ภาพอนาถใจคลิปวีดิโอที่น่าเศร้าสะเทือนใจกับเหล่าทรชนวัยทีนเอจ 5 คน รุมทำร้ายหญิงวัยคราวป้าที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ช่างเป็นภาพน่าหดหู่ใจ
ป้ากบหรือป้าบัวฝัน หญิงที่สติไม่ค่อยสมประกอบ แต่ไม่มีพิษมีภัยต่อชาวบ้าน
ทำไมต้องมาพบชะตากรรมที่สุดอนาถ ทั้งถูกรุมเตะรุมต่อย เท่านั้นไม่พอยังใช้เก้าอี้กระหน่ำฟาดจับโยนลงสระน้ำ
ไม่ทันหมดลมหายใจพวกเหล่าวัยรุ่นนรกยังจับกดน้ำช้ำอีกจนหญิงสูงวัยสุดจะทนทานยื้อชีวิตได้ต่อไป
ทั้งหมดของเรื่องราวอาชญากรรมอำมหิตของพวกเดนนรกนี้ มันทำไปเพียงเพื่อความสะใจและคะนองแค่นั้นเอง ไม่มีสำนึกถึงผิดชอบชั่วดีเลยในกมลสันดานของพวกมัน
ชีวิตมนุษย์ 1 คน เพศแม่ที่ไร้ทางต่อสู้ มันช่างแย่กว่าสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงไปได้ถึงขนาดนี้เชียว
หรือ สำหรับโลกมนุษย์ที่ภาคภูมิใจว่าพัฒนาก้าวล้ำไปสู่เจนเนอเรชั่นใหม่และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ววินาทีต่อวินาที มีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างไม่หยุดยั้งและต่อเนื่อง
แต่ “มโนธรรม”จิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ คุณค่าความเป็นคน มันไม่ได้รุดหน้าพัฒนาตามไปด้วยเลยราวกับถอยไปยุค “มนุษย์ถ้ำ” ทุบหัวลากศพไปทิ้งกันง่ายๆ ไม่ต้องสนใจใครจะคิดจะประณามยังไงแบบนั้นหรือ
ที่จะกล่าวถึงปมคดีสะเทือนใจนี้ ไม่ได้มุ่งประเด็นกลุ่มเยาวชนวัย 13-16 ปี และไม่ได้จับจุดตรงเป็นลูกตำรวจ เพราะข่าวบ่งชี้ชัดแจกแจงรายละเอียดไปหมดแล้ว
แต่จะกล่าวถึงการทำงานของ “ตำรวจ” เจ้าพนักงานของรัฐที่ต้องรับผิดชอบดำเนินการสอบสวนสืบสวนตามกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น
เบื้องต้นเลย ต้องมองดูการปฏิบัติหน้าที่ของดำรวจท้องที่ในภาพรวม จะเห็นได้ว่าวิธีการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หละหลวมอย่างสิ้นเชิง
คดีที่ต้องการหลักฐานครอบคลุมละเอียดอ่อน และแน่นหนาชัดเจน ไม่จำเป็นต้องอาศัยความ
รวดเร็วเป็นที่ตั้ง
กลับทำในทางตรงข้าม ด้วยการจับกุม “ลุงเปี๊ยก” สามีของป้ากบ ในฐานะผู้ต้องหาฆ่าคนดาย
นี่คือ “แพะรับบาป”แทนพวกเด็กนรก นั่นคือหนึ่งผลงานของตำรวจชุดนี้
อันดับสอง การทำหน้าที่ของตำรวจ เห็นได้ชัดถึงเจตนา “บิดเบือน”คดีใช่หรือไม่ คำตอบรู้ๆ กันอยู่ว่าใครเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เห็นจากคลิปตอนเกิดเหตุชัดเจน
เหยื่อเสียชีวิตด้วยการถูกบีบคอ ยังยัดเยียดให้แพะสารภาพไปดุ่ยๆว่า “ใช้เก้าอี้”ฟาดตีผู้ตาย
คิดดูสิว่า นี่น่ะหรือ ผู้พิทักษ์สันดิราษฎร์ ที่ทำให้ความยุดิธรรมมันบิดเบี้ยวแต่เริ่มต้น แล้วคดีมันจะไปจบตรงไหน
แก๊งอาชญากรชั่วชาติ มันก็หลุดคดีลอยนวลไปในขณะที่อายุเพียงสิบกว่าปีแล้วถ้าอีกหลายสิบปีข้างหน้าพวกนี้โตขึ้นมา สังคมจะอยู่กันอย่างไร
ฉะนั้น คดีนี้ ไม่เพียงผู้ต้องหาพวกเยาวชนเยาวชั่วพวกนี้เท่านั้น จะต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่พวกมันก่อขึ้นกลางเมือง
“ตำรวจ”ที่รับผิดชอบสอบสวนสืบสวนคดีจนนำไปสู่การ “จับแพะ” ทั้งหมด จะต้องได้รับการ
สอบสวนดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญาไปด้วย คดีนี้จึงจะจบได้อย่างบริบูรณ์
ถ้าต้องการทำ “ความจริง”ให้ปรากฎและหยิบยืน”ความยุดิธรรม”ให้กับผู้ตาย
ตำรวจเองนั่นแหละจะต้อง “ทำ” เพื่อกู้”ภาพลักษณ์” ศักดิ์ศรีเกียรติภูมิขององค์กรกลับมาให้
ได้โดยเร็วที่สุด.
ดอนรัญจวน 17/1/2567