สอบสวนกลาง แถลงผลทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้านำเข้าจากจีน ย่านลาดกระบังของกลางกว่า 130 ล้านบาท
วันที่ 8 ธ.ค.65 ที่ บช.ก.พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ธรรมปพน ชาวกำแพง ผกก.2 บก.ปอศ. ร่วมแถลงผลการทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้านำเข้าจากจีน 2 จุด ย่านลาดกระบัง กทม. ยึดของกลาง 883,000 ชิ้น รวมมูลค่า 130 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลอันตรายและสร้างผลกระทบให้กับผู้บริโภคเป็นวงกว้างอย่างแพร่หลาย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พบมีการลักลอบขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทำให้ประชาชนสามารถหาซื้อได้ง่าย อีกทั้งบุหรี่ไฟฟ้ายังจัดเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร และในตัวบุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารนิโคติน และสารโพไพรลีนไกลคอลที่เป็นสารก่อมะเร็ง จึงสั่งการให้กวาดล้างจับกุมอย่างจริงจัง
ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ต่อมากก.2.บก.ปอศ. สืบทราบว่าที่บริเวณย่านลาดกระบังมีโกดัง 2 แห่ง เป็นแหล่งพักเก็บบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก นำหมายค้นเข้าตรวจสอบที่โกดังสินค้าเลขที่ S5/1 ถนนพัฒนาชนบท 3 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม.พบของกลางจำนวนมาก มีเป็นแหล่งพักอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าที่นำเข้าจากประเทศจีนเพื่อรอส่งลูกค้าทางแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงขอหมายศาลเข้าตรวจค้น
โกดังแรก พบเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 6 พันชิ้น ทูลค่า 5 ล้านบาท หัวบุหรี่ไฟฟ้าใช้สำหรับสูบ 7.5 แสนชิ้น มูลค่า 93 ล้านบาท และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าชนิดขวด 7.5 หมื่นชิ้น มูลค่า 14 ล้านบาท พร้อมจับกุมนางประนอม อายุ 53 ปี รับเป็นผู้ดูแล
ผบช.ก.กล่าวต่ออีกว่า ส่วนอีกโกดัง เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโกดังเลขที่ K4/1 ถนนพัฒนาชนบท 3 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. ตรวจค้นพบเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 2.2 หมื่นชิ้น มูลค่า6.7 ล้านบาท หัวบุหรี่ไฟฟ้า 3.2 หมื่นชิ้น มูลค่า 4 ล้านบาท จึงยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมจับกุมนายวัฒนา อายุ 23 ปี รับเป็นผู้ดูแล
สอบสวนทั้งคู่รับสารภาพว่า เป็นน้าหลานกัน ถูกนายเต้ ไม่ทราบชื่อนามสกุล จ้างมาดูแลโกดัง คอยแพ็กสินค้าส่งเมื่อมีลูกค้าสั่ง ได้ค่าจ้างเดือนละ 1.5 หมื่นบาท ส่วนสินค้าทั้งหมดจะมีคนเอาขิงมาลงที่โกดังอีกที สำหรับสินค้าทั้งหมดส่งมาจากประเทศจีน
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ความผิดจามพรบ. ศุลกากร และพรบ.คุ้มครองผู้บริโภค และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง กก.2.บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมขยายผลจับกุมนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป