“รองโจ๊ก”นำทีมเปิดปฏิบัติการเข้าค้น 4 จุด ขยายผลกรณี น.ส.นวพร เกี่ยวเนื่องเคสสวมบัตรชมพูและอุ้มบุญ เตรียมหารือมหาดไทยแก้ไขช่องโหว่การสวมบัตร
จากกรณีเมื่อวันที่ 8 เม.ย.66 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สืบสวนได้จับกุม น.ส.นวพร ภาเกียรติสกุล อายุ53ปี ผู้ต้องหาในกรณีการ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จและใช้เอกสารเท็จในการทำบัตรชมพูให้กับบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับจ้างอุ้มบุญของคนจีน ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้วนั้น
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ขยายผล เพิ่มเติมกรณีน.ส.นวพร ประสานเจ้าหน้าที่เขตเพื่อนำชื่อของบุคคลต่างด้าวเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้าน เพื่อทำบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย(บัตรชมพู) และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับจ้างอุ้มบุญให้คนจีน
ต่อมาวันที่ 13 เม.ย.66 เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.น.6 สน.บางรัก และ สน.ยานนาวา ได้สนธิกำลังร่วมกันเข้าตรวจค้นสี่จุดที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.นวพร ประกอบด้วย
1. บ้านของ น.ส.นวพร เลขที่ 89 ซอยสาทร 11 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ
2. ที่ตั้งบริษัท สหมงคลประกันภัย และ สมาคมส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจไทย-จีน เลขที่ 7 ซอยสาทร 11 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ ซึ่ง น.ส.นวพรใช้ในการแอบอ้างกับคนจีนเพื่อหลอกลวงสร้างความน่าเชื่อถือ
3. ที่ตั้งบริษัท ต้าตี้ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด เลขที่ 9 ซอยสาทร 11 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่รับรองว่า นายหม่าหมิงชุน (ผู้เสียหายคดี สภ.หนองปรือ)เป็นพนักงาน
4. สมาคมแต้จิ๋ว ซอยเย็นจิตร 12 ถนนจันทน์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ ซึ่งสืบทราบว่า น.ส.นวพรได้ให้คนนำพยานหลักฐานไปซุกซ่อนในที่ดังกล่าว
ผลการตรวจค้นพบว่า มีการทำลายเอกสารสำคัญหลายอย่าง ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงของ สน.ประเวศ รวมทั้ง เอกสารที่แสดงถึงความเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมเพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการเข้าค้นทั้ง 4 จุดในวันนี้ เป็นการขยายผลเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับ น.ส.นวพร เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสวมบัตรชมพูและการอุ้มบุญ ซึ่งจากนี้จะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งกรณีการอำนวยความสะดวกในเรื่องการทำบัตรชมพูและการรับจ้างอุ้มบุญให้กับคนจีน
นอกจากนี้จะมีการประชุมร่วมกับมหาดไทย เพื่อวางแผนในการแก้ไข ช่องโหว่ที่อาจส่งผลให้กลุ่มทุนจีนสีเทาเหล่านี้ สามารถดำเนินการเพื่อเอื้อประโยชน์ในการกระทำความผิดในประเทศไทย เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดของกลุ่มทุนจีนสีเทาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต