บิ๊กก้องแถลงกองปราบฯจับแก๊งอเมริกัน อุ้มชาวไต้หวันเรียกค่าไถ่ 90 ล้านบาท เหตุจากการซื้อขายถุงมือยาง
ค่ำวันที่ 15 พ.ค. .พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป.
ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายเจเรมี่ แมนเชสเตอร์ชาวอเมริกัน นายลูอิส ซิสกิน ชาวอเมริกัน และ นายเอกบดินทร์ ชาวไทย
3 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา “ร่วมกันเรียกค่าไถ่,พยายามฆ่า,อั้งยี่,ช่องโจร,ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการใด
หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่น
หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกชมขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ ร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือช่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือช่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่,
หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2563 นายลูอิสติดต่อขอซื้อถุงมือไนไตร์ท กับ บ.แพดดี้เดอะรูมฯ ซึ่งแต่งตั้งให้ บ.คอลเลกชั่น ของ นางเอมิลี่ เป็นผู้เจรจาธุรกิจ
แต่การทำธุรกิจเกิดความขัดแย้ง นายลูอิส ได้รับความเสียหายกว่า 93 ล้านบาท
ประกอบกับทราบว่า นายเวน ยู ชุง ชาวไต้หวัน ผู้เสียหาย หนึ่งในตัวแทนบริษัทของนางเอมิลี่ พักอยู่ในประเทศไทย
ว่าจ้างให้ นายไมเคิล กรีนเบิร์ก ชาวอิสราเอล เปิด บ.นักสืบเอกชนในประเทศไทย มานานนับปีตั้งแต่ปี 2563 ให้ช่วยติดตามทรัพย์สินคืนจากคู่กรณี
นายไมเคิลและพวกซึ่งมีทั้งคนต่างชาติและคนไทย วางแผนติดต่อนายเวน ยู ชุง ทำทีซื้อถุงมือยางนัดหมายมาพบเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ (L’Oliva สุขุมวิท 36) เมื่อวันที่ 28 มี.ค.
เมื่อพบผู้เสียหายนั่งสั่งอาหารรับประทานจึงเข้าจู่โจมจับตัวล็อคคอใส่กุญแจมือ พาออกจากร้านไปยัง ห้องพักรายวันแห่งหนึ่ง (NT Place สุขุมวิท 36) อยู่ห่างประมาณ 200 เมตร
ภายในห้องพักดังกล่าวมีผู้ร่วมก่อเหตุอีกกลุ่มหนึ่งรออยู่ในห้องพัก จากนั้นจึงลงมือทำร้ายร่างกาย
ก่อนจะใช้โทรศัพท์ผู้เสียหายโทรติดต่อไปหา นางเอมิลี่ เจ้านายผู้เสียหาย เพื่อข่มขู่เรียกเงิน2 ล้านยูเอส และ โทรศัพท์ไปข่มขู่เรียกเงินจากญาติของผู้เสียหายอีก 1 ล้านยูเอส รวมประมาณ 90 ล้านบาท
แต่ นางเอมิลี่ และ ญาติของผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตและตำรวจ
ต่อมาพอผู้ต้องหาเห็นท่าไม่ดีพาผู้เสียหายออกจากห้องเช่าไปที่ร้านอาหารแห่งที่สอง ซอยสุขุมวิท 24 เพื่อไปพูดคุยกับ นายลูอิส ก่อนจะพาขึ้นรถขับออกไปที่ สน.ทองหล่อ
เมื่อไปถึง สน.ทองหล่อ กลุ่มผู้ต้องหา ได้ให้ ผู้เสียหายลงชื่อยินยอมแต่ผู้เสียหายไม่เซ็น กลุ่มผู้ต้องหาจึงยอมปล่อยผู้เสียหายแล้วเดินออกไป ส่วน
ผู้เสียหายหลังจากเป็นอิสระจึงเข้ารักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่ง ก่อนกลับเข้ามาแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ อีกครั้ง
จนมีการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดรวม 8 คน เป็นต่างชาติ 7 คน ไทย 1 คน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่มีส่วนร่วมก่อเหตุ หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. นำกำลังเข้าติดตามจับกุมตัวได้
สอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การภาคเสธแจ้งข้อหาก่อนนำตัวส่ง สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
