Saturday, October 18, 2025
More
    HomeบันเทิงจากหนังBlack Phone 2 - สายหลอนซ่อนวิญญาณ 2

    Black Phone 2 – สายหลอนซ่อนวิญญาณ 2

    เป็นธรรมดาของภาพยนตร์ ที่เมื่อภาคแรกประสบความสำเร็จ ก็จะมีการทำภาคต่อออกมาโดยหวังจะเก็บเกี่ยวความสำเร็จให้ได้เหมือนภาคแรก

    The Black Phone หนังหลอนระทึกแนวสืบสวนสอบสวนที่นำแสดงโดยดาราดังอย่าง “อีธาน ฮอว์ก” ก็เป็นหนึ่งเรื่องที่ไม่ตกขบวนการสร้างภาคต่อในชื่อ Black Phone 2 หรือ “สายหลอน ซ่อนวิญญาณ 2” กำกับโดย “สก็อต เดอร์ริคสัน” ผู้กำกับจากภาคแรก

    ย้อนกลับไปในภาคแรก

    The Black Phone บอกเล่าเรื่องราวของ “ฟินน์” รับบทโดย “เมสัน เธมส์” เด็กชายวัย 13 ปี ถูก “เดอะ แกร็บเบอร์” รับบทโดย “อีธาน ฮอว์ก” ฆาตกรต่อเนื่องจับตัวไปขังไว้ในห้องใต้ดิน ที่ปิดกั้นเสียงไม่ให้คนภายนอกได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กชาย

    ทว่าในห้องนั้นมีโทรศัพท์เก่า ๆ สีดำที่สายถูกตัดขาด แต่ในเวลาตอนกลางคืน สัญญาณโทรศัพท์จะดังขึ้น เมื่อเด็กชายรับสาย เขาก็ได้ยินเสียงของเหยื่อรายอื่น ๆ ที่ถูก “เดอะ แกร็บเบอร์” สังหารไปก่อนหน้า

    ขณะที่ “เกว็น” รับบทโดย “แมเดอลิน แมคกรอว์” น้องสาวของ “ฟินน์” เป็นเด็กที่มีสัมผัสพิเศษ สามารถเห็นภาพหลอกหลอนต่าง ๆ

    เธอพยายามหาหนทางช่วยพี่ชายออกมาจากการติดตามเบาะแสในความฝัน โดยเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970

    ​ใน Black Phone 2 คือความต่อเนื่องจากภาคแรก เรื่องราวของ “ฟินน์” โด่งดังไปทั่วประเทศ แม้จะผ่านเรื่องร้ายมา 4 ปี และ “เดอะ แกร็บเบอร์” ก็ถูกปลิดชีวิตไป

    https://www.youtube.com/watch?v=dgxt8VK-OOo
    แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทิ้งบาดแผลในใจกับเขา มักมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านตู้โทรศัพท์ ผู้ชมเข้าใจได้ว่า “โทรศัพท์” คือช่องทางให้เขาติดต่อกับวิญญาณ และวิญญาณที่โทร.มาหา ก็เป็นเหยื่อคนก่อน ๆ ของ “เดอะ แกร็บเบอร์” นั่นเอง

    ภาค 2 นี้น้ำหนักของหนังได้ถ่ายเทไปที่ตัวละคร “เกว็น” ที่ยังเป็นบทของ “แมเดอลิน แมคกรอว์” ต่อไป

    เรื่องราวเดินเข้าประเด็นอย่างรวดเร็วเมื่อ “เกว็น” ฝันและเดินออกจากบ้านไปยังห้องใต้ดินที่พี่ชายเคยโดนกักขัง  จู่ ๆ เสียงจากโทรศัพท์สีดำเครื่องเดิมก็ดังขึ้น เธอรับโทรศัพท์และได้คุยกับใครบางคน


    จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มเห็นภาพหลอนสุดสะพรึง ภาพเด็ก ๆ ที่จมใต้ทะเลสาบน้ำแข็ง

    เพื่อไขความกระจ่างจากความฝัน “เกว็น” และ “เออร์เนสโต” (มิเกล โมรา) แฟนหนุ่มของเธอ จึงชักชวน “ฟินน์” เดินทางไปยังแคมป์อัลไพน์ เลค ค่ายพักร้อนฤดูหนาวของชาวคริสต์คาทอลิก ที่ทะเลสาบน้ำแข็งในรัฐโคโลราโด

    เมื่อมาถึงแคมป์ ทั้ง 3 คนก็พบว่าที่แห่งนี้มีตู้โทรศัพท์ และ “โทรศัพท์สีดำ” อยู่ภายใน ตั้งอยู่กลางแจ้งท่ามกลางหิมะขาวโพลน แน่นอนว่าเสียงจากเด็ก ๆ ที่ร่างฝังอยู่ใต้น้ำแข็งได้ต่อสายมาหา “ฟินน์”

    ภาค 2 ของ Black Phone นอกจากจะเป็นงานสืบสวนไขปริศนาการตายของเด็ก 3 ราย ยังเชื่อมโยงเรื่องราวไปยังมารดาผู้ล่วงลับของทั้ง 2 พี่น้อง เพราะมารดาของพวกเขาทำงานที่แคมป์อัลไพน์ เลค ตั้งแต่ยังวัยรุ่น


    นอกจากนี้หนังยังย้อนกลับไปเฉลยตัวตนของ “เดอะ แกร็บเบอร์” ว่าเป็นใครมาจากไหน

    ​ส่วนใครสงสัยว่าในเมื่อ “เดอะ แกร็บเบอร์” ถูกกำจัดไปแล้วในภาคแรก แต่ดันกลับมาโลดแล่นในภาค 2 ได้อย่างไร และภาคนี้ยังเป็นหนังที่เป็นตอนต่อ ไม่ใช่การย้อนกลับไปในอดีต

    ก็ต้องบอกว่าบทหนังหาทางออกให้เรื่องราวและตัวละครไปต่อได้อย่างแยบคาย

    เพราะถ้าเทียบว่าการกลับมาของตัวละครในทำนองเดียวกัน อย่างใน Friday the 13th (ศุกร์ 13 ฝันหวาน) ที่มีตัวละคร “เจสัน วอร์ฮีส์” สวมหน้ากากสุดโหดที่คืนชีพมาหลายภาค หรือ “เฟรดดี้ ครูเกอร์” ใน A Nightmare on Elm Street ที่เรียกว่าตายแล้วตายอีก ตายยากตายเย็น สร้างมาไม่รู้ต่อกี่ภาค


    ก็ต้องบอกว่าใน Black Phone 2 เฉลยเหตุผลที่ทำให้ฆาตกรตัวร้าย “เดอะ แกร็บเบอร์” กลับมาร้ายหนักยิ่งกว่าในภาคแรก จัดว่ามีความสมเหตุสมผลขึ้นมากกว่านัก

    ว่ากันตามตรงหนัง Black Phone ยังสามารถต่อยอดเรื่องราวออกไปได้อีกหลายจุด

    โดยเฉพาะเรื่องราวของ “เดอะ แกร็บเบอร์” ก็น่าจะทำหนังได้อีกสักเรื่อง งอกเป็นจักรวาล The Black Phone ก็ยังได้.

    Blue Bird18/10/68

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments