เมื่อเร็วๆนี้ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ(บก.ปพ.) จัดอบรมหลักสูตรยิงปืนพก ภายใต้สภาวะความกดดันของกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ที่สนามยิงปืนราชสวัสดิ์ คอมมานโด
เดิมทีเป็นหลักสูตรกองบังคับการปราบปราม แต่กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ หรือคอมมานโด นำมาพัฒนาปรับปรุงใหม่
บิ๊กเอ็ม-พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ุม่วง ผบก.ปพ. เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า
เขียนใหม่ให้สอดคล้องกับปืนที่ใช้
หลักสูตรนี้ ปกติคอมมานโด ยิงกันอยู่แล้ว อันนี้ไปฝึกอีก ผมเป็นคนร่างหลักสูตรที่พัฒนาจากหลักสูตรเก่าที่มีเฉพาะปืนลูกโม่ แต่ปัจจุบันนี้ใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติกันหมด เลยเขียนหลักสูตร ให้สอดคล้องกับอุปกรณ์ที่ใช้
ทีนี้หลักสูตรปืนกึ่งอัตโนมัติ มันมีความยากในการฝึก มีความอันตราย เพราะมีลูกอยู่ในรังเพลิง น้ำหนักไก เบา มองไม่เห็น
ผู้ที่เข้ารับการฝึกจะต้องเป็นผู้ที่มีทักษะในการยิงปืนมาแล้ว ส่วนครูฝึกต้องมีความชำนาญในการควบคุมการฝึกให้ดี
ปรับเป็นหลักสูตรประจำปพ.
วัตถุประสงค์ก็คือ ผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ ผู้บังคับการ รองผู้บังคับการ ผู้กำกับการ กลุ่มคนที่จะต้องนำความรู้ ไปถ่ายทอดให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา
เลยเอาหลักสูตรตัวนี้มาปรับเป็นหลักสูตรประจำหน่วย ใช้สำหรับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
คือการที่เราจะต้องผ่านภูมิประเทศต่างๆเข้าไปติดตามจับกุมคนร้าย ลอดลวดหนาม ปีนสิ่งกีดขวาง วิ่ง เวลาทั้งหมด 5 นาทีครึ่ง ยิงทั้งหมด 60 นัดพร้อมการเคลื่อนที่
ร่างกายจะเหนื่อยล้ามาก แล้วอยู่ในภาวะกดดัน ตื่นเต้น เหนื่อยด้วย รวมท่าทางการยิงทักษะที่จะต้องเผชิญในสถานการณ์ต่างๆ
เอารองผบก.-ผกก.ลงมาฝึก
ผมก็เอาผู้บังคับบัญชามาฝึกก่อน จากนั้นค่อยให้เขาไปฝึกลูกน้อง ก็มีรองผู้การ 10 นาย ผกก.อีก 10 นาย ตามกฎ ห้ามเกิน 20 คน ผ่านเกณฑ์กันทุกคน ได้เหรียญทองพิเศษกันหลายคน
ใช้เวลา5 วัน ปูพื้นฐานตั้งแต่ท่าทางการยิง รีโหลดบรรจุใหม่ การแก้ปัญหาปืนติดขัด ท่าทางประกอบการยิงทางยุทธวิธี แล้วประกอบเป็นหลักสูตรได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดีมาก
ส่วนโครงการยิงปืนพกยิงปืนยาว ที่จะไปฝึกครูฝึก120 คนจากทั่วประเทศในเดือนสิงหาคมนี้ พล.ต.ต.ภูมินทร์ เล่าให้ฟังว่า
ยิงประจำปีที่จอหอ แค่ฝึกทักษะ
คือผมเป็นนักยิงปืนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่แล้ว การยิงปืนประจำปีจะมีหลักสูตรต่างๆมากมาย เป็นหลักสูตรพื้นฐาน
แต่ การยิงปืนประจำปีที่จอหอ ไม่มีหลักสูตรใดเลยที่ตรงกับการไปเผชิญเหตุ อย่างที่โคราช
เป็นการฝึกทักษะการยิงปืนเฉยๆ เช่น ฝึกทักษะการยิงปืนยาวยิงปืนพก แต่ไม่มีการยิงเชิงประกอบทางยุทธวิธี การยิงหลังที่กำบัง
ไม่ตรงกับสภาวะการณ์จริง
พอเกิดเหตุการณ์ ทุกคน คือตำรวจ ก็มุ่งที่ไปยิงเอาเหรียญประจำปี เป็นการฝึกทักษะ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เราเจอในสภาวะการณ์จริง
ผมเลยคิดหลักสูตร ที่จะมีทั้งทักษะการใช้อาวุธที่ดี ใช้งบประมาณที่ไม่เยอะมาก เป็นหลักสูตรที่ประเมินผลได้ เก็บสถิติการพัฒนาตัวเองได้ เป็นเรื่องจำเป็น
มีเหรียญแต่ใช้ทำงานไม่ได้
เลยคุยกับท่าน ผบช.ต่อศักดิ์ คุยกับพี่รอย (พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์) คุยกับท่าน ผบ.ตร.ปั๊ด
ท่านมีนโยบายว่า อยากจะพัฒนาหลักสูตร ให้ตรงกับที่ตำรวจจะต้องไปเจอหน้างาน ฝึกเพื่อที่จะไปตรวจสอบประจำปีที่จอหอ แล้วใช้ทำงานได้ด้วย ไม่ใช่ฝึกเพื่อที่จะไปเอาเหรียญที่จอหอ แต่ใช้ทำงานไม่ได้
ระดมความคิดจาก 5 หน่วยปพ.
เลยเป็นที่มาที่ผมก็เลยเรียกน้องๆ ที่อยู่ปฏิบัติการพิเศษที่สำคัญ คือ อรินทราช26 นเรศวร 261 สยบไพรี ปส. หนุมาน กองปราบ แล้วของเราเอง สยบริปูสะท้าน หรือคอมมานโด ปพ.
มานั่งบูรณาการความคิดกัน ช่วยกันคิดหลักสูตรที่ดี เพราะคนพวกนี้ผ่านการฝึกมาเยอะ เรียนจากหน่วยต่างประเทศ มาเยอะ
รองรับรูปแบบการก่อเหตุในอนาคต
แนวคิดของผม การที่จะออกหลักสูตรการยิงปืนให้ตำรวจทั้งประเทศ ไม่ควรจะออกมาจากคนๆเดียว ควรจะเบรนสตรอมมิ่ง ควรจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ปีหน้าตำรวจอาจจะใช้เป็นปืนเลเซอร์ อาจจะเป็นอาวุธที่พัฒนาขึ้น ยุทธวิธีอาจจะปรับเปลี่ยนไปอีกก็ได้ รูปแบบการก่อเหตุมันอาจจะเปลี่ยนไปอีกก็ได้
ได้ทักษะ ใช้งบฯน้อย ฝึกเองได้
เบรนสตอมมิ่ง ได้มา ที่ผมบอกข้อจำกัด คือเรื่องทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ 2 คือเรื่องงบประมาณ ต้องไม่เยอะมาก สามารถทำรายการทดสอบประจำปีได้ สามารถบันทึกผลเพื่อเก็บสถิติ การพัฒนาของข้าราชการได้ สามารถบันทึกผลเป็นคะแนนได้
สร้างแบบฝึกใช้ได้ทั้งประเทศ
ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อปีที่แล้ว จริงๆ ผมคิดมาตลอด ตร.ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมเลย ท่าน ผบ.ก็จำลองสถานการณ์เผชิญเหตุ แต่ไม่สามารถมาทำเป็นหลักสูตรให้กับตำรวจทั้งประเทศ
แต่ครั้งนี้เราจะทำเป็นแบบฝึกทั้งประเทศ ให้ตำรวจสามารถเอามาฝึก คือมีกระสุนกล่องหนึ่ง 50 นัด จัดสรร15 นัด เอาไปปรับกระสุนทำความคุ้นเคย อีก 35 นัด มายิงในระบบนี้
คุณจะได้ทักษะที่เอาไว้ใช้งานได้จริง ใช้กับสายตรวจ ทุกประเภทเลย ทั้งโรงพัก ก็ฝึกได้
ผมก็ให้น้องๆ ที่เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้งหมด ช่วยกันทำคู่มือการปฏิบัติ รูปแบบวีดีโอ เพื่อเข้าใจง่าย เพื่อการนำไปฝึก
ให้ครูฝึกจากทั่วประเทศมาเรียน
พอเราเบรนสตอมมิ่ง ได้เนื้อหามาแล้ว เลยเทรนกันเอง ก่อนนำเรียนผู้บังคับบัญชา ไม่ว่าจะพี่ต่อศักดิ์ พี่รอย อิงคไพโรจน์ ผบ.ตร.
