วันที่ 5 ส.ค.67เวลา 11.00 น. ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6,พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์
รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5,
พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชินวุฒิ ต้ังวงษ์เลิศ ผกก.ตม.จว.สงขลา, พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิเษก ปิศโน ผกก.ตม.จว.น่าน, พ.ต.ท.พิระวัตร์ วงศ์ศิริเมธีกุล สวญ.ตม.จว.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้
1. สตม.รวบแล้ว!! ขบวนการขนคนต่างด้าวขึ้นเหนือล่องใต้อ้างโปรไฟล์รับขนส่งทั่วไทย
ตม.จว.น่าน ร่วมกับ ตม.จว.สุรินทร์ จับกุม นายหนูเรียง (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดน่าน ที่ จ.34/2567 ลงวันที่ 15 มี.ค.2567 ในความผิดฐาน ร่วมกันกระทําความผิดฐาน (ผู้ใช้) รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นําตัวส่งสภ.เวียงสา จว.น่าน ดําเนินคดี จับกุมบริเวณถนนสาธารณะคุ้มวัดกลาง หมู่ 9 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จว.สุรินทร์
สืบเนื่องจากค่ำวันที่ 4 ก.พ.2567 ตม.จว.น่าน ร่วมกับนปพ.กก.สส.ภ.จว. น่าน ประจําจุดตรวจห้วยน้ําอุ่น จับกุมนายจิระวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี พร้อมคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา 6 คน ในความผิดฐาน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วย ประการใดๆ เพ่ือให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน ดําเนินคดีตาม กฎหมายนั้น
สอบถามรับสารภาพว่าได้รับงาน รับ-ส่ง คนต่างด้าวจากนายหนูเรียง ตกลงค่าจ้างไว้ 18,000 บาท ให้ไปส่งคนต่างด้าว 6 คน จากต้นทาง อ.เชียงม่วน จว.พะเยา ปลายทางชายแดนบ้านแหลม อ.โป่งน้ําร้อน จว.จันทบุรี และจะได้รับค่าจ้างหลังจากส่งตัวคนต่างด้าวปลายทางแล้ว โดยใช้ แอพพลิเคชัน Zello และ Line พูดคุยติดต่อกับนายหนูเรียงนัดแนะถึงรายละเอียดในการ รับ-ส่ง คนต่างด้าวรวมถึง ค่าตอบแทนจากนายหนูเรียง
จึงได้สืบสวนขยายผลพบว่านายหนูเรียง มีพฤติกรรมในการลักลอบรับ-ส่ง คนต่างด้าว ทั่วราชอาณาจักร และได้ลักลอบขนส่งคนต่างด้าวไปยังภาคใต้
และยังพบว่านายหนูเรียงเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง ในข้อหา “ให้ที่พัก ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมา โดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” 1 หมาย ตม.จว.น่าน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่านขออนุมัติศาลจังหวัดน่าน ออกหมายจับ ในข้อหา “ร่วมกันกระทํา ความผิด (ผู้ใช้) รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ช่อนเร้น หรือช่วย ด้วย ประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”กระทั่งจับกุมได้
2.สตม.ตามรวบบังหยันหัวโจกขนแรงงานต่างด้าวหนีเข้าเมืองข้ามชาติ
ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ ตม.จว.ปัตตานี จับกุมนายซัฟยัน หรือบังหยัน (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.455/2567 ลงวันท่ี 5 ก.ค.2567 ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพ่ือให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ พ้นจากการจับกุม” นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตภูมิ จว.สงขลา ดําเนินคดีตามกฎหมาย จับกุมได้บริเวณหมู่บ้านปาแดลางา ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จว.ปัตตานี
ก่อนนี้เมื่อวันที่ 21 พ.ย.66 ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา จับกุมแรงงานต่างด้าวชาว บังกลาเทศหลบหนีเข้าเมือง 19 คน พร้อมผู้ให้การช่วยเหลือ 2 คน เหตุเกิดที่ถนนสายเอเชียหมายเลข 2 ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จว.สงขลา หลังจากน้ันได้ขยายผลพบว่านายซัฟยันหรือบังหยันอยู่เบ้ืองหลังในการกระทําความผิด คร้ังนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับกระทั่งจับกุมได้
สําหรับนายซัฟยันฯ หรือบังหยัน ถือเป็นกลไกสําคัญระดับสั่งการในการลําเลียงแรงงานต่างด้าวสัญชาติ บังกลาเทศจากประเทศกัมพูชาผิดกฎหมายผ่านประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซียทางช่องทางธรรมชาติ มีหมายจับ จากการกระทําความผิดข้างต้นติดตัว 2 หมายจับ จะทําหน้าที่สั่งการประสานงานกับนายหน้าประเทศเพื่อนบ้านจัดหารถขนแรงงานต่างด้าวคร้ังละ 15-20 คน จากพื้นที่ตอนบนมายังภาคใต้ตลอดเส้นทางจนถึงมือนายจ้าง ท่ีต้องการใช้แรงงานผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ยังพบว่าเครือข่ายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนําพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่เจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมืองเคยจับกุมมาแล้ว 3 คดี ในการทลายเคร้ังน้ีครั้งนี้ ถือเป็นการตัดวงจรสําคัญในการขนแรงงานผ่าน ประเทศไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจสามารถดําเนินคดีกับผู้กระทําความผิดต้ังแต่ต้นทางยันปลายทางได้ถึง 62 คน เป็นคนไทย 10 คน คนต่างด้าว 52 คน ยึดยานพาหนะที่ใช้ในการกระทําความผิดได้ 8 คัน หลังจากนี้จะควบคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวนสภ.รัตภูมิเพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3.สตม.จับกุมนายหน้าผู้ประสานงานขบวนการขนคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จับกุมนายฮาวาย (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.247/2567 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ร่วมกัน ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย จว.ชุมพร ดําเนินคดีตามกฎหมาย จับกุมได้ริมถนน เทศบาล 4 ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จว.ปทุมธานี
ตามที่เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 เวลาประมาณ 06.30 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะ (ตู้ทึบ) ขนคนต่างด้าว ชาวเมียนมาพลิกคว่ําบริเวณ ต.สลุย อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร ที่เกิดเหตุพบคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย วน 18 คน (ได้รับบาดเจ็บ)จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน คือ นายสิทธิศักดิ์ หรือบาส (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ส่ง สภ.สลุย จ.ชุมพร ดําเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6 และ บก.สส.สตม. ได้สืบสวนขยายผลพบว่า ผู้ต้องหา ได้รับการว่าจ้างให้ไปรับคนต่างด้าวชาวเมียนมา ที่ ต.ปากแพรก อ.เมือง จว.กาญจนบุรี เพื่อไปส่งยัง อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา มีรถที่ไปรับคนต่างด้าวด้วยกันอีก 1 คัน คือ นายธีรพงษ์ (ได้ออกหมายจับดําเนินคดีไปแล้ว)
ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า นายธีรพงษ์ ได้รับโอนเงินค่าน้ํามันมาจากนายฮาวาย จึงได้สืบสวนรวบรวม พยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับนายฮาวาย และจับกุมนายฮาวายได้ในพื้นที่ จว.ปทุมธานี
จากการขยายผล พบว่า นายฮาวาย ได้รับการประสานจากนายหน้าในพื้นที่ จว.กาญจนบุรี โดยนายฮาวาย เป็นนายหน้าจัดหารถขนคนต่างด้าว จากพื้นที่ภาคกลางไปยังพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับนายอนุรักษ์ หรือบอย โดยจะได้ส่วนต่างจากการติดต่อ จัดหารถหัวละ 1,000 บาท มีคดีที่พบความเชื่อมโยงเก่ียวพันกับนายฮาวาย และนายอนุรักษ์ อีก 3 คดี ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวง, ตม.จว.พัทลุง และ สภ.นาขยาด ร่วมกันจับกุม นายอนุรักษ์ และ น.ส.เพ็ญ (ภรรยา) พร้อมพวกรวม 6 คน พร้อมชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 58 คนยึดรถกระบะ (รั้วคอก 3 คัน) จากการขยายผลพบว่านายอนุรักษ์ได้รับการติดต่อว่าจ้างมาจากนายหน้า ในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ให้รับคนต่างด้าวในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ไปยัง จว.สงขลา โดยนายอนุรักษ์ได้รับงานขนคนต่างด้าว จากนายหน้ารายนี้มาแล้ว หลายครั้ง ( ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล)
2. เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวง, ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, สภ.ท่าฉาง ร่วมกันจับกุม นายวีระพล พร้อมชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 15 คน และรถกระบะรั้วคอก 1 คัน เมื่อสืบสวนขยายผลพบว่านายวีระพล/ ผู้ต้องหา ได้รับการติดต่อว่าจ้างมาจากนายอนุรักษ์ ให้รับคนต่างด้าวในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ไปยัง จว.สงขลา ในราคา 15,000 บาท
