.26 ก่อนลุกเดินออกไปพร้อมเพื่อน และจ่าตั๋น ตรงไปที่รถบีเอ็มดับบลิว 318
จ่าตั๋นหยิบวิทยุสื่อสาร ยี่ห้อไอคอม รุ่น 02 N ขนาดเท่ากระติกน้ำเด็กอนุบาล พร้อมใช้นิ้วเลื่อนตัวเลขที่มีอยู่ 3 ช่องไปที่หมายเลข15. 115 เป็นความถี่วิทยุสื่อสารของกองปราบปราม
พร้อมลองกดคีย์รับส่งกับวิทยุสื่อสารอีกตัวหนึ่งให้อยู่ในสภาพใช้งาน
เช๊กสภาพเรียบร้อย จ่าตั๋นส่ง วิทยุสื่อสารไอ้เหน่ ก่อนที่มันจะพาพวกไปขึ้นรถมิตซูบิชิ รุ่นกล่องไม้ขีดที่มันลงทุนยืมเพื่อนนักแข่งรถมาใช้ในงานนี้
ชลอยิ้มน้อยๆอย่างพึงพอใจ ขณะมองไปที่ “นิ้ว”แหล่งข่าวสายโจร อดีตเพื่อน“เสือเม่น”โจรร้ายเมืองลพบุรี ที่ชลอนำกำลังไปวิสามัญฆาตกรรมดับคาไร่ข้าวโพด บ้านเขาถ้ำพระ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม สมัยที่ยังเป็นรองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี
พูดก็พูด ไอ้เหน่ มันช่วยเขาปิดคดีมาแล้วก็หลายเรื่อง รวมทั้งการตามล่าสมุนเสี่ยหยอง คู่อาฆาตทายาทไบคานด้วย
“ไอ้หรั่ง มึงอยู่กับกู คอยดูไอ้น้อยเพื่อนมึง ถ้าเห็นก็บอกกู…”
“ครับ…นาย”
หนุ่มน้อยหน้าหยกร่างสูงโปร่งตอบรับคำสั่ง
“เอ้า…ใครจะกินอะไรก็กินกัน เสร็จแล้วเดี๋ยวขับรถเที่ยวชมเมืองหน่อย…”
ชลอบอกกับลูกน้องทั้งโจรทั้งตำรวจที่เหลืออยู่กับเขาอีก 3 คน
—————————————————————————————-
หลังตระเวนทั่วอำเภอ เพื่อดูเส้นทางไปในตัว
คราวนี้ชลอให้ จ่าตั๋น ขับรถแทน จ่ายะ ตำรวจหนุ่มจากสุราษฎร์ธานี โดยวิ่งออกจากเส้นทางหลวงหมายเลข 3011 มุ่งหน้าทางหลวงหมายเลข 333 บ้านไร่-ด่านช้าง เป้าหมายบ้านไอ้น้อย มือปืนที่เขาต้องการพบ
ไม่กี่อึดใจ รถเก๋งสัญชาติเยอรมัน สีดำ พุ่งทะยานออกจากตัวอำเภอบ้านไร่ ไปถึงทางแยกเข้าเส้นทางหลวง 333 ก่อนถึงทางแยก มีป้ายบอกทางไปอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้เลี้ยวขวา ระยะทาง 40 กิโลเมตร
ชลอมองภูมิประเทศสองข้างทาง ถึงแม้อำเภอบ้านไร่ จะมีเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ผืนป่าที่สำคัญขนาดใหญ่ในภาคตะวันตกอยู่ในพื้นที่
เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าแห่งนี้ กินเนื้อที่กว้างเป็นผืนเดียวกับเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี และป่าในเขตพื้นที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
ตรงจุดที่รถเขาวิ่งอยู่นั้น ไม่ได้วิ่งเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าห้วยขาแข้ง แต่วิ่งออกมายังฝั่งตรงข้าม ถือเป็นชายขอบพื้นที่ป่าห้วยขาแข้ง สภาพพื้นที่ทั้ง 2 ข้างทาง ส่วนใหญ่จึงมีแต่พืชไร่ประเภท อ้อย ข้าวโพด และสัปปะรด สลับกับป่าโปร่ง และเนินเขา ดูสวยงามไปอีกแบบ
อีก 15 นาทีต่อมา จ่าตั๋น ถอนคันเร่งลดความเร็วรถ เพราะเริ่มเข้าสู่พื้นที่ชุมชนเป็นพื้นที่ราบ ชลอสังเกตเห็นป้ายบอกทางให้รู้ว่า ขณะนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ในเขตพื้นที่บ้านป่าบัว ตำบลทัพหลวง อำเภอบ้านไร่ ใกล้ๆกันมีป้ายบอกทางไปอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เหลือระยะทางแค่ 5 กิโลเมตรเท่านั้น
ขณะที่รถบีเอ็มดับบลิวติดฟิลม์ดำมืดทึบ วิ่งผ่านออกมาจากชุมชน บ้านเรือนชาวบ้านที่เห็นแน่นหนาเริ่มบางตาลง เสียงไอ้หรั่งดังขึ้นเบาๆ แต่ได้ยินกันทั่วทั้งรถ
“นาย…ใกล้ถึงทางเข้าบ้านไอ้น้อยแล้ว อยู่ตรงซอยข้างศาลาริมทางฝั่งโน้นครับ….”
นายตำรวจหนุ่มมองไปข้างหน้าตามทิศทางที่ไอ้หรั่งบอก นอกจากศาลาริมถนนที่มีถนนดินแดงเล็กๆเข้าไปแล้ว ห่างไปเล็กน้อย เขาเห็นรถมิตซูบิชิกล่องไม้ขีดของสายลับตัวกลั่นของเขาจอดอยู่บนไหล่ทางฝั่ง ตรงข้าม ใกล้กับศาลาริมถนนด้วย
พร้อมๆกันนั้น เสียงไอ้เหน่ สเกาต์หน้าของชลอ ดังออกมาจากลำโพงวิทยุสื่อสารไอคอมรุ่น IC 02 N ที่จ่ายะ ถืออยู่ดังขึ้น
“นายๆ ว.2 เปลี่ยน….”
“ว.2 ได้ยินแล้ว นี่พี่ยะ เหน่ว่ามา….”
“ผมเห็นรถนายแล้ว แจ้งนายด้วย เจอตัวไอ้น้อยแล้ว โชคดีจริงๆ มันกำลังเก็บเสื้อผ้าไปจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อนผมกำลังกล่อมอยู่ …..เปลี่ยน”
คราวนี้ ชลอ ดึงวิทยุสื่อสารออกจากมือจ่ายะมาแนบปาก ก่อนกรอกเสียงถาม
“มึงจะให้กูเข้าไปเองมั้ย….”
“ไม่ต้องหรอกนาย เพื่อนผมมันเข้าไปนานแล้ว เดี๋ยวก็คงออกมา….”
ไอ้เหน่ สายลับสายโจรวิทยุตอบกลับมา
“ไอ้ห่า อย่าให้หลุดนะ บอกมันกูไม่ได้มาจับ แค่อยากคุยกับมันเฉยๆ….”
นายตำรวจกองปราบฯหัวหน้าทีมคลี่คลายคดีฆ่า ส.ส.หนุ่ม โฆษกพรรคกิจสังคม จังหวัดชัยนาท ให้คำมั่นสัญญาแกมขู่สายลับของเขา
ขณะที่รถของเขาแล่นผ่านรถเก๋งของไอ้เหน่ แว่บหนึ่งเขามองเห็นมันมองมาที่รถเขา แต่มันคงมองเข้ามาไม่เห็นเพราะฟิลม์ที่มืดทึบ แต่ชลอ เห็นมันนั่งอยู่กับเพื่อนมันอีกคนหนึ่ง
ชลอให้จ่าตั๋นขับเลยรถของไอ้เหน่ไปอีกประมาณครึ่งกิโลเมตร เพื่อดูเส้นทางก่อนให้วกรถกลับมา โดยชลอสั่งให้ขับรถเลยจุดที่ไอ้เหน่จอดรถไปประมาณ 50-60เมตร แล้วให้กลับรถมาจอดริมไหล่ทาง
ระยะทางขนาดนี้ไม่ใกล้ไม่ไกลพอที่จะเห็นความเคลื่อนไหวตรงจุดที่ไอ้เหน่จอดอยู่
3 ตำรวจจากกองปราบปรามนิ่งเงียบอยู่ภายในรถ ตาจ้องเขม็งไปยังจุดหมายเดียวกัน ขณะที่ไอ้หรั่ง มือปืนวัยกระทง นั่งเงียบดูการทำงานของตำรวจทั้ง 3 คน โดยเฉพาะ ชลอ นายพันตำรวจเอก รองผู้บังคับการหัวหน้าทีม ชนิดแทบจะบันทึกไว้ทุกท่วงท่า
อีกเกือบ 10 นาทีต่อมา มีความเคลื่อนไหวปรากฏต่อคลองจักษุของทุกคนในรถบีเอ็มดับบลิวสีดำ เมื่อมีรถกระบะโตโยต้าไฮลักซ์ รุ่นม้ากระโดดสีเขียว วิ่งออกมาจากทางดินแดงช่องเล็กๆ เลี้ยวซ้ายออกมาจอดริมถนน
จากนั้นมีชายฉกรรจ์ 3 คน อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเดินลงมา พร้อมๆกับที่ไอ้เหน่ และเพื่อนเดินลงจากรถ เข้าไปพูดคุยกับคนทั้ง 3 คน
ใช้เวลาไม่นาน ไอ้เหน่เดินกลับมาที่รถ จากนั้นเสียงวิทยุสื่อสารในรถของชลอดังทำลายความเงียบขึ้น
“นาย ๆ ว.2 นาย ว.2 …..”
“เออ…ว่ามา “
ชลอตอบรับ
“เรียบร้อยครับนาย…ไอ้น้อยยอมมาพบนายครับ…..”
แต่คำพูดของไอ้เหน่ประโยคต่อมา ชลอและคนในรถถึงกับหูผึ่งด้วยความตื่นเต้น ชนิดไม่เชื่อหู
“มันบอกด้วย เมื่อ 2-3 เดือนก่อนมีคนมาจ้างให้มันไปยิง ส.ส.คนไหนในชัยนาทก็ได้ครับ…”