ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดยกิตติพงศ์ นโรปการณ์
“เฮ้ย มันพูดจริงเรอะ….”
ชลอถามด้วยน้ำเสียงที่สะกดความตื่นเต้นและความดีใจเอาไว้
“จริงครับนาย…”
ไอ้เหน่ตอบกลับมาทางวิทยุสื่อสาร
“เออ… เอามันนั่งรถกลับมาคุยที่ชัยนาท จริงไม่จริงค่อยว่ากัน เดี๋ยวมึงวิ่งนำคันหน้า คันที่สองให้ไอ้น้อย นั่งรถกระบะไปกับเพื่อนมึง ส่วนกูขับปิดท้าย เจอกันที่โรงแรม มีอะไรติดต่อมา”
เสร็จจากสั่งไอ้เหน่ สายโจรตัวกลั่นของเขา ชลอคิดในใจต่อ
สิ่งที่ไอ้น้อย มือปืนบ้านไร่ อุทัยธานี พูดมามันเรื่องจริงเชื่อถือได้แค่ไหน ประสบการณ์ และอาชีพตำรวจของเขาบอกให้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเอาไว้ก่อน เพราะคนร้ายหรือสายบางคน บางทีให้ข่าวหวังเอาเงินซะส่วนมาก
ชลอมองรถลูกน้องสายโจรทั้ง 2 คัน วิ่งนำหน้าออกไปตามที่เขาสั่ง ถึงแม้ชลอจะนั่งอยู่เบาะหลังรถบีเอ็มดับบลิวคันหลังสุด แต่ก็สามารถมองเห็นรถลูกน้องที่วิ่งนำหน้าทั้ง 2 คันอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะรถเก๋งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีน้ำเงินเข้ม รุ่นกล่องไม้ขีด ที่ไอ้เหน่ขับอยู่นั้น มันช่างสะดุดตาคนช่างสังเกต เพราะด้านหลังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คนทั่วไปเห็นก็อุปไมยได้ทันที ถ้าไม่ใช่รถโจร ก็ต้องเป็นรถตำรวจนอกเครื่องแบบ สองอย่างนี้
ชลอคิดเอาว่า ไอ้เหน่มันคงคลุกคลีกับตำรวจมาก โดยเฉพาะบรรดาสายสืบ ตำรวจนอกเครื่องแบบ ที่ชอบเรียกตัวเอง “สกอต”
(มีที่มาจากคำว่า สกอตแลนยาร์ด หน่วยตำรวจชั้นนำของประเทศอังกฤษ มีที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเป็นต้นกำเนิดของตำรวจในประเทศต่างๆทั่วโลก)
ชอบใช้รถที่ไม่ติดแผ่นป้าย ทะเบียนหลัง นัยว่าหากเกิดทำงานพลาดพลั้ง คนที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่สามารถสืบสาวหาว่าใครเป็นเจ้าของรถ เพราะไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนเป็นที่สังเกต
ส่วนตัวชลอแล้ว ไม่ชอบเท่าไหร่กับการถอดป้ายทะเบียนแบบนี้ เพราะจะเป็นเป้าให้คนอื่นสงสัย ชายหนุ่มคิดไว้ในใจ ถึงชัยนาทเมื่อไหร่ จะบอกไอ้เหน่ ไปหาทะเบียนปลอมมาติดแทน
บ่ายจัดๆวันนั้น ขบวนรถทั้ง 3 คัน วิ่งตามกันไปบนเส้นทางหลวงสาย 333 จนกระทั่งไปถึงทางเข้าออกจังหวัดอุทัยธานี ก่อนรถในขบวนทั้งหมดจะเลี้ยวขวาตามกันไปบนเส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าจังหวัดชัยนาท
2 ชั่วโมงจากบ้านไร่ ในที่สุด รถทั้ง 3 คันก็วิ่งมาถึงเป้าหมาย โรงแรมที่เป็นเพื่อนของชลอ ริมถนนพหลโยธิน เขตพื้นที่จังหวัดชัยนาท
ทันทีที่ลงจากรถ ชลอเดินเข้าไปในส่วนของล็อบบี้ เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ลูกน้องเขาหลายคนนั่งบ้างยืนบ้าง
