ภาพยนตร์ผีสางที่ชื่อเรื่องมีคำว่า “บ้าน”
ก็เดาไม่ยากว่าสิ่งที่ผู้ชมจะได้พบก็คือ ตัวละครเข้าไปอยู่ในบ้านที่มีผีสิงอยู่ จากนั้นหนังก็จะประโคมความไม่ชอบมาพากล บรรยากาศลึกลับ ผีจะสิงสู่อยู่ตรงไหนสักแห่งในบ้านแล้วก็จะออกมาหลอกหลอนคน
หลังจากตัวละครโดนผีร้ายเล่นงานจนสะบักสะบอม พวกเขาก็จะค่อย ๆ สืบสาวราวเรื่องในอดีตของบ้านเพื่อนำไปสู่การปราบผีหรือปลดปล่อยวิญญาณร้ายให้ไปตามทางอย่างที่ควรเป็น ซึ่ง House of Sayuri (บ้านผีอิหยังวะ) ภาพยนตร์ผีจากญี่ปุ่นก็มรพล็อตทำนองนี้
เป็นผลงานกำกับของ “โคจิ ชิราอิชิ” ผู้กำกับที่ถัดทำหนังแนวสอยงขวัญ ภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ของเขาออกฉายในปี 2566 ก็คือเรื่อง Senritsu Kaiki World Kowasugi! เป็นเรื่องของทีมวิจัยที่สืบสวนปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ทว่ากลับลงเอยในสถานการณ์ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่า
House of Sayuri บอกเล่าถึง “ครอบครัวคามิกิ” ประกอบด้วยสมาชิก 7 คนได้แก่ “อากิโกะ คามิกิ” (เซน คาจิฮาระ) พ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว, “มาซะโกะ คามิกิ” (ฟูซาโกะ อูเรเบะ) มารดา, “เคอิโกะ คามิกิ” (โกโกโระ โมริตะ) ลูกสาวคนโต, “โนริโอะ คามิกิ” (เรียวกะ มินามิเดะ) ลูกชายคนกลาง, “ชุน คามิกิ” (เรอิ อิโนะมาตะ) ลูกชายคนเล็ก
รวมทั้งปู่กับย่า คือ “โชโซะ คามิกิ” (คิทาโร่) และ “ฮารุเอะ คามิกิ” (โทชิเอะ เนงิจิ) ย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ เป็นบ้านเดี่ยวหลังงาม รอบบ้านอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยแมกไม้ร่มรื่น
“อากิโกะ” หวังว่าบ้านหลังนี้จะสร้างความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว นำพาทุกคนได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา หลังจากเคยต้องอาศัยอย่างอุดอู้อยู่ในอพาร์ตเมนต์
นอกจากนี้การมีบ้านหลังใหม่ หลายห้องนอน พื้นที่กว้างขวาง ยังทำให้สามารถรับบิดา–มารดาผู้เฒ่าชรามาดูแลได้
ทว่า “ชุน” ลูกชายคนสุดท้องของเขา กลับรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มีอะไรที่น่าสะพรึงกลัว และอยากจะกลับไปอยู่อพาร์ตเมนต์เก่าตามเดิม
ขณะที่ “โนริโอะ”ที่อยู่ในวัยรุ่น ก็ได้รับคำเตือนจาก “นาโอะ สุมิดะ” (ฮานะ คอนโดะ) สาวเพื่อนร่วมโรงเรียนที่มีสัมผัสพิเศษ มาเตือนให้เขาระวังอันตรายบางอย่างจากบ้านหลังนั้น
หนังไม่ได้ปล่อยให้ผู้ชมรอนานว่า “ผี” ที่อยู่ในบ้านจะออกมาหลอกหลอนครอบครัวคามิกิเมื่อไหร่ ซึ่งตามชื่อเรื่องก็บอกอยู่โต้ง ๆ แล้วว่าผีตนนั้นชื่อว่า “ซายูริ”
เรียกได้ว่า House of Sayuri เดินตามท่าบังคับของภาพยนตร์ผี ๆที่เราเคยคุ้น
แต่พอพ้นกลางเรื่องหลังจากสมาชิกของครอบครัวคามิกิค่อย ๆล้มหายตายจากไปคนแล้วคนเล่า สมาชิกที่เหลืออยู่จึงต้องฮึดขึ้นมาต่อสู้กับ“ผีซายูริ”
โดยครึ่งหลังของเรื่องกลายกลับเป็นอีกรสชาติที่สนุก ขำขัน เฮฮาดราม่าหนักหน่วง จัดว่าทำเอาอ้าปากค้างว่าและอาจอุทานว่า “อิหยังวะ!” ก็เป็นได้
เพราะคาดเดาไม่ถูกว่าหนังจะชักพาคนดูไปทางไหนกันแน่ ขณะที่ตัวหนังก็ยังคงไว้ซึ่งความสยดสยองอย่างแข็งแรง
ต้องบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและแหวกแนวในการนำเสนอ
https://www.youtube.com/watch?v=EbR3X7r-rI0
แต่ถ้าถอดเอาความสนุก ความสยดสยอง ที่เป็นความบันเทิงของ House of Sayuri ออกไป
เราจะพบว่านี้เป็นชิ้นงานที่อุดมไปด้วยประเด็นที่สะเทือนความคิด สะเทือนหัวใจ และอาจทะลวงทำนบนน้ำตาให้แตกออกมาได้เช่นกัน ด้วยความสงสารหรือเห็นใจในชะตากรรมอันสุดบอบช้ำของตัวละครบางตัว
ถือเป็นงานที่สะท้อนแง่มุมบางอย่างในสังคม ไม่เพียงในญี่ปุ่น แต่ยังหมายรวมถึงหลาย ๆ สังคมทั่วโลก
แนวคิดที่พยายามบรรลุความฝันทำให้ชีวิตมีความเป็นอยู่ที่ดี แม้จะต้องแบกรับความกังวลใจ ที่เป็นสิ่งบั่นทอนพลังชีวิต หนังให้แง่คิดอย่างจะแจ้งว่าการทำสุขภาพที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง คือการสร้างเกราะคุ้มครองให้ฝ่าข้ามภัยร้ายได้อย่างดีที่สุด
House of Sayuri ถือเป็นภาพยนตร์แนวผีจากญี่ปุ่นที่ไม่ชวนให้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เพราะนอกจากจะมาครบถ้วนใน “ท่าบังคับ” ของหนังผีสยองขวัญ
หนังเรื่องนี้ยังทำให้อึ้งกับไอเดียการนำเสนอ เรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาก็ไปอย่างสุดทุกอย่าง ถึงรสถึงชาติ และส่งแง่คิดที่ดีงามในการเพิ่มพลังแก่ชีวิต.
Blue Bird11/1/68