กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มติร่วมกันในที่ประชุมได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในฐานความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ และพ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรงฯ กับ 18 ผู้ต้องหาบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พ.ย.67ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังดีเอสไอรับสืบสวนสอบสวนต่อจากสำนวนคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ.กระทั่งเตรียมแจ้งข้อหา พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือกฎหมายแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 เป็นอีกสองฐานความผิด นอกจาก 2 ฐานความผิดเดิม อันประกอบด้วย ฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 พ.ย. เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ คณะพนักงานสอบสวน นำโดยพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะมีการประชุมร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ก.
เนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจสอบสวนกลาง ได้แบ่งหน้าที่กันดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์งบดุล การวิเคราะห์ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์แผนประทุษกรรม
ดังนั้น สาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ จะประชุมเรื่องรายละเอียดของสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติม ว่า ตำรวจได้สอบสวนประเด็นใดไปแล้วบ้าง เนื่องจากเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ทางตำรวจ ปคบ.ได้ส่งแฟ้มเอกสารสำนวนคดีมายังดีเอสไอเพิ่มเติม รวมแล้วกว่าแสนแผ่น
การพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ระหว่าง 2 หน่วยงาน ถือเป็นไปตามข้อบังคับตามที่กฎหมายกำหนด หรือที่เรียกว่า “ข้อบังคับ กคพ. ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ในคดีพิเศษระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2547“
เนื่องจากในข้อ 5 วรรคท้าย ระบุว่า ”เมื่อมีการส่งมอบสำนวนแล้วให้หารือเกี่ยวกับรายละเอียดการดำเนินการไปแล้ว เพื่อให้เกิดการประสานงานร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบสำนวนต่อจากพนักงานสอบสวนตำรวจ“
เพราะการส่งมอบให้เป็นคดีพิเศษ พนักงานสอบสวนชุดเดิมและชุดใหม่จะต้องหารือร่วมกันว่าจะทำอะไรต่อไป เพื่อเชื่อมต่อเรื่องข้อมูลระหว่างกัน
สำหรับกรณีดีเอสไอจะเข้าไปในเรือนจำ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่ และพ.ร.บ.ขายตรงฯ เพิ่มเติมกับ 18 บอสดิไอคอน นั้น วิธีการปฏิบัติ ดีเอสไอจะต้องทำร่างรายละเอียดไว้ก่อน แล้วทำหนังสือนัดหมายไปที่เรือนจำฯ ให้เรียบร้อย
จากนั้นทางเรือนจำจะต้องแจ้งว่าจะให้พนักงานสอบสวนเข้าไปพบได้ในวันไหน เวลาใด เพื่อให้ทางเรือนจำฯ จะได้จัดสถานที่อำนวยการปฏิบัติงาน ทั้งนี้คาดว่าอย่างเร็วสุดคือวันที่ 8 พ.ย.หรืออย่างช้าสุดภายในสัปดาห์หน้า แต่ยืนยันว่าดีเอสไอจะต้องเร่งดำเนินการเพราะเกี่ยวพันกับระยะเวลาการฝากขัง
คณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า สำหรับข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งนั้น เป็นการแจ้งตามประมวลกฎหมายอาญา หรือฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 341 มาตรา 343 และ พ.ร.บ.คอมฯ ดังนั้น ดีเอสไอจึงนำมาพิจารณา และพบว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 มาตรา 5 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 19 มาตรา 20
ฉะนั้น หากดูจากอัตราโทษสูงสุดซึ่งจะเป็นไปตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ จะมีอัตราโทษสูงสุดอยู่ที่ 10 ปี แต่ก็แล้วแต่กรรม เพราะคดีแชร์ลูกโซ่ต้องดูจำนวนกรรม อีกทั้งการดำเนินคดีนั้น พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเป็นรายกรรม ต้องพิจารณารายละเอียดจากผู้ต้องหาแต่ละรายว่ากระทำกี่กรรม
ตัวอย่างเช่น บอสดาราได้ขึ้นพูดบนเวทีกี่ครั้ง ได้รับโอนเงินกี่ครั้ง ครั้งละกี่บาท เป็นต้น ส่วนเรื่องการสรุปสำนวนสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ หลังจากนี้ไป คาดว่าไม่น่าเกิน2 เดือน หรือไม่เกิน 40 วัน จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ อาจตรงกับช่วงปลายเดือน ธ.ค.67 หรือต้นเดือน ม.ค.68 ก็เป็นได้
ด้านพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวย้ำถึงกรณีพยานของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำนวน 20 ราย ที่เข้ามายื่นเรื่องกับดีเอสไอ ว่า ส่วนพยานของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ทั้ง 20 ราย ที่เดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่เมื่อวันที 4 พ.ย.เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้แล้ว รวมถึงได้สอบถามข้อมูลบุคคลว่าเป็นใคร เกี่ยวข้องกับบริษัทอย่างไร รวมถึงประเด็นที่จะเข้ามาเป็นพยานในคดีในเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้สอบปากคำ โดยจะนัดเข้ามาให้การภายหลัง