ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มัดรวม 12 คดีดัง สุดปังทัชใจประชาชน
ที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มีการจับกุมคดีและผู้ต้องหาทั้งที่เป็นอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยแต่ละปีพบว่ามีสถิติความเสียหายอย่างต่ำ หลักร้อยถึงหลักพันล้าน บางปีสูงสุดเกือบหมื่นล้าน ในจำนวนนั้นเกินกว่าครึ่งเป็นความสูญเสียที่เกิดจากอาชญากรรมออนไลน์
อย่างปี2567 ได้มีการเผยผลงานการจับกุมคดีทั้งหมดกว่า 41,091 คดี ได้ตัวผู้ต้องหากว่า 43,329 คน ในจำนวนนี้ทำให้เกิดความเสียหาย เฉพาะอาชญากรรมออนไลน์ที่แฝงมาในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเสียหายร่วม 1,000 ล้านบาท และดูทีท่าความเสียหายยังคงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เริ่มเห็นปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หนักข้อขึ้นทุกวัน มีการคิดกลโกง รูปแบบวิธีการหลอกเหยื่อ อาศัยความรู้สึกพื้นฐานอย่าง รัก โลภ โกรธ หลง เป็นหลัก ในการขยี้ปมจนเหยื่อหลงกล สูญเงินไปเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ยกระดับทีมประชาสัมพันธ์ จากเมื่อครั้งเป็นผู้การกองปราบปราบ ขยับเป็นทีมPR.หน่วยหลักอย่าง ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เล็งเห็นความสำคัญในการสื่อสารกับประชาชนให้ถึงโดยตรง
เริ่มทยอยสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อใช้สื่อสารกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก Fanpage Facebook ที่เริ่มต้นจากศูนย์ จนปัจจุบันนี้มียอดผู้ติดตามร่วม 3แสน 7 หมื่นคน แรงผลักดันของทีมประชาสัมพันธ์ต่อยอดให้นำมาสู่การเพิ่มแพลตฟอร์มภายใต้ชื่อ “ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)” ต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็น X (Twitter) ,Instagram ,Youtube และล่าสุด Tiktok ที่มียอดผู้ติดตามกว่า 2 ล้าน 4 แสนคน นำมาสู่การได้รับรางวัล TikTok Awards Thailand 2023 สาขา “Social Impact Partner of the Year” : พาร์ทเนอร์ผู้ขับเคลื่อนสังคมดีเด่นแห่งปี และ รางวัลจาก COP MAGAZINE ประจำปี 2023 ที่มอบให้ทีมประชาสัมพันธ์ ตำรวจสอบสวนกลาง สำหรับการทำประชาสัมพันธ์หน่วยได้อย่างดีเด่น
ขณะที่ ครึ่งปีแรกของ 2024 ก็คว้าแชมป์ทำผลงานโซเชียลมีเดียสูงสุด ในส่วนองค์กรในส่วนราชการ – รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนจากเพจเฟซบุ๊ก Thailand Social Awards ตามติดด้วยรางวัล คนแห่งแผ่นดินครั้งที่ 3 สาขา ทีมประชาสัมพันธ์ดีเด่นด้านการให้ความรู้และความช่วยเหลือประชาชนด้วยความเป็นกลางอย่างมืออาชีพ
รางวัลข้างต้นถือเป็นกำลังใจที่ดีและแรงขับเคลื่อนให้ทีมประชาสัมพันธ์ CIB ทุ่มเทแรงกายและใจ เพื่อผลิตคอนเทนต์และนำเสนอผลงานการจับกุมของเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยออกสู่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และสร้างสรรค์ให้เข้าถึง และเข้าใจง่าย
โดยเฉพาะหัวหน้าทีมประชาสัมพันธ์ อย่างพ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผบก.ปอท. ที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มักจะมีไอเดียเจ๋งๆอยู่เสมอคอยเป็นแรงผลักดัน และดูแลน้องๆทีมงานอย่างดี เกิดไอเดียทำรายการที่จะสามารถสื่อสารกับประชาชนได้แบบเรียลทาม ชัดเจน และตรงไปตรงมา เกิดเป็นรายการ “CIB ทราบแล้วเปลี่ยน” เป็นการสตรีมมิ่งผ่าน 3 แพลตฟอร์ม FACEBOOK , TIKTOK และ YOUTUBE ทุกวันพุธ เวลา 17.00 น.
วันแรกที่รายการออกอากาศมีผู้ชมเพียงหลักสิบ แต่ในระยะเวลาเกือบ 3 ปี ตอนนี้มีผู้ชมต่อครั้งหลักร้อย – หลักพัน
หนึ่งในกิจกรรมที่รายการ CIB ทราบแล้วเปลี่ยนทำมาต่อเนื่องและได้รับความนิยมจากแฟนๆ คือการโหวตคดีเด่น คดีดังในแต่ละเดือน
สำหรับผลโหวตของเดือน มกราคม ที่ได้รับจากประชาชน สูงสุด เป็นคดีของ บก.ปปป. ร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “หยุด เถอะ ครับ” รวบ นักร้องชื่อดัง ยกคณะ หลังเรียกเงินจากอธิบดีในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแลกกับการไม่เข้าร้องเรียน โดยอ้างว่าภายในกรมมีเรื่องการทุจริตซุกซ่อนอยู่ แต่ฝ่ายอธิบดียืนยันไม่ได้ทำผิด เหตุใดต้องจ่าย เป็นที่มาของการเข้าแจ้งความกับตำรวจ บก.ปปป.เร่งด่วน นำไปสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
ขณะที่คะแนนโหวต เดือนกุมภาพันธ์ ที่ได้รับสูงสุดจากประชาชน คือ บก.ทล. รวบหนุ่มลักลอบขนยาบ้า 3.3 ล้านเม็ดซุกลังน้ำแข็งบรรทุกท้ายกระบะคลุมด้วยผ้าใบ มิหนำซ้ำยังเจออาวุธสงครามและกระสุนครบมือ ผู้ต้องหาสารภาพรับปืนสงครามจากชายแดน จ.หนองคาย ขณะที่รับยาบ้ามาจาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เตรียมส่งต่อ จ.นครศรีธรรมราช ทำมาแล้ว 5 ครั้ง ค่าจ้างต่อครั้งร่วม 100,000 บาท แต่ครั้งนี้ไม่รอดจนมุมถูกตำรวจทางหลวงรวบทันควัน
คะแนนโหวต สูงสุด เดือนมีนาคม คือ บก.ทล. รวบหนุ่มหมายจับติดตัวคลั่ง ปฏิเสธการไม่ให้ตำรวจตรวจสอบบัตรประชาชนก่อนรีบวิ่งขึ้นรถ พร้อมซิ่งเก๋งขับหนี พุ่งชนรถตำรวจทางหลวงยับ ก่อนถูกรวบทันควัน กลางถนน
สำหรับคดีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสูด ประจำเดือนเมษายน คือบก.ปอท. รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเว็บไซต์ CIB ก่อนใช้ Elite visa แฝงตัวฟอกเงินในไทย พบเงินหมุนเวียนกว่า 7 หมื่นล้านบาท
คดีโหวตสูงสุดของเดือน พฤษภาคม คือ บก.ปอศ. ที่เปิดปฏิบัติการ CIB Operation Nominee Sweep ล้างบางเครือข่ายนอมินีต่างชาติในภูเก็ต พบรัสเซียร่วมร้อยลักลอบทำธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาต ถือครองที่ดินมูลค่ากว่าพันล้านบาท
สำหรับคดีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด ประจำเดือน มิถุนายนคือ บก.ปอศ. ร่วม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดปฏิบัติการตัดตอน “โจรออนไลน์” ตรวจยึดอุปกรณ์ STARLINK กว่า 58 ชุด ที่ใช้ รับ-ส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต ผ่านดาวเทียม ก่อนส่งข้ามแดนกัมพูชา-เมียนมา
คดีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดประจำเดือน กรกฎาคม เป็นของ บก.ปอท. ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Lock Star รวบนักธุรกิจเบื้องหลังเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เชียงราย นนทบุรี ปทุมธานี จนสามารถจับกุมกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ ไฮบริดสแกม (Hybrid Scam) ตั้งแต่ระดับหัวหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคนที่ดูแลเรื่องฟอกเงินได้ทั้งหมด
สำหรับเดือน สิงหาคม คดีที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด ได้แก่ บก.ป. ที่เปิด “ปฏิบัติการ TAKEDOWN MAFIA Ep.2 ตรวจค้นพร้อมจับกุม 14 จุด ในพื้นที่ จ.พัทลุง และ จ.สตูล รวบผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น รวม 4 คน หลังมีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม 3 กระบอก ดักถล่มยิงอย่างอุกอาจ จนมีผู้เสียชีวิต ญาติเครียด หวั่นความปลอดภัย จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบ
ขณะที่เดือน กันยายน เองก็มีคดีที่ได้รับการโหวตสูงสุด คือบก.ทล. ที่ร่วมกับตำรวจบช.ปส. ที่สามารถสกัดจับยาไอซ์กว่า 250 กก.อัดแน่นในรถบรรทุก คาด่านตรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานี โดยผู้ต้องหาสารภาพว่ารับมาจาก จ.เชียงราย เพื่อนำไปส่งยัง จ.สงขลา มีรถเก๋งโตโยต้าเป็นรถนำคอยสอดส่องดูด่าน แต่ไม่รอดพ้นสายตาตำรวจทางหลวง โดนรวบในที่สุด
ขณะที่คดีที่ได้รับผลโหวตจากประชาชน ประจำเดือน ตุลาคม เป็นคดีของ บก.ป. และ บก.ทล. ที่สกัดรถพ่วงขนยาบ้าซุกในตะกร้าผลไม้กว่า 13 ล้านเม็ด ขณะรถคันดังกล่าวเตรียมมุ่งหน้าลงใต้ จากนั้นเตรียมส่งออกต่อประเทศที่สาม
ส่วนเดือน พฤศจิกายน เป็นคดี ของบก.ป. หลังเดินหน้าทำสำนวน รวบรวมพยานหลักฐานจนศาลออกหมายจับ และตำรวจติดตามจับกุมทนายตั้ม พร้อมภรรยา ฐานฉ้อโกงและฟอกเงิน หลังเจ๊อ้อย เดินหน้าหอบหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจว่าถูกหลอกลวงให้โอนเงินให้ทนายคนดังจำนวนมาก
และล่าสุด คดีประจำเดือน ธันวาคม ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด ได้แก่ คดีที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เปิดยุทธการทลายรังมังกรเทา CIB Nominee sweep ep.2 ตรวจค้น 46 จุดทั่วประเทศ ดำเนินคดีกับนิติบุคคล 442 บริษัท ผู้ต้องหากว่า 1,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวจีนกว่า 250 ราย พบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท