Friday, July 11, 2025
More
    Homeข่าวเด่นรอบวัน“บิ๊กหวาน”แจงสถานการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์-ยึดทรัพย์ก๊กอาน1.1พันล.

    “บิ๊กหวาน”แจงสถานการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์-ยึดทรัพย์ก๊กอาน1.1พันล.

    ศปอส.ตร. ร่วม  ฉก.๘๘ และ UNODC ได้ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ “ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์”กำหนดยุทธศาสตร์  5 ด้าน (I 2L AI)“ แจงสถานการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์-ยึดทรัพย์ก๊กอาน1.1พันล.

    วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.30 น. ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมาย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ฉก.๘๘/หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์  ชี้แจงสถานการณ์ปัญหาอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ในปัจจุบันให้ประชาชนทราบ

    สถานการณ์ปัจจุบันสถานการณ์การหลอกลวงคนไทยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา ยังมีที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และลาว เพื่อที่จะหลอกคนชาติไทยและชาติต่าง ๆ ทั่วโลก

    เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการบินที่สำคัญในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีเที่ยวบินจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศ ประกอบกับการคมนาคมที่สะดวกในการเดินทางกลุ่มคนร้ายจึงอาศัยช่องว่างดังกล่าว เข้ามาในไทยในฐานะนักท่องเที่ยว เพื่อเดินทางไปยังบริเวณแนวชายแดน ลักลอบข้ามไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย หรือใช้ช่องทางดังกล่าว หลอกคนข้ามไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    จากมาตรการการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมาที่ติดกับประเทศไทยเพื่อกดดันให้มีการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ที่ปกครองโดยชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนระหว่างประเทศเมียนมาและไทย ทำให้เกิดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเมืองชเวโก๊ะโก๋ และเคเคพาร์ค ซึ่งพบคน 36 สัญชาติ จำนวน 8,893 ราย

    แต่ยังพบว่าแต่ยังมีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกจำนวนหนึ่งหลบซ่อนและตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี ซึ่งจะต้องมีมาตรการในการดำเนินการอีกต่อไป

    ในส่วนของประเทศกัมพูชา พบว่ามีการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งที่หลอกคนไทยและคนชาติต่าง ๆทั่วโลก พบว่ามีการตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา 52 จุด 10 จังหวัด โดยส่วนใหญ่ยังอยู่ในเมืองปอยเปต และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเขตชายแดนติดกับทางประเทศเวียดนาม มีแก๊งชาวจีนเป็นผู้บริหารจัดการ ได้รับความคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

    ห้วงที่ผ่านพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ขยายตัว จากประเทศกัมพูชาเช้ามาในประเทศไทยบางส่วน แต่ทางการไทยสามารถกวาดล้างจับกุมได้ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้มุ่งหลอกคนชาติอื่นไม่ใช่คนไทย อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม เกาหลี จีน

    ยุทธศาสตร์

    ศปอส.ตร. ร่วมกับ ฉก.๘๘ และ UNODC ได้ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ “ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปราม
    แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์” โดยกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 ด้าน (I 2L AI)

    ๑. การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของอาคาร (Infrastructure) ได้แก่ ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต

    ๒. การตัดเครือข่ายขบวนการนำพา (Logistics) ได้แก่ เพจโฆษณา หางาน เพจจัดหาบัญชีม้าและคริปโต แอพในการ ติดต่อหายานพาหนะ กลุ่มรถรับจ้าง กลุ่มนำพาข้ามแดน การซีลชายแดน กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและคริปโต

    ๓. การบังคับใช้กฎหมายและยึดทรัพย์ (Law Enforcement)  มุ่งเน้นไปที่ เจ้าของอาคารคอลเซ็นเตอร์ ผู้บงการ ผู้บริหารจัดการ ผู้ให้ความคุ้มครอง

    ๔. การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการควบคุมป้องกันไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือใช้ในการหลอกลวง เพื่อลักลอบข้ามผ่านแนวชายแดนไปทำงานที่แก๊งคอล เซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

    ๕. ผนึกกำลังประชาคมโลก (International Community) ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ โดยนำองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ UNODC, INTERPOL, FBI และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มาร่วมปฏิบัติในศูนย์บริหารฉับพลันเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ (War Room for Combatting Cyber Scam Syndicate) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย

    ประเทศไทยจะเป็นผู้นำและศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยน ข้อมูล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกันในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา เมียนมา และลาว

    การค้นเครือข่าย ก๊ก อาน
    จากปฏิบัติการครั้งนี้ ทำการเข้าค้นเครือข่าย “ก๊ก อาน” 20 จุดในพื้นที่ 3 จังหวัด (กรุงเทพ สมุทรปราการ ชลบุรี) สามารถอายัดเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ ยึดทรัพย์รวมมูลค่า กว่า 1,100 ล้านบาท และจะดำเนินการออกหมายจับผู้มีส่วนร่วมกระบวนการทั้งหมด

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments