ช่วงเดือนกรกฎาคมปีนี้ มี 2 ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ในแบบ “รีบูต” มาให้ชม
เรื่องแรกคือ Superman งานกำกับของ “เจมส์ กันน์” เพิ่งฉายผ่านตาไปเมื่อเร็วๆ นี้ ได้นักแสดงใหม่มารับบทซูเปอร์แมน
ส่วนเรื่องต่อมาก็คือ The Fantastic Four : First Steps หรือ “เดอะ แฟนแทสติก 4 : จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่” งานกำกับของ “แมตต์ แชกแมน”
ปฐมบทใหม่ก็เปลี่ยนนักแสดงใหม่ยกเซ็ตเช่นกัน แต่ก่อนจะไปถึง The Fantastic Four : First Steps ก็ต้องย้อนไปยัง The Fantastic Four ฉบับตำนานที่มีกำหนดออกฉายในปี 2537
แต่จนถึงปัจจุบัน The Fantastic Four ฉบับเก่ากึ้กนี้ก็ยังไม่ได้ออกฉายอย่างเป็นทางการ
มีการเล่าขานว่า ในปี 2535 “โรเจอร์ คอร์แมน” นักทำหนังชาวอเมริกัน ลงทุนสร้าง The Fantastic Four ด้วยงบประมาณราว ๆ 1 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นงบที่น้อยมาก เหตุเพราะเขาต้องสร้างภาพยนตร์ก่อนที่สิทธิ์ในการสร้าง The Fantastic Four จะหมดอายุลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2535
ทีมงานหรือคนที่เกี่ยวข้องกับหนัง The Fantastic Four คาดการณ์ว่าหนังทุนต่ำเรื่องนี้จะได้ออกฉายสู่สายตาชาวโลก แต่สุดท้ายผิดแผน กลับไม่ได้ฉายอย่างเป็นทางการ มีเพียงการทำสำเนาเผยแพร่ในงานนิทรรศการ หรืองานมีตติ้งแฟนคลับ
ส่วนที่ต้องพับการฉายไป มีเหตุจากเรื่องการเงินที่ดูคลุมเครืออยู่มากมาย กลายเป็นว่าหนังฉบับปฐมบทของ The Fantastic Four พังครืนไม่เป็นท่า
แต่แล้วในปี 2548 The Fantastic Four กลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง ใช้ชื่อว่า Fantastic Four กำกับโดย “ทิม สตอรี” ได้ 4 ดาราดังที่ฝีมือกำลังสด มารับบท 4 ซูเปอร์ฮีโร่ในเรื่อง
ได้แก่ “คริส อีแวนส์” รับบท “จอห์นนี่ สตอร์ม” ผู้มีฉายา “ฮิวแมน ทอร์ช” มีพลังพิเศษคือกลายร่างเป็นเพลิงไฟ,
“เจสสิกา อัลบา” ในบท “ซู สตอร์ม” สาวผู้มีพลังล่องหน,
“โยอัน กริฟฟิดด์” รับบทเป็น “รีด ริชาร์ดส์” หรือ “มิสเตอร์แฟนแทสติก” ฉายาคนพลังกายสิทธิ์ที่ยืดร่างเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้
และ “ไมเคิล ชิคลิส” รับบท “เบน กริมม์” หรือ “เดอะ ธิง” มีร่างเป็นหิน
จากนั้นในปี 2550 มีการสร้างภาคต่อในชื่อ Fantastic Four : Rise of the Silver Surfer ยังใช้บริการผู้กำกับ “ทิม สตอรี” และยังคงนักแสดงชุดเดิม ในบทเดิม อย่างเหนียวแน่น
ต่อมาในปี 2558 มีการออกงานสารคดี บอกเล่าถึงความเป็นมาในการสร้าง The Fantastic Four (ฉบับปี 2537)
และเมื่อเดินทางมาถึง The Fantastic Four : First Steps ก็ต้องบอกว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์แห่งปีอีกเรื่องของมาร์เวล สตูดิโอส์ ผู้ชมไม่ต้องกังวลไปว่าจะต้องไปรื้อฟื้นถามหาความหลังเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่เหล่านี้อีก
เพราะหนังเดินเรื่องในตอนต้นแบบฉับไว เผยให้รู้ว่า “คนธรรมดา” กลายเป็นผู้ที่มี “พลังพิเศษ” ได้อย่างไร
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะรังสีคอสมิกนั่นเอง ที่มอบพลังเหนือมนุษย์ให้กับนักบินอวกาศ 4 คน จนในที่สุดพวกเขาก็กลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ผู้เป็นที่รักของโลกบ้านเกิดที่ชื่อว่า “เอิร์ธ-828” (Earth-828)
https://www.youtube.com/watch?v=TFgCxoihEhk
ในภาครีบูตใหม่นี้ “มิสเตอร์แฟนแทสติก” รับบทโดย “เปโดร ปาสคาล”, “ซู สตอร์ม” รับบทโดย “วาเนสซ่า เคอร์บี”, “ฮิวแมน ทอร์ช” รับบทโดย “โจเซฟ ควินน์” และ “เบน กริมม์” รับบทโดย “อีบอน มอส-บาครัช”
Earth-828 เป็นบ้านที่แสนสุขของ Fantastic Four พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อาศัยอยู่บนตึกสูงอย่างหรูหรา มีความพรีวิลเลจสุด ๆ
แต่กลุ่มผู้มีพลังเหล่านี้ ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย พวกเขามุ่งทำประโยชน์ให้กับโลกด้วยการมีส่วนร่วมในการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์เพื่ออนาคตของมนุษยชาติ
อย่างไรก็ตาม Earth-828 ก็ถูกท้าทายอย่างหนัก
เมื่อวายร้ายเบอร์ 2 ชื่อ “ซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์” (Silver Surfer) รับบทโดย “จูเลีย การ์เนอร์” เธอเป็นสิ่งมีชีวิตนอกจักรวาล มีร่างกายเป็นโลหะ เดินทางมายังโลก
เพื่อแจ้งข่าวร้ายว่า “กาแลกตัส” (Galactus) รับบทโดย “ราล์ฟ อีนสัน” วายร้ายเบอร์ 1 เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งจักรวาลผู้กลืนกินดาวเคราะห์ มีจุดมุ่งหมายที่จะสวาปาม Earth-828
แต่ทางรอดของโลกยังมี เมื่อ “กาแลกตัส” ยื่นหมูยื่นแมวกับกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ชุดสีฟ้าสดใส แฟนแทสติก โฟร์ ว่าถ้าไม่อยากให้โลกถึงกาลหายนะ ก็เอา “บุตร” ของ ซู สตอร์ม และ มิสเตอร์แฟนแทสติก มาแลกเสียแต่โดยดี!
แน่นอนว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมไม่ยอมยกลูกให้กับใคร แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความโกรธแค้นของคนบนโลกที่มองว่าซูเปอร์ฮีโร่ของพวกเขา เห็นลูกตัวเองดีกว่าความอยู่รอดของโลก
สถานการณ์ครั้งนี้จึงเป็นโจทย์ที่ยากเย็นยิ่งนักของ กลุ่ม Fantastic Four ว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ “กาแลกตัส” และ “ซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์” ทำลายล้างโลก และพวกเขายังสามารถปกป้องลูกน้อยของตนเองได้
The Fantastic Four : First Steps เป็นหนังที่นำเสนอแอ็คชั่นผจญภัยได้ตามแบบฉบับของหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่างสมบูรณ์ แต่แฝงด้วยดราม่าในเรื่องของครอบครัวที่ส่งประเด็นชวนขบคิด ที่น่าสนใจคือการให้หนังย้อนกลับไปอยู่ในทศวรรษที่ 1960
โดยกำหนดบรรยากาศของหนังให้เป็นไปในแบบ Retro-Futuristic มีการออกแบบฉาก เสื้อผ้า และองค์ประกอบฉากต่าง ๆ ให้ออกมาดูย้อนยุค
แต่ในขณะเดียวกันก็จะเห็นความล้ำสมัยในอดีต ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่โชว์งานด้านภาพที่สวยงามเจริญตาอย่างยิ่ง
Blue Bird26/7/68