ไม่เสี่ยงก็ต้องยอมเจ็บ น่าจะใช้ได้กับศึกพรีเมียร์ลีกบิ๊กแมทซ์
ที่เหมือนจะกลายเป็นทีมแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลมอบถ้วยแชมป์ให้ทีมแชมป์ใหม่อย่างทีมแมนซิตี้ !!!
จู้กหู้กกูกราบสวัสดีเดือนแห่งความรัก..
เสี่ยงยังไง ทำไมต้องเสี่ยง ในเมื่อทีมชุดเดิมก็ดีอยู่แล้ว..
ใช่ และคล็อปป์ก็เลือกที่จะไม่เสี่ยง คล็อปป์เลือกที่จะใช้แท็คติกและนักเตะชุดเดิม มากกว่าที่จะลองใช้เซ็นเตอร์ที่ซื้อมาใหม่ !!!
จู้กหู้กกู้มอง เกมกับแมนซิตี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเกมตรงกลางสนาม
จากภาพที่เห็น กลางลิเวอร์พูลสู้แมนซิตี้ยากมาก ด้านเกมรับอาจจะพอโอเค แต่ด้านเกมรุกนี่ชัดเจนว่าสู้ไม่ได้เลย
ถ้าเกมนี้ไม่มีฟาบินโญ่ แล้วคล็อปป์ส่งเฮนเดอร์สันไปยืนเซ็นเตอร์ ก็โอเคนะ
แต่ในเมื่อได้ฟาบินโญ่กลับมาแล้ว ทำไมไม่ลองส่งคาบัคหรือเดวี่ส์ลงเล่นคู่กับฟาบินโญ่ไป สงสัยจะกลัวขึ้นสมอง 555+
คือเปิดตำราฟุตบอลดูแบบง่ายๆเลยนะ ถ้าเฮนเดอร์สันอยู่ตรงกลาง ภาระในเกมรับก็จะลดลง การขึ้นเกมรุกก็จะดีขึ้น
จู้กหู้กกู้มองว่าตอนนี้คือคล็อปป์ ตัดสินใจอะไรครึ่งๆกลางๆไปหมด
ฟาบินโญ่กับเฮนเดอร์สัน เล่นเป็นกองหลังก็ไม่ได้ดีมาก แถมพอสองคนนี้ไม่อยู่ในแผงมิดฟิลด์พลังเกมรุกก็ลดลงอีก
กลายเป็นว่ารับก็ไม่ดี รุกก็ไม่ได้ ไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง คล็อปป์ต้องทบทวนอีกครั้ง ว่าจะใช้กองกลางเล่นกองหลังแบบนี้อีกเหรอ?
แต่ในเมื่อ..เลือกที่จะไม่เสี่ยง ก็ค้องเคารพการตัดสินใจในฐานะกุนซือ และคล็อปป์ก็รับผิดชอบต่อการพ่ายแพ้คาบ้านด้วยเช่นกัน
เกมนี้จบลงด้วยสกอร์ 4-1
ลิเวอร์พูลก่อนหน้านี้ไม่แพ้ใครในบ้านมา 4 ปี แต่พอแพ้ที ก็แพ้ 3 เกมรวด
ครั้งสุดท้ายที่แพ้ในบ้าน 3 เกมรวดเกิดขึ้นในปี 1963 หรือเมื่อ 58 ปีที่แล้ว ในยุคของบิลล์ แชงคลีย์
ที่น่าตลกคือ ในซีซั่นนั้น (1963-64) แม้จะแพ้สามเกมรวด
แต่ลิเวอร์พูลจบด้วยการเป็นแชมป์ลีก !!!
(ฮา)