ผบ.ตร.แถลงปฏิบัติการ “พิทักษ์ประชาราษฎร์ 767” ปราบผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างแก๊งอาชญากรรมทั่วประเทศ ค้น 183 จุดทั่วประเทศ
วันที่ 3 ก.ค.ผ67 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้แทน บช.น บช.ภ. 1-9 และบช.ก.
ร่วมแถลงผลปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และแก๊งอาชญากรรมทั่วประเทศ ตามยุทธการ “พิทักษ์ประชาราษฎร์ 767” ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ บช.ก.หลังผบ.ตร.สั่งให้ บช.น. บช.ภ. 1-9 บช.ก. เข้าตรวจค้น 183 จุด ทั่วประเทศ เมื่อวานนี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐรรท.ผบ.ตร มอบพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. อนุกรรมการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลประชุมวางแผน ทำลายเครือข่ายผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญที่น่าจะก่ออาชญากรรมร้ายแรง
พล.ต.ท.อัคราเดช มอบให้ บช.ก. หน่วยงานหลัก ในการขับเคลื่อนเรียกประชุมวางแผนกับ บช.ภ.1 – 9 และ บช.น. รวบรวมประสานข้อมูล คัดกรองเป้าหมาย ซึ่งก่อนที่จะมีปฏิบัติการในครั้งนี้
วันที่ 20-24 มิ.ย. ค้นอาวุธปืนทั่วประเทศจุดสำคัญ 1,500 จุดได้อาวุธ และลดปัญหาการปะทะกันในปฏิบัติการ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ออกแผนปฏิบัติการ ยุทธการ “พิทักษ์ประชาราษฎร์ 767” ในครั้งนี้ ซึ่งแบ่งเป็นเป้าหมายประเภท ผู้มีอิทธิพล 20 ราย, แก๊งอาชญากรรม 116 ราย, กลุ่มเงินกู้โหด 31 ราย, ฮั้วประมูล 19 ราย และ บุกรุกที่สาธารณะ 14 ราย 200 ราย ตรวจค้น 183 จุดทั่วประเทศ ใช้กำลัง 2,500 นาย มีผลการปฏิบัติ 19 เป้าหมาย
บช.ก. 6 เป้าหมาย แก๊งฮั้วประมูล กำนันนก ดำเนินการ 11 โครงการมี 2 โครงการ พบพยานหลักฐานว่า เครือข่ายกำนันนก มี บริษัทของผู้ใหญ่โยชน์ พ่อของกำนันนก ชนะการประมูลหลีกเลี่ยงการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีทีมฮั้วประมูล ทีมซื้อขายรายชื่อ และ บริษัทที่สมยอม โดยบุคคลที่เกี่ยวข้องมากกว่า 70 คน
ก่อนเกิดเหตุ บริษัท ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด และ บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด เป็นบริษัทในเครือของกำนันนก ก่อนปี 2558 มีรายได้น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี ต่อมาได้เข้าร่วมการประมูลโครงการรัฐบาลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทดังกล่าวชนะโครงการ 100-200 โครงการต่อปี ซึ่งมีผลประกอบการมากที่สุดใน จ.นครปฐม
โดยเข้าร่วมประมูลเข้าร่วม 1,527 โครงการ ชนะ 1,327 โครงการ บริษัทที่แพ้และยื่นซองในโครงการส่วนใหญ่ จะเป็นบริษัทเดิมๆ ที่เคยเข้าประมูล มีการทำเป็นขบวนการ เห็นได้ว่าทั้งสองบริษัท มีพฤติการณ์ทุจริตฮั้วการประมูลโครงการของรัฐพบว่า 9 โครงการ มีมูลเหตุเชื่อว่าเป็น โครงการที่มีการฮั้วประมูล
แต่พบว่า ปี 2564 มี 2 โครงการ ที่ บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด ชนะการประมูล มีทีมฮั้วประมูล ซื้อรายชื่อ 1.2 % จากขบวนขายรายชื่อ และฮั้วไม่ให้บริษัทอื่นยื่นซองประมูล มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกว่า 70 บริษัท ตรวจค้น มีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า เกี่ยวข้องฮั้วประมูล บริษัทของผู้ใหญ่โยชน์ พ่อกำนันนก มีทีมฮั้วประมูล, ทีมซื้อขายรายชื่อ และ บริษัทที่สมยอม 32 ราย
เมื่อวันที่ 24 – 25 มิ.ย. พงส.เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา แต่มารับทราบข้อกล่าวหา 23 ราย ให้การปฏิเสธ 9 รายที่ยังไม่มาพบ อยู่ระหว่างประสานงาน พิจารณาร่วมกับพนักงานอัยการ เนื่องจากเป็นคดีพิเศษ นอกจากเครือข่ายฮั้วการประมูลที่ จ.นครปฐมมีเครือข่าวฮั้วประมูลพื้นที่อื่นๆ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม
นายณัฐกิตติ์ ผู้มีอิทธิพล จ.นครปฐม ฉายา ส.อบต.นายณัฐกิตติ์
นายณัฐกิตติ์ สมาชิก อบต.ห้วยขวาง เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เคยต้องคดีอาญาในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่น” สภ.กำแพงแสน ใช้อาวุธปืนยิงคู่กรณีเสียชีวิต เนื่องจากผู้ตายยืมเงินแล้วไม่คืน หลังจากเกิดเหตุในคดี “ฆ่าผู้อื่น”
นายณัฐกิตติ์ ซื้ออาวุธซึ่งมีใบอนุญาตตามกฎหมายได้อีกถึง 14 กระบอก นายณัฐกิตติ์ ทำธุรกรรมสีเทาทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ปล่อยกู้ดอกเบี้ยเกินอัตรา และการพนันรูปแบบต่างๆ
นายเฉลิมพงศ์ ผู้มีอิทธิพลจ.ปราจีนบุรี ฉายา คิกคาปู้ ปราจีน อดีตลูกน้อง สจ.โต้ง ขาใหญ่เมืองปราจีน มีประวัติทำร้ายร่างกาย, ครอบครองอาวุธปืน และยาเสพติดจำนวนมาก ถือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เป็นที่เกรงกลัวของชาวบ้านจนมีการกล่าวกันว่า “ตำรวจไม่สามารถทำอะไรมันได้”
ล่าสุดวันที่ 21 มิ.ย.ก่อเหตุทำร้ายร่างกายหน้าสถานบันเทิงชื่อดังใน จ.ปราจีนบุรี ผู้เสียหายโพสต์ร้องเรียนพฤติกรรมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายของนายเฉลิมพงศ์ ลงโซเชียล ถึงรายการโหนกระแส และสายไหมต้องรอด
บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่สลิด-ป่าโปร่งแดง ผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มีพฤติกรรมบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ 10 ไร่ พบมีร่องรอยการนำรถแบ็คโฮเข้ามาปรับพื้นที่ เปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าธรรมชาติ ตัดต้นไม้ทั่วบริเวณ มีร่องรอยการจุดไฟเผาซากตอไม้จำนวนมาก ลักษณะเป็นการจับจองพื้นที่เพื่อทำการเกษตรในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างร้ายแรง
นายเพ็ญเพชร แก๊งอาชญากรรม จ.สุพรรณบุรี ฉายา “เพชร ภูธร” มีพฤติกรรมเป็นนักเลงอันธพาล ชอบความรุนแรง มีการใช้และสะสมอาวุธปืนผิดกฎหมาย โพสต์ภาพตนเองพร้อมอาวุธปืนข่มขู่ผู้อื่นทางโซเชียล แอบอ้างสนิทสนมบุคคลสำคัญ และหน่วยงานรัฐต่างๆ
นายอภินันท์ฯ แก๊งอาชญากรรม จ.สงขลา หลาน “ศักดิ์ ปากรอ” อดีตฆาตกรโหดคดีดังฆ่ายกครัว 5 ศพ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.สิงหนคร จ.สงขลา ต่อมานายอภินันท์ฯ ถูกจับกุมตัวพร้อมอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก เครื่องกระสุนเกือบ 100 นัด จากการตรวจสอบอาวุธปืนที่ตรวจพบที่นายอภินันท์ฯ พบเคยถูกใช้ยิงถล่มรองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบาล นาสีทองเสียชีวิต ในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ปมเหตุจากการขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น
ภ.1 จำนวน 2 เป้าหมาย นายภีรวัฒน์ หัวหน้าแก๊งหนองไทร จ.สระบุรี มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติดและความรุนแรง มีความอาจเสี่ยงที่จะก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. แก๊งหนองไทรได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงถล่มหน้าบ้านคู่อริแต่ลูกกระสุนไปถูกชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ปมเหตุขัดแย้งระหว่างแก๊ง จากการตรวจสอบพบมีประวัติการต้องคดีในข้อหา ครอบครองอาวุธปืน, ยาเสพติด และ ทำร้ายร่างกายหลายคดี
แก๊งยาเสพติดเครือข่ายจิ๊บไผ่เขียว จ.พระนครศรีอยุธยา
แก๊งยาเสพติดเครือข่ายจิ๊บไผ่เขียว ถือเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ากลุ่มดังกล่าวมีการนำยาเสพติดไปซุกซ่อนในพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี จึงขยายผลจับกุมเพิ่มเติมจนกระทั่งสามารถตรวจยึดยาเสพติดได้รวมกว่า 7 ล้านเม็ด ถือเป็นการปราบปรามแก๊งยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่
ภ.2 จำนวน 1 เป้าหมายนายศุภกฤช เงินกู้โหด จ.จันทบุรี หัวหน้าแก๊งปล่อยเงินกู้ตัวตึงตัวแรงในพื้นที่ จ.จันทบุรี แนววัยรุ่นสร้างตัว มีการใช้โซเชียล ข่มขู่ คุกคาม ผู้อื่น, ทำร้ายร่างกาย, ทวงหนี้ มีประวัติคดีการพนัน 2 ครั้ง, ลักทรัพย์ 3 ครั้ง นอกจากนี้ยังทำธุรกิจสีเทาปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยสูง มีพฤติการณ์ทวงหนี้โหด ทำร้ายร่างกายลูกหนี้บาดเจ็บหลายราย
ภ.3 จำนวน 3 เป้าหมาย นายอำนาจ แก๊งอาชญากรรม จ.ชัยภูมิ
ลักลอบผลิตอาวุธปืนเถื่อนส่งขายทั่วประเทศ มีอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบอาวุธปืน ตั้งตัวเป็นแก๊งมอมเมาเยาวชนมั่วสุมเสพยาเสพติด มักยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในพื้นที่
นายยุรนันท์ แก๊งอาชญากรรม จ.ศรีสะเกษ กลุ่มลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ ส่งให้ลูกค้าตามอำเภอต่างๆใน จ.ศรีสะเกษ ทำให้เกิดผู้ค้ารายย่อย และ ผู้เสพยาเสพติดเกิดขึ้นจำนวนมาก ถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างสูง นอกจากนี้ยังมีประวัติการใช้อาวุธปืนข่มขู่บุคคลที่ติดค้างหนี้ยาเสพติด และคดีสมคบจำหน่ายยาเสพติด
นายสุทธิชัย แก๊งอาชญากรรม จ.สุรินทร์
กลุ่มเครือข่ายขายอาวุธปืนออนไลน์ผ่านกลุ่มไลน์ ชื่อ “บาร์เหล้า .01” เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ทำการล่อซื้ออาวุธปืนไทยประดิษฐ์ชนิดหักลำ จึงได้สืบสวนติดตามจับกุมตัว พบนายโชติธนภัทร์ฯ เป็นผู้จัดส่งอาวุธปืน จึงได้มีการขยายผลเข้าตรวจค้นในพื้นที่ ภาค 3 และ ภาค 6 จนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดและยึดของกลางอีกจำนวนหลายรายการ ซึ่งถือเป็นการทลายแหล่งผลิตและจำหน่ายอาวุธปืนสำคัญในย่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่ใกล้เคียงได้ในที่สุด
ภ.4 จำนวน 2 เป้าหมาย นายกานี หรือ มืด แก๊งอาชญากรรม จ.สกลนคร เป็นแก๊งจำหน่ายยาเสพติดที่มีพฤติกรรมอุกอาจ รุนแรง มักใช้อาวุธปืนในการข่มขู่ชาวบ้าน มีประวัติยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ขณะทำการล่อซื้อยาเสพติดจนหลบหนีการจับกุมไปได้
นอกจากนี้สมาชิกแก๊งของนายกานีฯ ยังประวัติคดีจำหน่ายยาเสพติด, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะหลายคดี
นายณัฐวุฒิ แก๊งอาชญากรรม จ.บึงกาฬ เป็นตัวการทำอาวุธปืน ประกอบ ซ่อมแซม ขายอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จากการตรวจสอบพบมีประวัติคดีโชกโชน ไม่ว่าจะเป็น คดีเสพยาเสพติด, ครอบครองปืนไม่มีทะเบียน, ทำ อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน และสำหรับผลิตอาวุธปืนเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต จากการตรวจค้นที่พักพบอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืน และ สิ่งของผิดกฎหมายหลายรายการ
ภ.5 จำนวน 1 เป้าหมายนายภาณุ หรือซิว แก๊งอาชญากรรม จ.เชียงใหม่ พบมีการนำปืนหลากหลายชนิดมายิงเล่นภายในพื้นที่ฟาร์มกัญชา พื้นที่ อ.แม่ออน จ.เชียใหม่
ภ.6 จำนวน 2 เป้าหมาย นายยุทธภูมิ หรือนง แก๊งอาชญากรรม จ.พิจิตร ชอบพกพาอาวุธปืนติดตัวไปตลอดเวลา มักจะเอาอาวุธปืนออกมาให้ชาวบ้านเห็น และมักจะโอ้อวดว่ารู้จักกับนักการเมืองระดับชาติทำให้เป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้านทราบว่านายยุทธภูมิ เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายวันชัย บุญส่ง ซึ่งเป็นญาติกับภรรยาเสียชีวิตสาเหตุเนื่องจากมีปากเสียงในงานบวชนาคที่วัดไผ่หลวง จ.พิจิตร แต่นายยุทธภูมิหลบหนีอาศัยอยู่กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จับกุมตัวได้แล้ว กลับให้การปฏิเสธ สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในพื้นที่
นายถ่าย ผู้มีอิทธิพล จ.อุทัยธานี มีพฤติกรรมรุนแรง มีประวัติเคยใช้อาวุธปืนลอบยิงผู้อื่นซึ่งมีความขัดแย้งกัน สร้างความเดือดร้อนและหวาดกลัวให้กับเพื่อนบ้านและประชาชนใกล้เคียงในพื้นที่มีประวัติถูกจับกุมข้อหามีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตพื้นที่ สภ.ลานสัก
ภ.7 จำนวน 2 เป้าหมาย นายสมพงษ์หรือเสี่ยพงษ์แก๊งรับจำนำรถ จ.กาญจนบุรี รับจำนำรถยนต์และชอบสะสมอาวุธปืน ประกอบธุรกิจบังหน้าหลายอย่าง คาร์แคร์ล้างรถ, ร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยวปลา พื้นที่ ต.ท่าม่วง อ.ท่าวง จ.กาญจนบุรี เบื้องหลังมีพฤติกรรมแอบประกอบธุรกิจสีเทา การรับจำนำรถยนต์หลากหลายประเภท โดยจะเก็บรถประเภทต่างๆ ซ่อนอำพรางไว้ในพื้นที่ส่วนตัวจำนวนหลายคัน
นายศิริพงษ์ แก๊งอาชญากรรม จ.กาญจนบุรี มีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง
ยุทธการ “พิทักษ์ประชาราษฎร์ 767” ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสิ้น 87 ราย ตรวจยึดอาวุธไม่มีทะเบียน 745 กระบอก, ปืนมีทะเบียน 134 กระบอก, อาวุธสงคราม 2 กระบอก, วัตถุระเบิด 3 ลูก, ไซเลนเซอร์ 2 อัน, กระสุนปืน 6,936 ลูก, แม็กกาซีน 40 อัน, ยาบ้า 7,726,626 เม็ด, ยาไอซ์ 545.98 กรัม, ยาเค 114.41 กรัม, ยาอี 403 กรัม, รถยนต์ 40 คัน, รถจักรยานยนต์ 79 คัน, สมุดบัญชี 13 เล่ม, บัตรกดเงินสด 3 ใบ
ปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการประกาศสงครามว่า นับแต่นี้ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลทุกรูปแบบ อย่างจริงจังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไป
เพื่อเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพและใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข ขอให้คำมั่นว่า ประชาชนผู้ที่ออกมาให้ข้อมูลเบาะแสสำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้จะได้เปผ้นความลับ