ที่เห็นๆมี ผู้กองคก-ร้อยตำรวจเอกเจตนากร นภีตะภัฎ ทองดำ-ร้อยตำรวจโททองดำ ลาภิกานท์ 2 ลูกน้องที่กองปราบฯ รวมทั้ง หมวดเจิม-ร้อยตำรวจโทเจิม ภู่สุดแสวง รองสารวัตรสถานีตำรวจภูธรบางปะหัน นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด พร้อมใจยกมือไหว้ทำความเคารพทันทีที่เห็นเจ้าของรหัส ปก.26 เดินเข้ามา
ชลอยกมือรับไหว้ลูกน้อง สายตาเหลือบไปเห็น จิ๋ว -สิบตำรวจเอกประณีต จิ๋วเจียม ลูกน้องอีกคนของเขาที่เพิ่งมาจากกรุงเทพฯยืนรวมอยู่ในกลุ่มด้วย
อายุอานามจ่าจิ๋ว รุ่นราวคราวเดียวกับ จ่าตั๋น จ่ายะ 2 ตำรวจชั้นประทวนหน้าห้องของชลอ
ก่อนนี้เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ชลอขอตัว จ่าจิ๋ว ตำรวจหนุ่มจากอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มาจากพันตำรวจเอกณรงค์วิช ไทยทอง ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม และพันตำรวจตรีสินสมุทร จันทร์ลอย สารวัตรแผนก 2 กองกำกับการ 2 กองปราบปราม ผู้บังคับบัญชาโดยตรงจ่าจิ๋ว เพื่อมาช่วยงานเขา
ชลอรู้ด้วยว่า จ่าจิ๋ว เป็นอดีตเพื่อนสนิท “ทวีป เสือคล้ำ” คนที่หลอก “ตี๋ใหญ่ -กรประเสริฐ ช่างเขียน” จอมโจรชื่อดังมาให้ตำรวจระดมยิงพรุนตายคารถกระบะ ย่านมหาชัย สมุทรสาคร
เป็นข่าวใหญ่โต เมื่อเย็นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2524 หรือต้นปีที่ผ่านมา
จ่าจิ๋ว เล่าให้ชลอฟังถึงเบื้องหลังคดีนี้หลังย้ายมาอยู่กับเขาว่า คนที่ส่งกระสุนใส่ร่าง“ตี๋ใหญ่”ในเย็นวันนั้นจริงๆแล้วคือ ทวีป เสือคล้ำ เพื่อนรักของเขาสมัยถูกเกณฑ์เป็นทหารเรืออยู่ด้วยกัน
ที่เด็ดกว่านั้น จ่าจิ๋วบอกอีกว่า หลังตี๋ใหญ่ถูกยิงดับคาเบาะที่นั่งคนขับ ยังมีตำรวจบางคน เดินไปยิงซ้ำร่างไร้วิญญาณของจอมโจรรายนี้ด้วย
จริงเท็จยังไง ชลอไม่รู้ ถึงแม้จ่าจิ๋วจะบอกชื่อ ใครทำเก่งยิงตี๋ใหญ่ ตอนตายแล้ว แต่ก็ฟังหูไว้หู เพราะ “ทวีป เสือคล้ำ” ก็ถูกยิงตายตามตี๋ใหญ่ไป ในเวลาห่างกันแค่12 วัน หรือไม่ถึง 2 อาทิตย์
“เป็นไง…ไอ้จิ๋ว ได้หมายจับมันมาหรือเปล่า”
ชลอหมายถึงหมายจับ ไอ้น้อย บ้านไร่ มือปืนหนุ่มที่อยู่ในกำมือของเขาในขณะนี้
“ได้มาแล้วครับนาย มีอยู่ 2 หมาย”
จ่าจิ๋ว ตอบพร้อมเอากระดาษหมายจับตราครุฑ มีข้อความเป็นรายละเอียดในการกระทำความผิดของไอ้น้อยในคดีฆ่าผู้อื่น ลักษณะเป็นมือปืนรับจ้าง 2-3 ใบ ยื่นให้รองผู้บังคับการหนุ่มมือปราบ ขณะที่ ชลอส่งหมายจับไอ้น้อย ต่อให้ผู้กองครก โดยยังไม่ดูรายละเอียด
“พี่เจิม เดี๋ยวพี่กับไอ้ครก เอาตัวไอ้น้อย ไปไว้ที่ห้องที่เพื่อนผมเตรียมไว้ข้างบน เดี๋ยวเราเข้าไปนั่งคุยกันว่าที่สั่งการไปเมื่อเช้า ใครได้อะไรมาบ้าง….”
“ส่วนพวกที่เหลือ แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว เสร็จแล้วค่ำๆ กินข้าวกินเหล้ามันที่นี่แหละ”
ชลอสั่งการรวดเดียวก่อนเดินจ้ำขึ้นไปบนห้องพักอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้กองครก หมวดทองดำ และหมวดเจิม ที่ไปรับตัวไอ้น้อย จากสมุนสายโจรของเขาเดินตามมา
แวบเดียวด้วยหางตา ชลอเห็นไอ้น้อย บ้านไร่ เป็นชายหนุ่มอายุประมาณไม่เกิน 25 ปี ท่าทางผอมเหมือนคนขาดสารอาหาร แต่ก็ดูแกร่งแข็งแรงตามแบบคนต่างจังหวัด
———————————————————————————————-
ภายในห้องพักที่เพื่อนชลอเตรียมไว้ เป็นห้องพักขนาดใหญ่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน อยู่บนชั้น 3 ห้องริมสุด เป็นแบบ 2 ห้องนอนติดกัน มีประตูเปิดปิดทะลุหากันได้
ชลอไม่ห่วงว่าจะมีแขกเหรื่อลูกค้าของโรงแรมเข้ามายุ่มย่ามการทำงานของเขา เพราะห้องพักที่ติดกับห้องสอบสวนชั่วคราวของเขาในขณะนี้ เพื่อนเจ้าของโรงแรมเปิดให้เขา และลูกน้องพักอยู่ทั้งฟลอร์
แม้แต่แม่บ้านคนทำความสะอาด จะขึ้นมาได้ต่อเมื่อถูกเรียกเท่านั้น
เพื่อให้ไอ้น้อย มันสบายใจ
ชลอให้ไอ้มิ่ง เพื่อนไอ้เหน่ สายลับของเขา ที่ไปเอาตัวมาจากบ้านรวมทั้ง ไอ้หรั่ง แพท บูล มือปืนเชื้อสายปาทาน เพื่อนมันนั่งอยู่อีกห้อง
ส่วนอีกห้อง ชลอให้เอาตัวมือปืนที่อ้างรู้เห็นการจ้างยิง ส.ส.ชัยนาท ซึ่งตอนนี้มานั่งหน้าจ๋องอยู่กับพื้นห้อง ปลายเตียงนอนสีขาวขนาดใหญ่ ท่ามกลางวงล้อมของตำรวจกองปราบปราม และหมวดเจิม ที่ชลอให้เข้ามาร่วมฟังการสอบสวนอย่างไม่เป็นทางการนี้ด้วย
“เอ้าว่ามา…มึง ไอ้น้อย เห็นเพื่อนมึงบอกว่าไปรับงานยิง ส.ส.ศรายุทธ เรอะ…”
เสียงมีอำนาจของรองผู้บังคับการกองปราบฯ นายตำรวจจากรั้วสามพรานรุ่น 15 ถามข้อแรก
“ครับนาย….พอมีข่าวยิง ส.ส.ลงหนังสือพิมพ์ ผมรู้ว่าอยู่ไม่ได้แน่ เลยกลับมาที่บ้านเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวหลบไปตั้งหลัก เพราะกลัวถูกคนที่มาติดต่อผม มันกลับมาฆ่าปิดปากที่ไม่รับงานมันครั้งแรก………”
ไอ้น้อย มือปืนร่างผอมพูดออกสำเนียงเหน่อๆแบบคนพื้นที่ ท้องถิ่น
“กำลังเก็บเสื้อผ้า พอดีไอ้มิ่ง เพื่อนเก่าเข้ามา บอกว่านายอยากเจอ ผมเลยตัดสินใจเข้าหานายดีกว่า เพราะผมเคยได้ยินชื่อเสียงนายจากเรื่องปราบมาเฟียไบคานแล้ว ดูแล้วน่าจะปลอดภัย….”
ชลอมองไอ้น้อย มือปืนรับจ้าง ที่ดูจากสารรูปตอนนี้เหมือนคนเป็นโรคขาดสารอาหารดูผอมแห้ง แต่ก็แกร่งอยู่ในตัว
“แล้วใครมาจ้างมึง เรื่องเป็นยังไง เล่ามา”
ชลอซัก โดยมี ผู้กองคก และผู้กองทองดำ ถือปากกากระดาษ เตรียมจดข้อความสำคัญจากปากไอ้น้อย หรือตามที่ชลอสั่ง
“ 3 เดือนที่แล้ว มีคนมาหาผมที่บ้าน ผมไม่รู้จัก เขาไม่บอกชื่อ มันรู้ว่าผมรับงานยิงคน เลยมาติดต่อ บอกให้ยิง ส.ส.ชัยนาท คนไหนก็ได้ แล้วมันก็บอกชื่อมา 2 คน ผมจำได้ว่ามีชื่อ ส.ส.คนที่ตายนี้ด้วย…..”
“มึงแต่งเรื่องหรือเปล่าวะ”
ชลอซักอย่างจับพิรุธ ขณะเอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงนอน
“ไม่ได้แต่งครับนาย ผมไม่กล้าโกหกนายหรอก”
ไอ้น้อยตอบเสียงอ่อยๆ
“มันจ้างผม 5หมื่นบาท แต่ผมไม่เชื่อ ขอไปเจอเจ้านายมัน เพราะผมกลัวมันอมเงินค่าจ้าง มีอย่างที่ไหน ให้ยิงคนระดับ ส.ส.แต่ให้มาแค่ 5 หมื่น แต่มันไม่ยอม ผมเลยบอกปัดไม่รับงานนี้”
มือปืนร่างผอมบอก
“แล้วมันหน้าตายังไงวะ มึงจำได้ไหม”
ชลอซักอีก แต่คราวนี้เสียงเริ่มเข้มขึ้น
“จำได้ว่ารูปร่างล่ำ มะขามข้อเดียว ผิวขาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่เกิน 40 ปี ครับ พูดจาสำเนียงเหมือนคนแถวๆนี้ เห็นเมื่อไหร่ก็จำได้ครับ”
ไอ้น้อย บ้านไร่ ละล่ำละลักตอบคำถาม พร้อมๆกับที่ 2 นายตำรวจหนุ่ม ผู้กองคก กับผู้หมวดทองดำ ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหน้ากระจกเงาบานใหญ่ เยื้องๆปลายเตียง จดรายละเอียดตำหนิรูปพรรณไอ้คนต้องสงสัยรายนี้ ตามคำบอกเล่าของไอ้น้อย และตามวิสัยนักสืบ
แต่พอสิ้นคำตอบไอ้น้อย ทุกคนในห้องถึงกับสะดุ้งเพราะชลอผสุรวาทเสียงดังลั่น
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย….คุยตั้งนาน ไม่ถามชื่อแซ่ แล้วกูจะเอาอะไรมาวัดว่าที่มึงพูดเรื่องจริง”
“ผมสาบานครับนาย เรื่องที่ผมพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ”
มือปืนจากชายแดนเมืองอุทัยธานี และสุพรรณบุรีตอบเสียงสั่นๆ
“เอ้า ไหน..มึงบอกมา มึงเคยไปยิงใครที่ไหนมาบ้าง ดูว่าจะตรงกับข้อมูลที่กูมีหรือเปล่า
ถ้ามึงบอกเรื่องจริง กูก็ไม่จับ เอายศ พ.ต.อ.รองผู้การกองปราบฯของกูการันตี กูอยากได้คดีฆ่า ส.ส.นี้แค่คดีเดียว …”
ชลอให้คำมั่นตามสไตล์เขา พวกกันไม่โกหกกัน พร้อมกับหยิบหมายจับประวัติคดีที่ไอ้น้อยมีอยู่ 2-3 ใบ จากผู้กองครกมาทำทีดูรายละเอียด
ในความเป็นจริง คำมั่นสัญญาที่ชลอให้กับไอ้พวกโจรเหล่านี้ว่าจะไม่จับกุม ต้องเป็นคดีที่เขาไม่รับผิดชอบ และข้อยกเว้นที่ว่า เขาก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้ด้วยเหมือนกัน
ด้วยสไตล์การทำงานแบบนี้ สิ่งที่ตอบรับกลับมาหาชลอในเวลาต่อมา นั่นคือ ข้อมูลรายละเอียดของมือปืนแต่ละซุ้ม แต่ละกลุ่มในจังหวัด หรือภูมิภาคต่างๆ หลั่งไหลเข้าสู่คลังสมองของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
จากข้อมูลแบบนี้ ไม่แปลกที่ชลอมักชอบจะออกไปหาข่าว ด้วยการกินดื่มกับบรรดาสายโจรของพวกเขาเหล่านี้ อย่างชนิดได้ใจ
โจรที่ไหนก็อยากเป็นลูกน้องในสังกัด ชลอ รองผู้บังคับการกองปราบฯทั้งนั้น…..
เช่นเดียวกับ ไอ้น้อย บ้านไร่ มือปืนที่เหมือนจะเป็นกุญแจไขคดีฆ่า นายศรายุทธ ชะนะกุล ส.ส.ชัยนาท โฆษกพรรคกิจสังคม และร้อยเอกทันตแพทย์หญิงศิริยา ชะนะกุล ภรรยานายศรายุทธ ในตอนแรก
ถึงแม้ตอนนี้ คดีดูเหมือนกลับมามืดมนอีกครั้ง แต่ชลอไม่ได้หงุดหงิดอะไรมากนัก เพราะถึงขณะนี้ เพิ่งเริ่มงานได้แค่วันสองวันเท่านั้น และคดีก็ไม่ใช่จะถึงทางตันตรงไหน
แต่นายตำรวจหนุ่มมือปราบรู้ว่า กระแสความกดดันเรื่องนี้ จะกลับไปตกอยู่ที่ผู้บริหารกรมตำรวจ โดยเฉพาะพลตำรวจเอกสุรพล จุลละพราหมณ์ อธิบดีกรมตำรวจ และพลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ ฝ่ายปราบปราม
เนื่องจากบรรดาสื่อมวลชน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ยังคงนำเสนอข่าวคดีฆาตกรรมนายกำธร ลาชโรจน์ ส.ส.ปัตตานี และคดีฆ่านายศรายุทธ ชะนะกุล ส.ส.ชัยนาท และภรรยาเสียชีวิต อย่างต่อเนื่องและครึกโครมขึ้นทุกวัน
และรู้อีกว่า ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีฆ่า ส.ส.ชัยนาท ในส่วนของกองปราบฯจะต้องถูกเร่งรัดคดีนี้จากพันตำรวจเอกกุศล นาคศรีชุ่ม รักษาการผู้การกองปราบปราม ที่ถูกผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกรมตำรวจไล่จี้ลงมาเป็นทอดๆด้วย