ปอศ.ลุยค้น 5 จังหวัด ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด” เงินหมุนเวียนกว่า 454 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 มิ.ย.65 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ.
ร่วมแถลงผลจับกุมเครือข่ายเงินกู้นอกระบบออนไลน์ “moneyday credit” มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 450 ล้านบาท จับผู้ต้องหา 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายอนิวัฒน์ อายุ 26 ปี 2.นายอลงกรณ์ อายุ 26 ปี 3.นายธนพล อายุ 19 ปี 4.นายนัฐวุฐ อายุ 24 ปี 5.นายพงศกร อายุ 26 ปี 6.นายจิรพันธ์ อายุ 26 ปี 7.นายอดิเทพ อายุ 31 ปี 8.นายสมโชค อายุ 25 ปี
ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียก ดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด
พร้อมของกลาง มือถือ 54 เครื่อง, โน๊ตบุ๊ก 25 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, แท็บเล็ต 4 เครื่อง และซิมโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก รวมจำนวนของกลางกว่า 300 รายการ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 มีผู้เสียหายเป็นผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. หลังจากกู้ยืมเงินจากเว็บไซต์ www.moneydaycredit.com และมีชำระค่าดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดมีดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือร้อยละ 45 ต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 547.5 ต่อปี ทำให้ลูกหนี้ไม่มีเงินในการชำระหนี้เว็ปไซต์ได้ส่งกลุ่มชายฉกรรจ์มาข่มขู่ให้ชำระหนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนจนพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวชักชวนให้ประชาชนทั่วไปและเจ้าของธุรกิจรายย่อยเข้าไปกู้เงิน เน้นเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMES) ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกกฎหมายได้
ขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตนหรือใช้คนค้ำประกัน ส่วนกรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ เว็ปไซต์จะไปสำรวจกิจการเพื่อประกอบการพิจารณา เมื่ออนุมัติสินเชื่อแล้ว เว็บไซต์จะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งไปยังบัญชีธนาคารของลูกหนี้ โดยจะหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกไว้ก่อน
หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ จะใช้วิธีการข่มขู่เพื่อให้ชำระหนี้ นอกจากนี้ยังพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเวินหมุนเวียนถึง 450 ล้านบาท
ด้าน พ.ต.อ.ภาดล กล่าวเสริมว่า เครือข่ายดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการคิดดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชนในช่วงวิกฤตเชื้อโควิด-19 โดยคาดว่ามีผู้เสียหายหลายร้อยรอย อีกทั้งบางรายมีความเครียดถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สืบสวนหาเบาะแสจนกระทั่งสามารถนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก และ สำนักงานของเครือข่ายดังกล่าว ในพื้นที่จ.จันทบุรี, ปทุมธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา และ กรุงเทพฯ รวม 5 จังหวัด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 8 ราย
และยังสามารถจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 21 ราย ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น, นครราชสีมา, กรุงเทพฯ และ ปทุมธานี รวมเป็น 29 ราย เบื้องต้นนำตัวส่ง กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย และดำเนินกรขอปิดเว็ปไซต์ดังกล่าว รวมถึงขยายผลถึงนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป