“หมู่เอ็ม” อดีตบอดี้การ์ดดารา ชีวิตผกผันมาสวมเครื่องแบบ
28 กรกฎาคม วันมหามงคลที่ผ่านมา พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 ได้นำข้าราชการตำรวจและประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมพิธีปลูกต้นรวงผึ้ง ไม้มงคลประจำรัชกาลที่ 10 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ครบ 66 พรรษา
วันนั้น บก.น.8 มีการจัดขบวนอัญเชิญสิ่งของมงคลที่นำมาใช้พิธีปลูกต้นรวงผึ้งไว้ได้อย่างสง่างามขั้นตอนของพิธีดำเนินการผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย
โดยมีสิ่งหนึ่งซึ่ง Green Bear สะดุดตานั่นคือเข็มแสดงวิทยฐานะรูปเสือดำคู่กระโจนเข้าหาดาบอัศวิน บนหน้าอกตำรวจผู้อัญเชิญสิ่งของมงคลนายหนึ่ง ซึ่งยืนอยู่คนแรกตำแหน่งหัวแถวจนนำมาสู่บทความคอลัมน์ กากี ธน.ประจำวงรอบนี้
“หมู่เอ็ม” ส.ต.ต.เอกราช แจ้งคำ ผบ.หมู่ ฝอ.บก.น.8 ปฏิบัติงานศูนย์รวมข่าว บก.น.8 เจ้าของเข็มสุดเข้มขลัง ที่ประดับอยู่บนอกเสื้อในวันนั้น เล่าว่า ที่เห็นคือเครื่องหมายของชุดปฏิบัติการ BLACK TIGER หรือชุดอารักขาบุคคลสำคัญและตอบโต้ทางยุทธวิธี ของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล
เด็กหนุ่มชุมแพเล่าที่มาเข็มเข้มขลัง
กว่าจะได้มาซึ่งเครื่องหมายอันทรงเกียรติชิ้นนี้ “หมู่เอ็ม” ก็เป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตมาแบบโลดโผนไม่แตกต่างกับวัยรุ่นทั่วๆ ไป เกิดและเติบโตมาในครอบครัวซึ่งที่พ่อเป็นทนายความ ส่วนคุณแม่ยึดอาชีพค้าขาย หลังเรียนจบมัธยมปลายที่โรงเรียนชุมแพศึกษา จ.ขอนแก่น ก็มาหาประสบการณ์ในเมืองกรุง ด้วยการเรียนต่อคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
จบนสต.นครบาล รุ่น86 ปี59
และด้วยความที่ตัวเองเป็นคนรักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย ยกเวท เล่นฟิตเนส อยู่เสมอ ทำให้มีหน่วยก้านดี จนไปเตะตาฝ่ายบุคคลของบริษัทรับจ้างงานดูแลความปลอดภัยให้ศิลปินดาราแห่งหนึ่ง ซึ่งวางใจให้ “เจ้าเอ็ม” เข้าไปทำหน้าที่บอดี้การ์ดอิสระ รับงานดูแลศิลปินดาราเป็นวาระๆ อยู่นาน 3 ปี ก่อนจะสอบติดโรงเรียนนายสิบตำรวจนครบาล จบออกมาในรุ่น 86 เมื่อปี 2559
ก่อนนี้เป็นบอดี้การ์ดศิลปิน
“หมู่เอ็ม” บอกว่า ตัวเองเป็นลูกคนกลาง จากบรรดาพี่น้องทั้งหมด 3 คน ที่อยากเป็นตำรวจเพราะชอบ ประกอบกับพี่ชายและน้องชาย ก็ไม่มีใครรับราชการเลย พอมีโอกาสไปทำงานเป็นบอดี้การ์ดภาคเอกชน ก็ยิ่งทำให้อยากเป็นตำรวจมากขึ้น จึงตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนนายสิบออกมาสวมเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จนได้
1ใน2 นอกหน่วย ผ่านเข้าฝึกหลักสูตรหินสันติบาล
“หลังจบออกมารับราชการอยู่ที่ศูนย์รวมข่าว บก.น.8 ได้เพียง 2 เดือน ก็มีผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่ง ท่านทราบประวัติว่าผมเคยเป็นบอดี้การ์ด และรักการฝึกฝนทางยุทธวิธีเป็นชีวิตจิตใจ จึงส่งไปเทสต์ร่างกายทั้ง ดันพื้น ซิทอัพ วิ่ง และดึงข้อ จนเป็น 1 ใน 2 กำลังพลจากนอกหน่วยงาน ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าไปอบรมหลักสูตร ชุดปฏิบัติการ BLACK TIGER ของสันติบาลได้”
ฝึกค่ายนเรศวร 1เดือนครึ่ง
กว่าจะได้มาซึ่งเครื่องหมายนี้เอาไว้ประดับอก ผู้เข้ารับการฝึกต้องใช้ไปใช้ชีวิตอยู่กับครู อาจารย์ตำรวจพลร่ม ที่ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี นาน 1 เดือนครึ่ง เพื่อเตรียมร่างกาย เรียนวิชาป้องกันตัวทั้งยูโดและไอคิโด เรียนยิงปืนยุทธวิธีทั้งปืนยาวและปืนสั้น การเข้าปฏิบัติการภายในตัวอาคาร การช่วยเหลือกู้ชีพ และหลักสูตรพื้นฐานของพลซุ่มยิง
อีก2เดือนไปเรียนรู้ต่อยอดงานสันติบาล
ต่อจากนั้นอีก 2 เดือน ก็ต้องไปกินนอนอยู่ที่ศูนย์พัฒนาด้านการข่าวตำรวจสันติบาล ถนนวิภาวดี เพื่อเข้ารับการฝึกหลักสูตรต่อยอด ที่ต้องใช้เฉพาะด้านของหน่วยงานสันติบาล อาทิ การอารักขาบุคคลสำคัญ การขับรถทางยุทธวิธี การวางแผนเตรียมการณ์งานอารักขา การจัดวางกำลังตามสถานที่ การหาข่าว ฯลฯ ซึ่งใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือนครึ่งกว่าจะจบหลักสูตร
ถามไม่เลือกเวลา ได้ฉายา ไอ้แหลมสิงห์
“หมู่เอ็ม” เล่าความประทับใจให้ฟัง ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนชอบถาม ชอบใฝ่รู้ ถามครูไม่เลือกเวลา จึงเป็นที่มาของฉายา “ไอ้แหลมสิงห์” ซึ่งก็บังเอิญไปพ้องกับฉายา “แหลม ประเทศไทย” ของ ร.ต.ท.ทรงศักดิ์ พูลสวัสดิ์ รอง สว.กก.สส.บก.น.8 หรือ “ครูต๊อด สืบ 8” นายตำรวจรุ่นพี่ สายบู๊ ที่สนิทสนมกันพอดี
ฝึกเพื่อเป็นบอดี้การ์ดอย่างสมบูรณ์
“ความบังเอิญนี้ทำให้ผมได้สานฝันความอยากมีคุณสมบัติของบอดี้การ์ดให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพราะ ร.ต.ท.ทรงศักดิ์ ก็เป็นหนึ่งในตำรวจที่ชอบฝึกฝนทางยุทธวิธีไม่แพ้กัน มีทั้งความรู้และประสบการณ์จากการทำงานจริง ซึ่งมักนำมาถ่ายทอดให้บรรดาผู้ปฏิบัติงานพิเศษรุ่นหลังได้จดจำนำไปประยุกต์ใช้อยู่เนืองๆ”
อยากฝึก แรงเจอร์-โดดร่ม-อีโอดี
ก่อนจากกัน “หมู่เอ็ม” วาดฝันให้ฟัง ว่า อยากลองทำงานสืบสวน เข้าจับกุมคนร้ายดูบ้าง เพราะตัวเองชอบทางบู๊ ที่สำคัญหากมีวาสนาก็อยากจะไปศึกษาต่อหลักสูตรกระโดดร่ม ของค่ายนเรศวร หลักสูตรเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดของตำรวจ และเสือคาบดาบ หรือ RANGER ของทหารบก
มีโอกาสจะไปทดสอบร่างกายและจิตใจ
“ที่อยากไปลองหาประสบการณ์การรบแบบจู่โจม ของทหารบก ก็เพราะส่วนตัวมอง ว่าหลักสูตรทางยุทธวิธีของตำรวจนั้นส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อการช่วยชีวิตประชาชนและบุคคลสำคัญ ส่วนหลักสูตรของทหารนั้นจะถูกออกแบบมาเพื่อประหัตประหารเน้นไปในด้านการปกป้องอธิปไตย ซึ่งผมอยากมีโอกาสไปทดสอบความสามารถทั้งด้านร่างกายและจิตใจในโมเมตน์แบบนั้นบ้าง”
Green Bear 31/7/61