การเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ล้วนเป็นความฝันของใครหลายคน
แต่จะมีสักกี่คนที่ไปได้ถึงฝั่งฝันและผลักดันให้เป็นจริง
เพราะการติดทีมชาตินั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแต่ต้องมาด้วยความสามารถและผ่านการคัดเลือกที่เข้มข้น จึงมีโอกาสติดทีมชาติได้ และกว่าจะมาถึงวันนี้ “ไม่มีคำว่าง่าย” สำหรับพวกเขาเลย
ว่าที่ ร.ต.ท.จิตรภณ โตเวโรจน์ หรือหมวดชอปเปอร์ รอง.สว.ฝ่ายฝึกอบรม บก.อก.บช.ก.
เป็นหนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติไทย ที่ใช้ฝีมือในการเล่นกีฬาปูทางสร้างโอกาสทางการศึกษาและอาชีพให้กับตัวเอง
หมวดชอปเปอร์ เล่าถึงความหลังเมื่อครั้งยังเป็นเด็กว่า
เริ่มเล่นกีฬาเพราะความชอบและความสนุกเหมือนกับเด็กทั่วไป เริ่มจากเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน ตอนนั้นยังเป็นเด็กก็ยังแบ่งเวลาไม่เป็น ทุ่มเทให้กับการกีฬามากเกินไปจนทำให้ผลการเรียนคะแนนตกจึงหยุดเล่น แล้วหันมาตั้งใจเรียน

ต่อมาเย็นวันหนึ่งระหว่างนั่งรอคุณแม่มารับกลับบ้าน นั่งดูเพื่อนซ้อมบาส
พอโค้ชหันมาเห็นก็ถามว่าอยากเล่นไหมพร้อมกับโยนลูกบาสให้ ผมจึงลงไปเคาะ ๆ ลูกบาสกับเพื่อนในสนาม แล้วรู้สึกสนุกจึงไปบอกแม่ว่าอยากเล่นบาส แม่ก็สนับสนุนเลยครับ
ผมก็ตั้งใจซ้อมทุกวันจนชนะได้เหรียญทองจากการแข่งขันครั้งแรกในจังหวัดสงขลา
จนช่วง ม. 2 โค้ชมาถามว่าอยากไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ไหม เขารู้จักกับโค้ชของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ก็เลยขอแม่มาคัดตัวจนได้ทุนเรียนฟรีมาตลอด ตั้งแต่ระดับมัธยมจนถึงปริญญาโท
ผมจบปริญญาตรีที่ มศว. เอกรัฐศาสตร์ และปริญญาโทเอกบริหารธุรกิจการตลาด ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับพ่อแม่ได้อย่างดี
ซ้อม ซ้อม ซ้อม และก็ซ้อม
“ความพยายามไม่เคยทรยศใคร”
ผมตั้งใจอยากติดทีมชาติเหมือนพี่เจโอ รัชเดช เคลือทิวา รุ่นพี่ทีมชาติไทย ผมชื่นชอบลีลาการเล่นของพี่เขามาก
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมก็ตั้งใจซ้อมหนักทุกวัน แต่ก็โดนโค้ชด่าตลอด จนเกือบถอดใจแล้ว ก็ได้พี่เจโอที่เป็นผู้ช่วยโค้ชคอยให้กำลังใจทั้งในสนามบาสและสนามชีวิต

การมีวินัยและมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อม ตลอดจนการอดทนอดกลั้นต่อความกดดันต่างๆ ส่งผลทำให้ผมติดทีมชาติไทยในวัย 19 ปี
สำหรับกำลังใจที่สำคัญและทำให้ผมมีวันนี้ได้ก็คือครอบครัวของผมโดยเฉพาะคุณแม่ ที่จะคอยนั่งชิดติดขอบสนามให้กำลังใจลูกเสมอ
รางวัลแห่งความภูมิใจ
จุดสูงสุดในการเล่นกีฬาบาสเกตบอลของผม คือ การแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ที่ประเทศจีน ได้เหรียญทองแดง การแข่งขันซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม รวมทั้งได้เป็นนักกีฬายอดเยี่ยม ตำแหน่ง Shooting Guard 4 ปีซ้อนด้วยครับ
หนทางสู่วงการสีกากี
ก่อนมาเป็นตำรวจ หมวดชอปเปอร์เคยเป็นพลทหารและเป็นพนักงานบาริสต้าร้านกาแฟมาก่อน
อยู่มาวันหนึ่งได้พบกับ “โค้ชเส็ง”ประเสริฐ ศิริพจนากุล ผู้ที่ปั้นเขามากับมือในตำแหน่ง “มือปืนระยะไกลของทีม” และ พี่แท่ง พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ บุญเสริม ผกก.สืบสวน ภ.จว.หนองคาย ตอนนั้นเขาเป็น head coach บาสเกตบอลโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ให้โอกาสชวนผมมาเป็นตำรวจใช้โควต้านักกีฬาทีมชาติ
ผมตัดสินใจตอบรับทันทีไม่รีรอ เพราะผมมองเห็นอนาคตและข้อดีของการเป็นตำรวจซึ่งเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง ช่วยดูแลครอบครัวให้สุขสบายและมีสวัสดิการที่ดี ดูแลพ่อแม่
![]()
ต้องบอกว่าได้งานนี้มาก็เพราะ “กีฬาเป็นใบเบิกทาง” เมื่อผู้ใหญ่ชวนผมจึงตอบรับอย่างไว ผมแค่คิดว่าโอกาสมันไม่เคยรอใคร จึงทำให้ผมตัดสินใจเดี๋ยวนั้น
สำหรับมือยิง (บาส) คนเก่ง นอกจากกีฬาจะเป็นยาวิเศษแล้ว ยังทำให้มีโอกาสทางการศึกษาที่ดี มีหนทางสร้างอาชีพที่มั่นคงทำให้เขาได้เข้าสู่เส้นทางแห่งเกียรติยศสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้ตัวเองและวงศ์ตระกูลอีกด้วย
ขอบคุณที่เข้าใจ
หมวดชอปเปอร์ บอกว่าเขาต้องรู้จักที่จะแบ่งเวลาให้สมดุลเพื่อไม่ให้การซ้อมบาสกระทบกับการทำงาน เช่น ถ้าเราต้องไปซ้อมในตอนบ่าย ตอนเช้าก็ต้องรีบเข้ามาทำงานก่อน หากช่วงไหนไม่มีการแข่งขันก็จะเข้ามาทำงานให้เต็มที่ เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
แม้จะเหนื่อยหนักแต่ผมก็รักและต้องรับผิดชอบทั้ง 2 ส่วนนี้ให้ดีที่สุด ต้องขอบคุณผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจผมครับ
ตำรวจต้นแบบ
เขายังบอกด้วยว่าหลังจากที่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในวงการสีกากีแล้วเขาก็ได้เห็นแบบอย่างที่ดีจากผู้บังคับบัญชา คือ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผมชอบที่ท่านมีความมุ่งมั่นทำงานอย่างมีคุณภาพ ใส่ใจต่อการให้บริการประชาชน และท่านยังเป็นคนที่รักและใส่ใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างดีอีกด้วย


หัวใจยังอยู่ใต้แป้น
แม้วันนี้ Shooter หมายเลข 7 ผู้นี้จะเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติในฐานะนักบาส ทีมชาติไทย แต่หัวใจของเขายังผูกพันอยู่กับวงการนี้เสมอ
เขายังเล่นกีฬาบาสเกตบอลเพื่อพบปะสังสรรค์กันแบบสนุก ๆ เพราะการเล่นกีฬาช่วยให้มีสุขภาพกายใจที่แข็งแรง และตอนนี้ยังเป็นโค้ชให้กับทีมSiam Hooper ในรายการ YBL ด้วย
นอกจากนี้เขายังได้เปิดศูนย์ฝึกสอนบาสของตัวเองในนาม JT Seven Basketball Academy อยู่แถวพัฒนาการ 44
สำหรับใครที่สนใจอยากให้ลูกหลานมาเรียนบาสกับอดีตทีมชาติดาวรุ่งก็สามารถติดตาม ได้ที่ Facebook JT Seven Basketball Academy
บาสเลี้ยงชีพไม่ได้…แต่เลี้ยงหัวใจให้มีความสุข
หมวดชอปเปอร์ ยังได้ฝากถึงน้อง ๆ ที่ชอบเล่นบาสว่าต้องรู้หน้าที่ของเราคือ “เรื่องเรียนเป็นหลัก เรื่องบาสเป็นรอง”
ถึงจะชอบบาสเกตบอลมากแค่ไหนต้องไม่ทิ้งการเรียนและเราต้องมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน
อย่างน้อยต้องเรียนจนจบปริญญาตรี ให้มีรูปและใบปริญญาติดฝาบ้านเป็นความภาคภูมิใจให้กับพ่อแม่ และยังได้นำไปประกอบอาชีพสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้

กีฬาบาสเกตบอลอย่างเดียวยังไม่มีความมั่นคงพอที่จะยึดเป็นอาชีพ เมื่อหมดฤดูกาลแข่งขันก็ทำให้เราขาดรายได้นะ
“ เล่นสนุกในสนามแข่งได้แต่ต้องตั้งใจสร้างอนาคตของตัวเองด้วย” คือเป็นนักกีฬามันได้เพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วมีวันหมดอายุ แต่ถ้าเราทำงานที่มั่นคงก็อยู่ได้จนวันเกษียณนะครับ“
อดีตนักบาสทีมชาติไทยยังบอกด้วยว่า…
วันนี้ เขาได้บรรลุเป้าหมายในชีวิตและพิชิตฝันอย่างที่ตั้งใจไว้หมดแล้ว ทั้งด้านกีฬาและหน้าที่การงาน หมวดชอปเปอร์ ใช้สูตรสำเร็จเดียวกันคือ
“ขยัน อดทน มีวินัย และใส่ใจรับผิดชอบ”
หวังว่าเรื่องราวของหมวดชอปเปอร์มือปืนระยะไกล (ที่ไม่ใช้กระสุน) แต่ใช้ต้นทุนคือความสามารถด้านกีฬา คงจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนได้เดินบนเส้นทางสายเกียรติยศนี้และมีอนาคตที่สดใสนะคะ
เด็ดดาว รายงาน15/11/68




























