หนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จ ต้องมีชื่อ How To Train Your Dragon ของค่ายดรีมเวิร์กส์ นั่งอยู่ในใจใครหลายคนแน่นอน
แอนิเมชั่นเรื่องนี้ดัดแปลงจากชุดนวนิยายสำหรับเด็กเรื่อง How To Train Your Dragon ที่เขียนโดย “เครสซิดา โคเวลล์” นักเขียนชาวอังกฤษ ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ไตรภาค ได้แก่ How to Train Your Dragon (2553)
ภาคแรกนี้เป็นการร่วมงานของ 2 ผู้กำกับคือ “คริส แซนเดอร์ส” และ “ดีน เดอบลัวส์” ขณะที่ภาค How to Train Your Dragon 2 (2557) ดีน เดอบลัวส์ รับหน้าที่กำกับเพียงคนเดียว รวมไปถึงภาค 3 คือ How to Train Your Dragon: The Hidden World (2562)
ในช่วงที่มีกระแส สตูดิโอใหญ่ ๆ ของฮอลลีวูด นำแอนิเมชั่นที่เคยประสบความสำเร็จ ออกมาปัดฝุ่นและแปลงให้เป็นภาพยนตร์ในรูปแบบใช้คนแสดงหรือไลฟ์-แอ็คชั่น
ดรีมเวิร์กส์ก็ไม่ได้ตกขบวน แถมชวนเซอร์ไพรส์ว่า How to Train Your Dragon ก็อยู่ในแถวของการถูกสร้างเป็นไลฟ์-แอ็คชั่นเช่นกัน กลายเป็นงานที่คอหนังรอคอยอยากรู้ว่า “มังกร” สารพัดชนิดที่ปรากฏในฉบับแอนิเมชั่น จะถูกสร้างออกมาเป็นอย่างไรในไลฟ์-แอ็คชั่น
ส่วนของทีมงานและนักแสดงก็ไม่เกินความคาดหมาย “ดีน เดอบลัวส์” จับโปรเจ็คต์นี้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งใน How to Train Your Dragon (2568) เจ้าตัวควบทั้งตำแหน่งผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์
บท “ฮิคคัพ” พระเอกชาวไวกิ้งที่มีมังกรคู่ใจคือเจ้า “เขี้ยวกุด” นั้น รับบทโดย “เมสัน เธมส์” เคยมีผลงานดังสุดระทึกเรื่อง The Black Phone
ขณะที่ “เจอราร์ด บัตเลอร์” ดาราดังที่เคยพากย์เสียง “สโตอิค เดอะวาสต์” บิดาของ “ฮิคคัพ” ก็ออกจากหลังม่านมารับบทนักรบไวกิ้งแห่งดินแดนเบิร์กที่ตนเคยพากย์ ส่วน “แอสทริด” นางเอกของเรื่อง “นิโค พาร์กเกอร์” คว้าบทนี้ไป
https://www.youtube.com/watch?v=aS8yILLNmb4&t=9s
ไลฟ์-แอ็คชั่น How to Train Your Dragon เป็นงานที่แทบจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากต้นฉบับแอนิเมชั่น
ว่ากันตามตรงแอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็แตกต่างจากตัวนวนิยายพอสมควร เนื่องจากนวนิยายชุดนี้มี 12 เล่ม ตัวละครบางตัวจึงถูกคัดเลือกเข้ามาอยู่ในฉบับหนัง โดย “ฮิคคัพ” คือตัวละครเอกของเรื่อง
“ฮิคคัพ” เป็นวัยรุ่นหนุ่มที่ฉลาดในการวางแผน ประดิษฐ์เทคโนโลยี มาสายบุ๋นมากกว่าจะไปสายบู๊ แม้ในใจจะมีความมุ่งมั่นอยากช่วยชุมชนของตนให้พ้นภัย
แต่ความหวังดีมักจะนำมาซึ่งความผิดพลาด ล้มเหลว ทำให้เขาเผชิญการดูถูกดูแคลนจากคนรอบข้าง รวมถึงบิดาของเขาเอง เรื่องของ “ความกล้าหาญ” จึงเป็นเหมือนปมใหญ่ในหัวใจของเด็กหนุ่ม ที่ไม่รู้ว่าจะคลายปมและใช้ชีวิตให้ราบรื่นกับบิดาที่สุดเก่งกาจกล้าหาญได้อย่างไร
ใน How to Train Your Dragon เผยให้เห็นว่า “เขี้ยวกุด” หรือ “เพลิงนิล” มังกรตัวดำเมี่ยม เป็นมังกรที่อันตรายและจับได้ยากที่สุดในบรรดามังกรทั้งหมด
มังกรตัวนี้ได้ทำให้ “ฮิคคัพ” เปลี่ยนแปลงชีวิต เติบโตความคิด กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองไม่คาดคิดหรือไม่กล้าฝัน
จุดเริ่มต้นความผูกพันของทั้งคู่ เกิดขึ้นหลังจากที่ “ฮิคคัพ” ใช้เครื่องยิงตาข่ายที่ประดิษฐ์เองไปถูก “เพลิงนิล” จนมันตกลงยังอีกฟากหนึ่งของเกาะ
“ฮิคคัพ” แอบตามไปพบว่ามังกรสีนิล มีดวงตาสีเขียวมรกตบาดเจ็บ หางไม่สมประกอบ ทำให้บินกลับรังตามมังกรตัวอื่น ๆ ไปไม่ได้
แทนที่ชายหนุ่มจะทำตามธรรมเนียมของเผ่าไวกิ้ง ที่ต้องฆ่ามังกรเพื่อให้สาสมกับการที่ทั้ง 2 เผ่าพันธุ์ได้ทำสงครามกันมาหลายชั่วอายุคน
“ฮิคคัพ” กลับอุ้มชูดูแลรักษา ให้ข้าวปลาอาหารแก่มังกรที่บาดเจ็บตัวนี้ เมื่อความสัมพันธ์แน่นแฟ้น “เขี้ยวกุด” จึงได้ตอบแทนคุณแก่ “ฮิคคัพ” นั่นก็คือความจงรักภักดี
ความสนุกของ How to Train Your Dragon ในแบบแอนิเมชั่นยังคงครบครันในฉบับไลฟ์-แอ็คชั่น มีเติมแต่งอะไรเข้าไปบ้างเพียงเล็กน้อยแต่สมเหตุสมผล
หนังเผยถึงวิถีของการเป็นฮีโร่ที่สวยงาม สะอาดหมดจด และสะท้อนปัญหาการขาดความมั่นใจในวัยรุ่น การปลีกตัวจากสังคม ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับครอบครัว
หนทางแก้ไขคือการพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ ถือเป็นงานที่สื่อสารออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาและชวนประทับใจ.
Blue Bird14/6/68