ตำรวจ ปปป.ร่วมปปช.และ ปปท.รวบหัวหน้าฝ่ายรายได้สำนักงานเขตเรียกรับสินบน เลี่ยงจ่ายภาษีIMG_9341 IMG_9342
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 4 เม.ย.66ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ง. นายเฉลิมพล เทพนุชิต รอง ปลัด กทม. พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.
ร่วมแถลงผลจับกุม นายประมวล อายุ 57 ปี หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตแห่งหนึ่ง ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบเพื่อกระทําการมิชอบด้วยหน้าที่ ,เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” จับกุมได้บริเวณลานจอดรถ โรงแรมในพื้นที่ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายประมวล เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต แต่กลับใช้อํานาจในตําแหน่งหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เริ่มจากการแจ้งเตือนไปยังบริษัทฯผู้เสียหายรายหนึ่ง ให้เข้ามาชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประมาณ 40 กว่าล้านบาท แต่หากยอมจ่ายเงินให้ 3 ล้านบาท จะเก็บเรื่องดังกล่าวไว้ ทําให้ บริษัทฯ ไม่ต้องชําระเงินภาษีจํานวน 40 ล้านบาท
ก่อนที่ต่อมาจะมีการเพิ่มจำนวนเงินค่าดำเนินการเป็น 3.5 ล้านบาท อ้างว่าต้องเอาไปแบ่งกรรมการคนอื่นอีกหลายท่าน จากนั้นได้มีการต่อรองราคาลดลงเหลือ 3.2 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายมองว่าพฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และ ตัวของผู้เสียหายเองยังพร้อมที่จะจ่ายภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องขอให้มีการตรวจสอบ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้จัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนเชื่อว่าน่าจะมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง จึงวางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินไปส่งมอบให้กับนายประมวล ตามที่เรียกร้อง นัดหมายส่งมอบกันที่โรงแรมในพื้นที่พญาไท
กระทั่งเมื่อถึงเวลานัดหมาย พบ นายประมวล ได้ขับรถยนต์ของสำนักงานเขต เดินทางมายังที่ดังกล่าวเพื่อรับส่งมอบเงิน เมื่อเห็นว่ามีเรียกรับเงินจริงเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมเงินของกลางได้ดังกล่าว
สอบสวน ให้การปฏิเสธ อ้างไม่ทราบว่าสิ่งของที่อยู่ในซองเอกสารที่ผู้เสียหายนำมาส่งมอบให้นั้นเป็นเงินสด คิดว่าเป็นเพียงซองเอกสารเท่านั้น ก่อนนำตัวส่ง พงส.กก.1 บก.ปปป. แจ้งข้อกล่าวหา พร้อมเร่งสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนําส่งสํานวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป