Friday, October 24, 2025
More
    HomeUncategorizedบช.น.จับ3จีนเทาเช่าบ้านลาดพร้าวตั้งฐานคอลเซนเตอร์ดูดเงินเหยื่อซ้ำ

    บช.น.จับ3จีนเทาเช่าบ้านลาดพร้าวตั้งฐานคอลเซนเตอร์ดูดเงินเหยื่อซ้ำ

    วันที่ 23 ต.ค.68  พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต. วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ ฯ บก.สปพ. นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม

    นำกำลังจับกุม นายจาง ไห่หลง อายุ 38 ปี นายหลิว ชุนหยิง อายุ 29 ปี และนายอู่ จื้อเฉียง อายุ 32 ปี

    พร้อมของกลางอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ 4 เครื่อง ,คอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊ค8 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือ 29 เครื่อง ได้ที่บ้านพักในซ.ลาดพร้าว 3 แยก 6 เขตห้วยขวาง กทม.

    พล.ต.ท.สยาม กล่าวว่า ชุดสืบสวนได้รับเบาะแสว่ากลุ่มชายชาวจีน 3 คน มีพฤติการณ์ผิดปกติ ไม่ค่อยออกจากบ้านอาจลักลอบใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์  ได้เข้าตรวจสอบก็พบว่าเช่าบ้านดังกล่าวเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงชาวจีน  อ้างเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้คำแนะนำทางคดีแก่ชาวจีน ชาวสเปน และชาวอังกฤษที่ถูกหลอกลวงทางออนไลน์ โดยไม่คิดค่าบริการจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น แต่แท้จริงแล้วเป็นการหลอกซ้ำ เพื่อดูดข้อมูลและทรัพย์สินเพิ่ม

    คนร้ายเช่าบ้านดังกล่าวเดือนละ 3 หมื่นบาท มีหญิงชาวไทยคนหนึ่งเป็นผู้ติดต่อและพบทำ “สัญญาเช่าปลอม” ขึ้นอีกฉบับใส่ชื่อชาวจีนเป็นผู้เช่าแทน เชื่อว่าทำเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่และใช้เปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในประเทศ

    นอกจากนี้ การตรวจค้นภายในบ้านยังพบสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นภาษาจีน ระบุรายการตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มเช่าบ้านหลังนี้  ในเดือนแรกเพียงเดือนเดียวมีรายรับสูงถึง 2 ล้านหยวน หรือราว 10 ล้านบาทไทย สะท้อนถึงขนาดความเสียหายและความเชื่อมโยงกับขบวนการใหญ่ในต่างประเทศ

    จากการสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกดังกล่าวให้ข้อมูลว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะมีการหมุนเวียนบุคคลเข้าออกเป็นระยะ แต่มีหนึ่งคนที่อยู่ประจำคือ นายจาง ไห่หลง  ทราบว่าเข้าประเทศไทยจากลาวเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ส่วนอีกสองรายเดินทางมาจากกัมพูชา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568

    นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มนี้มีการประกอบและดัดแปลงระบบโทรคมนาคม นำวงจรโทรศัพท์มือถือมาประกอบเข้ากับอุปกรณ์ ซิมบ็อกซ์ (Sim Box)สามารถใช้เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ต้นทางเพื่อปกปิดตัวตนของผู้โทรได้ ถือเป็นการนำเข้าและมีไว้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท

     

    ด้านพล.ต.ท.สยาม ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลถึงหัวหน้าเครือข่าย รวมถึงผู้ร่วมขบวนการที่อาจหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีที่ยึดได้ทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ความเชื่อมโยงกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติรายใหญ่คาดว่ามีฐานปฏิบัติการหลายแห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments