ถึงคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” จะอยู่ในอำนาจการสอบสวนของดีเอสไอ จนมีการสรุปสำนวนการสอบสวนส่งอัยการคดีพิเศษไปแล้วบางสำนวน
ล่าสุดอัยการสั่งฟ้องไปแค่16บอส ส่วนอีก2บอสคือบอสแซมและบอสมิน 2ดาราดัง อัยการสั่งไม่ฟ้องได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว
ก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
แต่ต้องถือว่าตำรวจสอบสวนกลางโดยเฉพาะตำรวจ ปคบ.หรือชื่อเต็มกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ทำงานได้รวดเร็วมากในช่วงแรก
ไม่เช่นนั้นตัวแทนผู้เสียหาย “กลุ่มไอคอนแอคชั่น”คงไม่หิ้วกระเช้าดอกไม้ขอบคุณตำรวจสอบสวนกลางที่ทำงานหนักเพื่อประชาชนช่วยคลี่คลายคดีดิไอคอน
มี ผู้การอิ้ว-พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐสุภาพ ผบก.ปคม. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการกองปราบปราม คนใหม่ ในการประชุม ก.ตร.พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบช.-ผบก.เป็นผู้รับมอบเมื่อก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา
หลังภารกิจที่รัดตัวมาตลอดเริ่มจะคลี่คลาย วันนี้จะพามารู้จักกับ ผู้การอิ้ว-พล.ต.ต.วิทยา หัวเรือใหญ่พนักงานสอบสวนปคบ.ที่คุมทีมรับเรื่องร้องทุกข์เหยื่อ ดิ ไอคอนกรุ๊ป ซึ่งจริงๆแล้วทำคดีรับเรื่องร้องทุกข์จากเหยื่อคดีถูกหลอกซื้อทอง แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ และอื่นๆมาก่อนหน้า
ผู้การวิทยา หรือผู้การอิ้ว เป็นลูกชายคนที่3ของครอบครัวค้าขายและทำสวนที่ปราจีนบุรี ปัจจุบันเป็น อ.เมืองสระแก้ว วัยเด็กเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนประจำที่เซนต์หลุยส์ แปดริ้ว จนจบป.6 เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ที่บดินทร์เดชา รุ่น 16
ที่มาสอบเข้าตำรวจ เจ้าตัวบอกว่า
ส่วนหนึ่งคือพ่อแม่อยากให้ลูกมีคนที่รับราชการ เพราะเขามองว่า อาชีพพ่อค้าก็เหนื่อย อีกอย่าง วัฒนธรรมสังคมไทย ถ้าลูกหลานไม่มีรับราชการจะเหมือนโดนรังแก ไม่มีที่ปรึกษาไม่มีความรู้ในเรื่องระบบระเบียบราชการ หรือกฎหมาย
ได้ฟังมาก็อยากเป็นนักเรียนนายร้อย เพื่อนที่สนิทกันก็ชวนไปสมัครสอบเพื่อนได้ด้วย นรต.45
ผู้การอิ้วเริ่ม
พ้นสามพรานเป็นร้อยเวรลาดพร้าว
หลังเรียนจบเป็นพนักงานสอบสวนที่โรงพักลาดพร้าว คือสอบได้ที่ 72 แต่ก็เป็นท้ายๆของนครบาลเป็นโรงพักที่หนักคือโรงพักที่งานเยอะ เมื่อก่อนจะมี ลาดพร้าว บางเขน ดอนเมือง โรงพักปราบเซียน ที่ผมลงเพราะว่าอยากอยู่กรุงเทพฯ แล้วตอนนั้นมี 2 ที่ สุดท้าย
มีรองบี๊บ-อำนาจ ไตรพจน์ เลือกหลักสอง ที่ฝั่งธนฯ หลักสองก็เป็นโรงพักงานหนักฝั่งธนฯ เพราะพวกบางรัก ทองหล่อ เพื่อนๆเลือกไปหมดแล้ว นอกนั้นก็เป็นหนักๆฝั่งนครบาล
เสริมความรู้ต่อโทนิดา
เป็นพนักงานสอบสวน 4ปี ย้ายไปอยู่สำนักงานกำลังพล มีจังหวะไปเรียนต่อปริญญาโทจนจบรัฐประศาสนศาสตร์ คณะพัฒนาสังคม ของนิด้า ตอนนั้นที่เรียนมีพี่อู๊ด-สมพงษ์ ชิงดวง พี่อ้อ-อัคราเดช พิมลศรี พี่อู๊ดกับพี่อ้อเขามีชื่อเสียงแล้ว
พี่อู๊ดเป็นสว.ท่องเที่ยว พี่อู๊ดเป็น สว.รถวิทยุ ผมก็เป็นรอง สว.เป็นน้องเล็กในกลุ่ม ที่ไปเรียน
เรียนวิชาจาก”บำเพ็ญ บำเพ็ญบุญ”
ขึ้น สว.ครั้งแรก เป็นนายเวรท่านบุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ ที่ภาค 9 ตอนไปอยู่ทะเบียนพล มีพี่ๆที่รู้จักผู้ใหญ่เยอะ แล้วเหมือนว่าตำแหน่งนายเวรท่านว่าง มีพี่เขาถามว่าสนใจไหม นายเขาหานายเวรนะ
ไปอยู่ได้อะไรจากท่านบุญเพ็ญเยอะครับ นายสอนหลายเรื่องการทำงาน ท่านอยู่พื้นที่ภาค 8 ภาค 9 อยู่ในโซนภาคใต้ตลอด ท่านสอนเรื่องงาน เรื่องความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา การเคารพผู้หลัก ผู้ใหญ่
เริ่มชีวิตที่บช.ก.งานกำลังพล
จากนั้นท่านมาเป็นผู้ช่วยอธิบดี เลยได้กลับมาเป็น สว.ธุรการ ที่นครบาล 4 อยู่2-3 ปี โยกมา สว.ทะเบียนพล ที่สอบสวนกลาง ทำเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย เงินเดือน อยู่ปีหนึ่งมาเป็น สว.ที่กองปราบ แผนก 5 กก.1 บก.ป. ตอนนั้น พี่ประยนต์ ลาเสือ เป็น ผกก. ได้ทำงานอาชญากรรม ตอนนั้นพี่ยนต์จะมอบพื้นที่รับผิดชอบในนครบาล
วนเวียนสอบสวนกลางทำงานบริหาร
อยู่ได้ปีหนึ่ง เลื่อนเป็น รอง ผกก. ไปอยู่ อก.บช.ก.เกือบ 3 ปี กลับมาเป็น รอง ผกก.3 ป. มีการปรับโครงสร้างกองปราบ ก็มาอยู่กับพี่อู๊ด สมพงษ์ ชิงดวง เป็น ผกก.5 บก.ป. แล้วมาเป็น รอง ผกก.1 ตอนสมัยพี่ต๊อก-พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ เป็น ผกก. ก็วนเวียนอยู่กับพี่ๆ งานที่ดูส่วนใหญ่เป็นงานบริหาร ดูแลเรื่องกำลังพล งบประมาณ แล้วอาจจะมีให้ไปช่วยคุมงานสอบสวน คือจะดูงานบริหาร งานธุรการ งานกำลังพล ที่เราถนัดก่อน
ปลาผิดน้ำ-ขึ้นผกก.ที่ภ.2
เป็น รอง ผกก.อยู่ 6 ปี ตอนนั้นท่านไถง ปราศจากศัตรู เป็น ผบช.ก.แล้วไปเป็น ผบช.ภ.2 ก็ไปเป็น ผกก.หนองขาม ที่ศรีราชา จ.ชลบุรี อยู่ปีเดียวย้ายกลับมาบช.ก.เพราะไม่ชินไปอยู่ภูธรเหมือนปลาผิดน้ำ
โยกกลับถิ่นเป็นผกก.2ปคบ.
กลับมาอยู่ ฝอ.ปคม.สมัยพี่แดง -ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. เป็น ผกก.ฝอ.อยู่ปีหนึ่ง ไปเป็น ผกก.2 บก.ปคบ. ดูงานคุ้มครองผู้บริโภค ตอนนั้นก็มีอยู่ 4 กก.เหมือนกัน
กก.4 รับผิดชอบเรื่องอาหารและยา ของกระทรวงสาธารณสุข กก.3 รับผิดชอบ มอก.แล้วอะไรที่มันไม่เข้า กก.4 กับ กก.3 จะมาเข้า กก.1 กับ กก.2 จะแบ่งพื้นที่กัน กก.1 กรุงเทพฯ กก.2 ต่างจังหวัด ผมจะเป็น กก.ที่รับผิดชอบต่างจังหวัดทั้งหมด รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค จะต่างจากกองปราบ อันนี้เป็นงานเฉพาะทาง
ทำงานสัมผัสทุกข์ชาวบ้าน
ความรู้สึกในการทำงานเป็นงานอีกหน้างานหนึ่งที่ค่อนข้างสัมผัสชาวบ้านโดยตรง พวกผลิตภัณฑ์ปลอม แฟ้บปลอม น้ำปลาปลอม กาแฟปลอม หลอกทัวร์ อะไรอย่างนี้ เป็นลักษณะที่ใกล้ตัวชาวบ้านมากขึ้น เหมือนเป็นคดีลักษณะโกง หรือหลอกลวง คดีที่เป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านเฉพาะด้านเป็นหลัก
เหมือนเป็นกึ่งๆอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เรื่องการเอารัดเอาเปรียบ ขายของไม่ได้มาตรฐาน
รองผบก.ป.5ปี ขึ้นผู้การปคบ.
อยู่ 2 ปี แล้วย้ายไปไปเป็น ผกก.จเร อีก4 ปี รวมเป็น ผกก.9 ปี ขึ้นรอง ผบก.ตอนที่ ผบช.ก้อง-จิรภพ ภูริเดช สมัยที่ท่านเป็น ผบก.ป.ช่วงปี 2561-2562 คือท่านอยากให้หาคนที่เคยอยู่ บช.ก.รู้วัฒนธรรมของหน่วย มีประสบการณ์ด้านการบริหาร อยากได้คนมาดูแลเรื่องงานบริหาร งานกำลังพล งานงบประมาณ
ท่านก็ให้โอกาสผม เป็นรอง ผบก.ป.5 ปีก่อนขึ้นผู้การที่ปคบ.
“บิ๊กก้อง”ให้ทำงานแบบมืออาชีพ
จากนั้นผบช.ก. ให้มาตรงนี้ เป็นผบก.ปคม.ท่านบอกว่า 1. อยากให้มาถ่ายทอดให้ทีมงานทำงานแบบมีความเป็นมืออาชีพ มีวัฒนธรรมของ กองปราบ แล้วทำยังไงที่จะไม่ไปรังแกชาวบ้าน ลดเรื่องผลประโยชน์ให้มันไม่มี ให้มาแก้ไขปัญหาตรงนี้
จับแล้วต้องขยายผล
แล้วในเรื่องของคุ้มครองผู้บริโภคท่านให้แนวว่า ทำอะไรในเคสที่กระทบกับพี่น้องประชาชนจริงๆ ไม่ให้ไปรังแกระดับรากหญ้าหรือผู้หาเช้ากินค่ำ เราเป็นสอบสวนกลางต้องทำต้องจับในภาพใหญ่ จับพวกโรงงานผู้ผลิต แหล่งผลิต ขยายผลออกไปแบบนั้น ไม่ใช่แบบไปหน้าร้านขายของ ท่านบอกว่าต้องจับแบบให้มันเป็นมืออาชีพ
ไม่ทำงานวันแมนโชว์
จะมีหลักการที่คุยกับทีมงานตามกฎหมาย ในส่วนปคบ. ส่วนใหญ่เป็น พ.ร.บ.ที่มีหน่วยงานราชการเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ การทำงานที่ผมให้แนวไปก็คือ ไปทำงานแบบทีมคู่ขนาน ไปทำ งานกับภาคีเครือข่าย จะไม่ไปทำแบบโดดเดี่ยว
ต้องเอาหน่วยงานที่มีความชำนาญเฉพาะด้านไปกับเราด้วย เพราะเขาจะมีความชำนาญเรื่องสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ในแต่ละประเภทนั้นๆ จะไม่ทำงานคนเดียว
ใช้กม.ที่เกี่ยวข้องดำเนินคดี
อันที่ 2 การทำงานทุกเคสจะต้องขยายผลไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังหรือเป็นแหล่งผลิต อันที่ 3 คือเรื่องของการดำเนินการโดยใช้กฎหมายทุกตัวที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี แนวทางจะมีประมาณนี้
เน้นจับบุหรี่ไฟฟ้านโยบายตร.
ที่จับกุมมากสุดคือทุก พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง อย่างบุหรี่ไฟฟ้า ก็เป็นส่วนหนึ่งของประกาศของสำนักงานคุ้มครองผู้บริ โภค ว่าการขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิด เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน เขาออกแบบมาเพื่อมุ่งหวังให้วัยรุ่น เหมือนเชิญชวนยั่วยวนให้เด็กและเยาวชนไปเสพ
อันนี้เป็นนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เน้นย้ำโดยเฉพาะ มอบหมายภารกิจให้ ปคบ.เน้นจับกุมรายใหญ่ เน้นขยายผล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกขายผ่านระบบออนไลน์
แต่ในส่วนความผิดอื่น อย่างเรื่องมาตรฐานอุตสาหกรรม เรื่องของสำนักงานอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เราทำงานคู่ไปหมด เพราะว่ารับผิดชอบหลาย พ.ร.บ.แล้วแยก กก.ที่รับผิดชอบ ทุกงานมีความสำคัญหมด
โกงออนไลน์แนวโน้มค่อนข้างหนัก
ส่วนแนวโน้มการกระทำผิดในเรื่องของการละเมิดประชาชน เรื่องสินค้าอุปโภคบริโภค ตอนนี้ผมมองว่า ค่อนข้างหนักคือเป็นความผิดที่เกิดขึ้นเยอะในระดับต้นๆ ที่เป็นปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะทางออนไลน์ที่ซื้อขายของแล้วได้ของที่ไม่มีคุณภาพ อันนี้มีเกณฑ์อยู่
ผู้การอิ้วเล่าถึงสถานการณ์ในปัจจุบันที่น่าเป็นห่วง
ตร.ต้องแบ่งเกณฑ์รับผิดชอบ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แบ่งเกณฑ์เลย อาชญากรรมออนไลน์คือเป็นการซื้อขายของแล้วไม่ได้ของ ถ้าไม่ได้เป็นขบวนการจะเป็นเรื่องของโรงพักพื้นที่ดำเนินการ
แต่ถ้าเป็นลักษณะขบวนการมีกลุ่ม จะให้ สอท.หรือไซเบอร์ รับผิดชอบ
ในส่วนที่ บช.ก.รับผิดชอบ คือเฉพาะในทางออนไลน์ ถ้าเข้าข่าย พ.ร.ก.กู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จะมอบให้ บช.ก.อย่างที่เราทำ แล้ว บช.ก.จะแบ่งกันอีก ในส่วนของ บก.หลัก จะมี บก.ปอศ. กองปราบ ปคบ. จะมาช่วยกัน
อย่างเช่น โกงแชร์ ยูฟัน ที่ผ่านมา ดิ ไอคอน เบียร์-ตั๊ก ขายทองออนไลน์ ก็อยู่ในหน้างาน ปคบ.ด้วย
แนะมุมมองป้องกัน อย่าเชื่อง่าย
ในยุคปัจจุบันอย่างที่พบเห็นมีคดีการโกงกันมากขึ้น การแนะนำประชาชน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในส่วนของผม มอง2 แบบ แบบแรกเป็นกรณีสินค้าทั่วไป อีกกลุ่มหนึ่งเป็นพวกการลงทุน กรณีสินค้าทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็นซื้อมาแล้วสินค้าไม่ตรงปกหรือไม่ได้ของ
ข้อเตือนภัยที่ผมแนะนำคือก่อนซื้อ ต้องไปเช็คว่าร้านนี้มีมาตรฐานไหมได้รับอนุญาตถูกต้องไหม เป็นตัวแทนจำหน่ายไหม อย่าหลงเชื่อที่เขาโฆษณาแล้วซื้อเลย
ได้สินค้าแล้วค่อยโอนจ่าย
แบบที่ 2 ถ้าคุณจะซื้อออนไลน์ ให้ได้ของก่อนแล้วค่อยโอนเงิน ถ้าโอนเงินก่อนแล้ว โอกาสที่เราจะได้เงินคืนน่าจะมีปัญหายุ่งยากขึ้นได้ เพราะฉะนั้นใช้วิธีให้ได้สินค้าก่อน แล้วค่อยจ่าย อันนี้ในส่วนของสินค้าผู้บริโภคทั่วไป
ลงทุนทุกอย่าง-อย่าเชื่อโฆษณา
อีกอันหนึ่ง ที่เป็นประเด็น คือผู้บริโภคในส่วนของการลงทุน ที่จะมาหลอกว่าชวนลงทุน จริงๆคือโกงนั่นแหละ แต่มีกิจ กรรมมีรูปแบบเปลี่ยนเรื่องเพื่อจะมาหลอกลวงให้มันน่าสนใจ อันนี้จะเตือนว่า การลงทุนทุกอย่างอย่าไปเชื่อที่เขาโฆษ ณา เขาอาจจะใช้พรีเซ็นเตอร์ ใช้ดารา ใช้ตัวเองมาอวดว่ามีตังค์ อะไรอย่างนี้
ห่วงขรก.เกษียณฯโจรจ้อง
จริงๆ เขาใช้แนวทางเดียวกันหมดใช้ทฤษฎีเดียวกัน การหลอกลงทุนนี่ รูปแบบหนึ่งคือการเอาบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือไม่ก็อวดว่าทำแล้วรวยไว ได้ผลตอบแทนไวอะไรอย่างนี้ นี่เป็นข้อห่วงใย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเป้าหมายเขา คือกลุ่มข้าราชการที่เกษียณ มีเงินเก็บ แล้วก็อยู่บ้านส่วนใหญ่จะอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ จะดูออนไลน์ นี่จะเป็นโอกาสที่จะหลงเข้าไปเป็นเหยื่อเขาได้ มันน่ากลัว
แผนประทุษกรรม-ใช้โปรไฟล์หรู
ผมว่าเดี๋ยวมันก็มีอีก มันเป็นเรื่องที่เราเคยมีมาแล้วในอดีต จากอดีตอย่างคดีแชร์แม่ชม้อยก็วนเวียน เดี๋ยวมีแชร์แม่ชม้อยเดี๋ยวมีแชร์น้ำมัน มีแชร์ยูฟัน มีแม่นกแก้ว หมอบุญ คือยังมีอีกเรื่อยๆเชื่อว่ายังจะมีอีก
บางรายใช้โปรไฟล์ที่มันหรูๆดึงดารา คนที่มีชื่อเสียง มันเป็นตำราเดียวกันเลย เป็นแผนประทุษกรรมที่เหมือนกันหมดถ้าคุณจะทำแบบนี้ หลอกคนแบบนี้ คุณต้องสร้างความน่าเชื่อถือก่อน
รูปแบบโกงเนียนขึ้น
เดี๋ยวนี้รูปแบบละเอียดขึ้น เคสบางเคสเขาให้ทำให้เชื่อว่าบริษัทเขาได้รับอนุญาตถูกต้อง จากเดิมสมัยก่อนโกงแบบง่ายๆ ไม่มีโรงงาน ไม่มีบริษัท ไม่มีผลิตภัณฑ์ โกงดื้อๆ แล้วอยู่ดีๆ ก็เอาเงินไปเลย
อันนี้รูปแบบเปลี่ยนไป จะอ้างว่า เขามีบริษัทถูกต้องนะ พอจดทะเบียนนี่ก็ทำให้เหยื่อหลงเชื่อแล้วเพราะไม่ใช่เป็นส่วนตัว สามารถตามเขาที่ไหนก็ได้ อันนี้ มุมมองคนก็จะเชื่อแล้ว
ทำทีจดทะเบียนถูกต้อง
อันที่ 2 บริษัทเขาจะไปจดทะเบียนถูกต้องกับกรมทะเบียนการค้า หรือหน่วยงานอะไรต่างๆที่ถูกต้อง มีเอกสารทะเบียนการค้าหรืออะไรที่ถูกต้อง พอเหยื่อหรือเราเข้าไปดูจะมีความเชื่อถือว่า เป็นนิติบุคคลนะ จะไปตามเขาเมื่อไหร่ก็ได้ จดทะเบียนค้าขายถูกต้อง อันนี้เป็นตัวเริ่มต้น
ใช้คนดังเป็นตัวดึงดูด
อันที่ 3 คือเอาคนมีชื่อเสียงคนที่ได้รับการยอมรับนับถือหรือแม้กระทั่งกลุ่มเขาเอง ที่เขาอาจจะสร้างคอนเทนต์ว่ารวยขึ้นได้เพราะทำตรงนี้ ใช้เวลา 3-5 เดือน มีรถใช้แล้ว ทั้งๆที่รถ หรือสิ่งของอาจจะไม่มีจริงก็ได้ อาจจะเช่ามาเพื่อสร้างโปรไฟล์ให้ดูดี พอไปพบเขา เห็นโปรไฟล์ดูน่าเชื่อถือแล้ว นี่คือยุทธวิธี
โจรรู้ทันอุดรอยรั่วกฎหมาย
ส่วนกิจกรรมหรืออะไร มันป็นแค่อุปกรณ์หรือวิธีการเท่านั้นที่มาใช้หลอก แต่อันนี้ผมเชื่อว่า ในอนาคตผู้ต้องหาน่าจะมีการอุดรูรั่ว หรือมีความละเอียดของการกระทำผิด อาจจะเนียนขึ้น
อันนี้เป็นข้อยากที่เราต้องดำเนินการ เพราะการตรวจสอบหลักฐาน ใช้เวลาก็ต้องแก้กฎหมายรองรับตรงนี้ด้วย
เสนอแนะขออนุญาตต้องมีต่ออายุ
ผมเคยไปคุยกับท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เคยถามว่าเราจะมีแนวทางยังไง ที่จะควบคุมกำกับดูแล พวกที่ทำเกี่ยวกับการขายสินค้าอะไรเหล่านี้
ผมเสนอว่า ทำอย่างนี้ได้ไหมการขออนุญาตต้องมีการต่ออายุ ไม่ใช่ขอครั้งเดียวแล้วใช้ยาวเลย
ใช้กรอบบังคับให้ทำผิดยาก
แล้วการต่ออายุต้องดูว่า เคยมีเรื่องร้องเรียนไหม ถ้ามีเรื่องร้องเรียนก็ต้องเข้าบอร์ดใหญ่แล้วต้องมีฝ่ายบัญชี หรือการเงิน เศรษฐกิจการคลังต้องเข้าไปดูว่า บริษัทนี้ รูปแบบการบริหารเป็นยังไง จะทำให้มีการตัดตอนความเสียหายที่มันจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้เรามีกรอบบังคับให้เขาทำผิดยากขึ้นอย่างนี้ เสนอท่านไปอย่างนี้
ปัจจุบันแก้ปัญหาปลายเหตุ
อย่างกฎหมายขายตรงที่มีมา 40 ปีแล้วเขาเซ็นอนุญาตครั้งเดียวใช้ได้ยาวเลย เราไม่รู้ว่าเวลาเขาไปทำขายจริง มันเพี้ยนไปเรื่อยๆ อย่างนี้ กว่าเราจะรู้มันคือฟองสบู่แตก ความเสียหายเยอะแล้ว กลายเป็นว่าเราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
กม.ต้องดักหน้าคนร้าย
ผมเลยมองปัญหาที่ต้นเหตุเราจะต้องควบคุมเลย ดูที่เรื่องการต่ออายุตีกรอบเลย คุณต้องมีการต่ออายุนะ คือกฎหมาย ต้องดักหน้าคนร้าย
สมมติดูเรื่องอัตราการเสียภาษี กำไร มีตัวเลขชัดเจน อย่างนี้ มีระบบเอไอ วิเคราะห์ สมเหตุสมผลไหมว่าเงินเข้ามาแค่นี้ แต่คุณสั่งผลิตสินค้า คุณสั่งลูกค้าซื้อ 100 แต่คุณสั่งผลิต แค่ 20 อะไรอย่างนี้ มันน่าจะมีเอไอ ตรวจสอบทางบัญชีได้เลย ผมว่ามันจะช่วยได้
ครับ ทั้งหมดคือความห่วงใยและข้อเสนอแนะไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ของผู้การอิ้ว ปคบ.ว่าที่ผู้การกองปราบฯที่มีต่อสถานการณ์โกงออนไลน์ในทุกวันนี้
ขณะที่อาชญากรออนไลน์ ใช้สมองใช้ทุกช่องโหว่ กม. บวกทั้งเหลี่ยมเล่ห์ดูดเงินจากกระเป๋าเรามาลงทุน ด้วยโปรไฟล์หรูดูดีอย่างที่เห็นอย่างที่เป็นข่าว
เฮียเก๋12/1/67