ร้อยตำรวจเอก กรณุชา บริรักษ์กุล หรือ โอ๊ต รองสารวัตร กองกำกับการสืบสวนสอบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล
นายตำรวจหนุ่มวัย 35 ปี คนนี้ไม่เคยเอาพ่อ ที่เป็นนายตำรวจยศนายพล มาคุยโวโอ่อวด กลับก้มหน้าทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา
ผู้กองโอ๊ต จบการศึกษาชั้นมัธยมจาก รั้วชมพู ฟ้า โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น121
ก่อนรับราชการตำรวจ ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจ ชั้นสัญญาบัตร (หลักสูตร กอส.) รุ่นที่37
แรงบันดาลใจในการรับราชการตำรวจ ของผู้กองโอ๊ต ผ่านการหล่อหลอมมาจากคุณพ่อที่รับราชการตำรวจ ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำรวจตั้งแต่เด็กแล้ว
แต่ชีวิตวัยรุ่นเกือบทำให้ความฝันนั้นเลือนลางหายไป
สมัยนั้นสายนิเทศศาสตร์เป็นที่นิยม ตัดสินใจไปเรียนนิเทศศาสตร์ จบมา เป็นครีเอทีฟ ของบริษัทเอกชนชื่อดัง ย่านปทุมธานี
แต่แล้วกลับเริ่มไม่มีความสุขในการทำงาน รู้สึกว่ามันไม่ใช่
ตอนเรียนก็ชอบเรียน แต่ทำไมทำงานกลับรู้สึกไม่ใช่ตัวเรา ทำงานได้หนึ่งปีจึงลาออก หันเหมาสมัครเรียนนิติศาสตร์
คิดว่าเอาไงเอากันลองดู ช่วงหลังออกจากงานก็เรียนไปด้วยและว่างๆก็มาช่วยดูงานสำนักงานของคุณพ่อ
ตอนนั้นผู้กองโอ๊ตก็คิด อุทานในใจ เอ้ย ! มันมีความสุขดีนี่หว่า การที่ได้สัมผัสงานตำรวจเนี่ย ได้ตามคุณพ่อไปทำงานบ้างตามโอกาส ความใฝ่ฝันในตอนเด็กได้กลับมา
กระทั่งจังหวะดี มีเปิดสอบเข้ารับราชการสายนิเทศศาสตร์ วุฒิขาดแคลน ก็เลยสอบเข้ารับราชการตำรวจ
ในการรับราชการตำรวจหลักๆ ผู้กองโอ๊ต มีครู 2 ท่าน
ท่านแรก พลตำรวจตรี วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผู้ซึ่งเป็นทั้งพ่อและเป็นนาย
ในเวลาเดียวกัน คุณพ่อสอนการใช้ชีวิตและการครองตนในอาชีพและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับข้าราชการตำรวจเสมอมา
อีกคนคือ พันตำรวจเอก พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผู้ที่เป็นทั้งพี่และเป็นนาย
พี่พรสอนเราหลายๆอย่างในด้านงานสืบสวนและเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติงาน
ส่วนมุมมองที่มีต่ออาชีพตำรวจ ใครที่รักก็รักเลย ส่วนคนที่เกลียดก็เกลียดเลยเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ คิดว่าคนที่เกลียด อาจเพราะไม่เข้าใจในการทำงานของตำรวจ มากกว่า
ตอนที่ฝึกอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจมีอย่างหนึ่งที่เราในรุ่น รวมทั้งน้องนักเรียนนายร้อยตำรวจกล่าวจนขึ้นใจคือ
ตำรวจต้องเป็นผู้พิทักษ์และรับใช้ประชาชนไม่ใช่นายหรือรังแกประชาชน ผมว่านั่นล่ะคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่แท้จริง
งานสืบสวน เป็นงานที่ผู้กองโอ๊ตชอบมากที่สุด เพราะโตมาในห้องสืบ
สมัยเด็กๆคุณพ่อในตอนนั้นเป็นรองสารวัตรสืบสวนพญาไท กลางวันคุณแม่ก็ไปทำงาน พี่เลี้ยงก็ไม่มี
คุณพ่อก็เลยเอามาฝากไว้ที่ห้องสืบ พี่ๆนักสืบพญาไทก็ช่วยกันเลี้ยงถือว่าเป็นพี่เลี้ยงเรามาเลยก็ว่าได้
พอมีโอกาสได้มาเป็นตำรวจ ก็อยู่กับงานสืบมาตลอดตั้งแต่ร้อยตำรวจตรี คิดว่าหัวใจหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คืองานสืบสวนและสอบสวน
อย่างที่พี่ๆนักสืบรุ่นเก๋าๆพูดไว้เสมอ เป็นพระต้องสวดเป็นตำรวจต้องจับ ผมว่าเรื่องจริงนะ ผู้กองโอ๊ตกล่าว
ขอเสนอแนะ น้องๆที่อยากจะเข้ามารับราชการตำรวจ การที่จะเป็นตำรวจไม่ใช่การได้แต่งเครื่องแบบเท่ๆ พันธกิจของงานตำรวจเราคือเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์โดยสมบูรณ์ ใช่มาหาผลประโยชน์อย่างเดียว
หากเราเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้แล้ว ต้องทำมันให้ดี ตำรวจเราเป็นกันตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ช่วงเข้าเวรหรือช่วงปฏิบัติหน้าที่
ดังนั้นให้พึงระลึกไว้เสมอว่า หากประชาชนยังเป็นทุกข์อยู่แล้วเราจะสุขได้อย่างไร
คติประจำใจในการทำงานของผู้กองโอ๊ต ตามอุดมคติของตำรวจ ทั้ง9ข้อ ในพระนิพนธ์โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(จวน อุฎฐายีมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ประทานให้ไว้ เป็นหลักใช้ชีวิตในการรับราชการตำรวจเสมอมา
จักรีวุธ ฉายปรีชา บันทึก 22/12/62