ผู้ต้องหาเคยติดต่อรับงานเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง เมื่องานสําเร็จจะได้รับเงินโอนค่าจ้างจากนายอนุรักษ์ โดยพบพยานหลักฐานต่าง ๆ ระหว่างผู้ต้องหากับนายอนุรักษ์ และนายหน้าในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ต่อมาศาลจังหวัดไชยา อนุมัติหมายจับนายอนุรักษ์ เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามจับกุมได้เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2567 ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้นฯ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นการจับกุม”
3. เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2567 (วันเดียวกับคดีที่ สภ.ท่าฉาง) เจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวง, ตม.จว.นครศรีธรรมราช, สภ.ทุ่งสง ร่วมกันจับกุมนายอัสดา และภรรยา พร้อมชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 11 คน ตรวจยึดระกระบะตู้ทึบ 1 คัน
สืบสวนขยายผลพบว่านายอัสดา/ผู้ต้องหา ได้รับการติดต่อว่าจ้างมาจากนายอนุรักษ์ ให้รับคนต่างด้าวในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ไปยัง จว.สงขลา ในราคา 15,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาเคยติดต่อรับงานเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง เมื่องานสําเร็จจะได้รับเงินค่าจ้าง
นอกจากนี้ยังพบพยานหลักฐานต่าง ๆ ระหว่างผู้ต้องหากับนายอนุรักษ์ และนายวีระพล ผู้ต้องหาในคดีที่ 3 ขณะนี้อยู่ในระหว่างพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดําเนินคดีกับผู้ร่วมกระทําความผิด เพิ่มเติมในคดีนี้
จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรมในกลุ่มเครือข่ายนายอนุรักษ์ พบว่า กลุ่มเครือข่ายดังกล่าวเคลื่อนไหว มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 จนถึงปัจจุบัน โดยนายอนุรักษ์ และนางเพ็ญ (ภรรยา) เป็นผู้ประสานงานกับนายหน้า ชาวเมียนมาใน จว.สมุทรสาคร และ นายฮาวาย ทําหน้าที่ประสานงานในพื้นที่ภาคกลาง โดยจะเป็นตัวกลางประสานงานทีมขนจาก จว.กาญจนบุรี หรือ จว.สมุทรสาคร มายังพื้นที่ จว.สงขลา
ซึ่งนายอนุรักษ์จะทําหน้าที่เป็น หัวหน้าทีมขน และจะได้รับค่าตอบแทนหัวละ 3,500 บาท จะประสานงานกับกลุ่มรถขนจาก จว.สงขลา ไปยัง จว.นราธิวาส เพื่อลักลอบข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย โดยพบความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายซัฟยัน และกลุ่มผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมดําเนินคดีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
สรุปผลการปฏิบัติ พบการกระทําความผิดในเครือข่ายของนายอนุรักษ์ทั้งสิ้น 4 คดี จับกุมผู้ต้องหา 12 คน ขยายผลออกหมายจับ 3 คน (จับกุมทั้งหมด) จํานวนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 102 คน ยึดยานพาหนะ 6 คัน
จากการสืบสวนขยายผลยังพบว่าเครือข่ายนายอนุรักษ์ มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ สตม. ร่วมกับ บก.ทล., บก.ปคม. ภ.7, 8, 9 และหน่วยงานความมั่นคง ร่วมกันสืบสวนขยายผลการลักลอบขนคนต่างด้าวที่ใช้เส้นทาง ด้าน อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี ได้แก่ เครือข่ายนายวิทยา จับกุมเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2566 พื้นที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี, เครือข่ายซูก้า-นิตาเว จับกุมเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2566 พื้นที่ สภ.ทุ่งตะโก จว.ชุมพร และเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2566 พื้นที่ สภ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี, เครือข่ายวุธ แม่กลอง จับกุมเมื่อวันที่ 7, 25 มิ.ย.2566 พื้นที่ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา และ เครือข่ายลักลอบขนคนต่างด้าวที่ใช้เส้นทางผ่าน จว.ตาก ได้แก่ เครือข่ายซูซูมา จับกุมเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2566 พื้นที่ สภ.บางกล่ํา จ.สงขลา
โดยความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ มีการกระทําความผิดในลักษณะขบวนการ ที่มีการแบ่งหน้าที่ กันทํา (นายหน้าประสานงานแนวชายแดน/นายหน้าประสานงานพื้นที่ชั้นใน จว.กาญจนบุรี-ปทุมธานี-สมุทรสาคร- สงขลา-จชต. (จัดหารถ)/ผู้ดูแลจุดพักคอย/หัวหน้าทีมขน-ทีมขน (ตอนบน/ตอนล่าง) ซึ่ง สตม. ได้ร่วมกับ ภ.7,8,9, บช.ก. เฝ้าระวังกลุ่มขบวนการดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จนนํามาสู่การจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาของในเครือข่ายนายอนุรักษ์ ซึ่งชุดสืบสวน สตม. จะได้ดําเนินการขยายผลเพื่อนําผู้กระทําความผิดที่เกี่ยวข้องมาดําเนินคดีต่อไป