ตำรวจบก.ปปป.ลุยชลบุรี รับมอบตัวปลัดสัตหีบ ต่อหน้าผวจ.ชลบุรี หลังถูกออกหมายจับเอี่ยวคดีเปิดตู้บริจาครับสินบนธุรกิจพูลวิลล่า แฉหลักฐานชัดมัดตัววงจรปิดจับภาพแกะซองหยิบเงินสดใส่กระเป๋า ด้านสภากาชาดส่งตัวแทนแจ้งเอาผิดซ้ำ
บ่ายวันที่ 7 พ.ย.65 ที่ ศาลากลางจังหวัดชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.
ร่วมกันแถลงผลความคืบหน้าคดีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบทุจริตเรียกรับเงินค่าออกหนังสือรับรองสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม หลังล่าสุด นายพัทธวัจน์ อายุ 41 ปี หรือ ป.เอี่ยว ปลัดอำเภอสัตหีบ เข้ารับทราบข้อหา
ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์เพื่อตนเองโดยมิชอบ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันเรียกรับประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยมิชอบ”
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจ บก.ปปป. ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. จับกุม นายกัณฑ์พงษ์ อายุ 40 ปี ปลัดอาวุโสอำเภอสัตหีบ และ พวก หลังมีพฤติกรรมเรียกรับเงินค่าออกหนังสือรับรองสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม จากผู้ประกอบการธุรกิจบ้านพักPoolvillaในพื้นที่
โดยจะใช้วิธีการให้ผู้ประกอบการนําเงินใส่ซองจดหมายแล้วนําไปหย่อนที่ตู้รับบริจาคระบุตัวหนังสือหน้าตู้กิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ ที่จัดเตรียมไว้ให้อ้างว่าเป็นค่าดําเนินการ ซึ่งจะคิดอัตรา บ้านพักหลังละ 15,000 บาท
หากไม่ยอมจ่ายเงินดังกล่าว ก็จะไม่ได้รับการออกใบรับรองให้ หรือ ยื้อเวลาในการออกใบรับรองจนกว่าจะนําเงินมาจ่าย ทั้งที่โดยปกติการขอใบรับรองบ้านพัก Pool villa นั้นจะไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
หลังจับกุมครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ยังคงขยายผลต่อเนื่อง เพื่อกวาดล้างอาชญากรรมขบวนการดังกล่าวให้สิ้นซาก กระทั่งทราบว่านอกเหนือจากผู้ต้องหากลุ่มแรกที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้าแล้วนั้นยังมี นายพัทธวัจน์ หรือ ป.เอี่ยว ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งมีตำแหน่งเป็นปลัดอำเภอสัตหีบอีกคน เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ก่อนที่ต่อมา นายพัทธวัจน์ จะติดต่อประสานขอเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหน้าหน้าผู้ว่าราชจังหวัดชลบุรี
นายธวัชชัย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายกัณฑ์พงษ์ ปลัดอาวุโสรักษาราชการนายอำเภอสัตหีบและพวกส่วนหนึ่ง ก่อนจะได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งหลังเกิดเรื่องขึ้นทางจังหวัดก็ได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับมีคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่ทำการปกครองจังหวัดชลบุรี
นอกจากนี้หลังจากหารือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบว่านอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรายอื่นเกี่ยวข้องอีก ซึ่งในวันนี้ก็ได้มีการประสานติดต่อเข้ามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย
นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ต้องหาให้ผู้ประกอบการนําเงินใส่ซองจดหมายแล้วนําไปหย่อนที่ตู้รับบริจาคระบุตัวหนังสือหน้าตู้กิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบนั้น เบื้องต้นได้รับประสานจากทางสภากาชาดไทย ส่งตัวแทนรับมอบอำนาจเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.สัตหีบ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากสภากาชาดได้ยกเลิกการใช้ตู้บริจาคดังกล่าวไปตั้งแต่ปี 2560 และ หลังจากนี้จะแจ้งไปยังกิ่งกาชาดอำเภอแต่ละแห่งในพื้นที่ให้ทราบว่ามีการยกเลิกไปแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก
“ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งเฉยหรือละเลย โดยจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป โดยไม่มีการละเว้น” ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าว
ด้าน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยืนยันว่าคดีดังกล่าวไม่มีการกลั่นแกล้ง ว่ากันไปตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริง และพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หลังจากนี้ จะนำผู้ต้องหาไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองชลบุรี ก่อนนำตัวกลับไปสอบปากคำยัง บก.ปปป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ในส่วนของเรื่องการประกันตัวนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น นายพัทธวัจน์ ยังคงให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไมปักใจเชื่อเนื่องจากแนวทางสืบสวนพบพยานหลักฐานสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพของเจ้าตัวขณะแกะซองเงินนำเข้ากระเป๋าส่วนตัว ทราบอีกว่าหลังผู้ต้องหากลุ่มแรกได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาแล้ว ยังได้มาร่วมหารือกับ นายพัทธวัจน์ ถึงแนวทางการสู้คดีอีกด้วย