พอทุกคนมีแนวทางการฝึก เข้าใจแนวทาง เป็นแบบเดียวกันแล้ว ตร.ก็ออกนโยบายให้ครูแม่ไก่ ให้ครูจากศูนย์ฝึกตำรวจภูธรต่างๆ ส่งตัวแทนมาเรียนด
หลักสูตรตรงนี้ ที่จะได้ตั้งแต่ กฎความปลอดภัย ท่าทางการยิง การรีโหลด เมาฟังก์ชั่น ท่าทางประกอบการยิงทางยุทธวิธี ครูฝึกที่มาจากตำรวจภูธรต่างๆ ก็มาเรียนกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ชั้นนำของประเทศ
เรียนรู้จากของจริงเอาไปถ่ายทอด
เขาจะเกิดความมั่นใจว่า เรียนจากสยบริปูสะท้านนะ เรียนจากหนุมาน เรียนจากอรินทราช เรียนจากนเรศวร 261 เรียนจากสยบไพรี เกิดความมั่นใจ เรียนจากคนพวกนี้ ซึ่งคือคนเก่ง ทำให้เขามั่นใจได้ว่า องค์ความรู้ที่ได้ไปเป็นของแท้ เอาไปทำงานได้จริง
ครูฝึกพวกนี้จะถูกเทรน เป็นครูฝึกชุดแรกของตำรวจภูธรต่างๆ ก็ไปขยายผลต่อให้ตำรวจโรงพัก
เรียกมาฝึกเก็บสถิติการยิง
ผบ.ตร.ให้นโยบายมาเลย ปีนี้ เอางบประมาณกองกลาง กระสุนนี่ แจกไปทุกกองบัญชาการ ให้ครูฝึกที่ผมสร้าง ครูฝึกของตำรวจภูธรต่างๆ นำกระสุนตรงนี้ ไปให้ตำรวจโรงพักทุกคน
เรียกมาฝึก แล้วควอลิฟายด์ เก็บสถิติการยิงไว้ ปีหน้าทำใหม่ จะพบรายชื่อเดิม ส.ต.ท. กอไก่ เดิมยิงได้ 300 แต้ม ปีต่อไป 325 แต้ม มีการพัฒนา
เมืองนอกควอลิฟายด์ทุก6เดือน
ตำรวจเมืองนอกนี่ เขาไม่ได้บ้าเหรียญอย่างเรา ทุก 6 เดือน เขาควอลิฟายด์ เขาไม่ได้เอาเหรียญมาเป็นตัวตั้ง
ทุก 6 เดือน ถ้าคุณผ่าน คือคุณทำงานในภาคสนามได้
ถ้าคุณไม่ผ่าน ต้องกลับมายิงให้ผ่าน ถึงกลับไปทำงานภาคสนามได้ เพราะยิงปืน มันไปกระทบสิทธิ์ประชาชน ยิงไม่โดนคนร้าย ก็อาจจะไปโดนประชาชน
เทสต์ 3 ข้อ ร่างกาย กม. ยิงปืน
เขาเทสต์ทุก6เดือน 1.ข้อกฎหมาย 2.ร่างกาย 3. การยิงปืน จะเห็นได้ว่า การยิงปืน เป็นหนึ่งในหัวข้อที่เขาเทสต์ ส่วนเอฟบีไอ เพิ่มมาอีก 1 หัวข้อ คือยุทธวิธี
กำหนดฝึกครูแม่ไก่11-16 ส.ค.
จริงๆผมทำมาตั้งแต่เป็นรอง ผกก.ด้วย เทสต์ข้อกฎหมายนี่ ไอ้เลิฟ (พ.ต.ท.พีรณัฏฐ์ บุญค้ำพงศ์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.ปพ.)จบเนติบัณฑิต เป็นคนออกข้อกฎหมาย
ร่างกาย ก็ให้วิ่งตามระบบของสกอร์ตำรวจ แล้วเทสต์การยิงปืน ก็เอา 35 นัด นี่ เข้ามาจับ
มันประหยัดงบประมาณ ได้ทักษะที่ครบถ้วน กำหนดการออกมาแล้ว เริ่มฝึก 11-16 สิงหาคมนี้
ปฏิวัติการยิงของตร.
มันเป็นการปฏิวัติการยิงปืนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เลยนะ ทีนี้เมืองนอกมาเห็น ก็จะไม่เห็นแล้วว่ามาแอ่นยิงปืน ตามท่าที่เป็นการยิงปืนตามมาตรฐานแบบสากล มันใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้
ผมใช้คำว่า ปฏิวัติเลย เพราะว่ามันเปลี่ยนรูปแบบไปแบบขาดลอยไปจากเดิม จากที่ไปยิงเอาเหรียญ อันนี้ก็จะเป็นรูปแบบที่เอาไปใช้ทำงานได้จริง
คุยกันจนตกผลึก นำเสนอผบ.
มันไม่ได้เกิดจากความคิดของผมคนเดียวน้องๆ ทุกคน และทีมงานปฏิบัติการพิเศษ เห็นด้วย ว่าไอ้แบบนี้ ควรจะนำมาสู่การฝึกของตำรวจทั่วประเทศ
ใช้เวลาคุยกันนาน ทำรีเสิร์ชกันด้วย ว่าท่านี้ดีไม่ดียังไง พอตกผลึกแล้วก็มาทำคู่มือการฝึก เป็นวีดีโอ ให้ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ท่าน ผบช.ก.ก่อน
พอ ผบ. ท่านเห็นบอกว่านี่มันเรียลลิตี้ มันใช้ได้จริง มันประหยัด มันตอบโจทย์
พอผบ.บอกว่า เอา ทุกอย่างไหลมาหมด ให้ครูฝึกของแต่ละศูนย์ตำรวจภูธร มาทำความเข้าใจ
ไรเฟิล4หมื่นกระบอกยิงไม่เป็นเยอะ
ตอนนี้พัฒนาไป 2 หลักสูตร คือรูปแบบการฝึก 2 ส่วน คือ ปืนพก กับปืนคาร์บาย หรือปืนเอ็มโฟร์ ที่ใช้ลูก 556 แล้วก็ปืนพกประจำตัวของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ประจำวัน
ปืนคาร์บาย ก็คือเป็นเออาร์ หรือปืนไรเฟิล ที่ท่าน ผบ.ตร.เห็นความสำคัญ ซื้อแจกตำรวจโรงพัก 40,000 กว่ากระบอก ทั่วประเทศ แต่ยังไม่ได้ฝึกฝน แล้วยังมีทักษะในการใช้งานกันได้น้อย
ตำรวจโรงพักยังงง อยู่เลย ยิงยังไง ประทับยังไง การเล็ง การจับ การประทับ ยังไง ยังงง กันอยู่ แล้วเข้าที่กำบัง มือซ้าย มือขวา ทำยังไง ยังงงกันหมด
ถ้าท้องที่ใช้เป็น วันนั้นจ่าคลั่งจบเร็ว
แต่หลักสูตรนี้จะช่วยให้เขาสามารถใช้ทำงานได้ดี แล้วท่าน ผบ.และผู้บังคับบัญชา ก็เห็นว่า ไอ้ปืนไรเฟิ่ล มันตอบโจทย์ พวกปัญหาการกราดยิงได้ดี มันหวังผลได้ระยะไกล ถ้าเป็นซัพแมชชีนกัน หวังผลได้ในระยะ 50 เมตร ก็หวังผลค่อนข้างยาก
แต่ถ้าเป็นไรเฟิ่ล เป็นเออาร์ อย่างเคสที่โคราช คนร้ายยืนกลางถนน
ถ้าผู้ปฏิบัติมีทักษะในการใช้ปืน ที่หลวงแจกไป ระยะไกล ก็เอาอยู่แล้ว
มีอุปกรณ์แต่ขาดองค์ความรู้
บางทีเหตุอาจจะจบตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปยึดห้าง ตำรวจโรงพักก็เอาอยู่ ถ้าเขามีทักษะทีดีในการใช้อุปกรณ์ จริงๆ แล้วควรจะมี
เอาลงไปแล้ว แต่ยังไม่มีโนฮาว์ ขาดการเทรนนิ่งในอุปกรณ์ที่ตัวเองมีอยู่ มันหมายถึงชีวิตเลย สามารถช่วยชีวิตคนได้เยอะ
นำร่อง2 หลักสูตรปืนพก-ไรเฟิ่ล
ตอนนี้นำร่องไป 2 หลักสูตร คอมแบทคาบายด์ กับคอมแบทแฮนด์กัน ปืนพก กับปืนไรเฟิ่ล จริงๆ มันยังมีปืนลูกซอง แล้วยังมีปืนสไนเปอร์ อีก ในอนาคตก็จะพัฒนาต่อไป
ถ้าเก่งแล้ว อัดหลักสูตรเพิ่ม
วันนี้เราพัฒนาแค่นี้ก่อน แต่วันข้างหน้า คณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรที่ผมเอาลงมาที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เขาเห็นว่าตอนนี้ตำรวจทั้งประเทศเก่งแล้ว 35 นัด ก็ควรจะพัฒนาเพิ่มขึ้นไปอีก ใส่ทักษะที่สำคัญเพิ่มขึ้นไปอีก เขาก็มีทักษะขึ้นมา
ผมนำเรียนท่าน ผบ.ก็บอกว่าให้ กกป.บรรจุหลักสูตรไปเลย เพราะคณะกรรมการพวกนี้คิดดีแล้ว ชุดนเรศวร คิดมาดีแล้ว ปืนมันเป็นปืนเลเซอร์แล้ว ควรจะปรับเปลี่ยนหลักสูตร
ก็เสนอ ผบ.แล้วก็ให้ กกป.รับรอง ก็เอาไปฝึกใหม่ แต่ถ้าตอนนี้มันยังดีอยู่ ก็ใช้มันต่อ
โลกเปลี่ยน นำดอทมาใช้ฝึกยิง
ปัจจุบันผมก็พัฒนา เดิมคือทุกหลักสูตรจะเขียนเลยว่า ห้ามนำเครื่องช่วยเล็งที่เป็นดอทแดง มาใช้ใทดสอบหลักสูตร
แต่โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว มันต้องคิดใหม่ ต้องเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้งานมันบรรลุผล
ลดทั้งต้นทุน ได้ผลในการฝึก
1.ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการฝึก ไปเสียค่ากล้องดีกว่า มันลดการฝึกของคน ให้ใช้ปืนได้คล่อง
2.คือเวลาตาเราโฟกัส เราโฟกัสได้จุดเดียว เวลาเรายิงปืน เราต้องไปโฟกัสที่ศูนย์หน้า สถานการณ์มันก็ยังไง มันก็เบลอ ตามันก็ไม่โฟกัส
แต่ดอทแดง มันเห็นสถานการณ์ คนร้ายจะชักปืน คนร้ายจะล้วงกระเป๋า เห็นหมด อันนี้คืออันดับที่ 2 ส่วนอันดับที่ 3 ก็คือคุณภาพกล้อง 60 บาท เปิดมาปีหนึ่งถ่านยังไม่หมดเลย
อุปกรณ์ต้องได้เปรียบคนร้าย
ข้อที่ 4 เวลากลางคืน ต่อให้เป็นศูนย์ปืนไนต์ชอต ก็ไม่ชัดเท่าดอท มันขึ้นแดงแจ๋เลย แล้วมีระบบฟังก์ชั่นที่ปรับอัตโนมัติ ถ้าแสงน้อย มันก็ดรอปแสงสีแดงลงมา พอสว่างปุ๊บ มันก็ดึงแสงสีแดงมาให้
แต่ไม่ใช่ว่ามันจะนิ่งเลย มันก็ต้องฝึก ปืนจะต้องจัดให้อยู่ด้วยความคุ้นเคย ถึงจะเห็นดอท
คือประมาณว่า ต้องได้เปรียบคนร้าย แล้วก็ใช้เทคโนโลยี เอามาเทสต์ ฝึกให้เกิดความคุ้นเคย คนที่ไม่ถนัดในการใช้ศูนย์ปืนศูนย์เปิด ก็ยังสามารถใช้ในหลักสูตรนี้ได้
ถึงบอกว่าปฏิวัติการยิงปืนตร.
เอาข้อเท็จจริงในปัจจุบันนะ ปืนเอ็มโฟร์ที่ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือใช้ในหน่วยทั่วไป
ในปัจจุบันนี้มันไม่มีใครมาศูนย์เหล็ก ศูนย์หน้า ศูนย์หลัง วงกลม ไม่มีแล้ว เพราะมันติดกล้องกันหมด เพื่อที่จะทำงานได้สะดวก
มันรับนวัตกรรมได้แล้ว ต้องเปิดใจ คือใช้อย่างไหน ฝึกอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าใช้ดอทแดงในการทำงาน แต่ว่าคุณมายิงศูนย์เหล็ก ไม่เข้าท่า
ใช้ดอทฝึกเทสต์ ก็จะเริ่มอันนี้เลย เพราะตำรวจสายสืบก็มีส่วนตัวกันแล้ว
ดูตำรวจทางหลวง ที่ถูกยิงหน้ารถล่าสุด มันกลางคืน แล้วจะมาศูนย์ชัด เป้าเบลอ มันมองไม่เห็น ก็เอาเหตุการณ์นี้มาเป็นตัวอย่าง จริงๆ ก็มีหลายเคส
ยิงปืนยาว3ท่า 200เมตรไม่มีจริง
ผบ.ปั้ด ท่านหัวสมัยใหม่ ยิงปืนจอหอ ถ้าจะพูดกัน ยิงปืนยาว 3 ท่า 200 เมตร ตำรวจไม่ได้ทำงานแบบ 200 เมตร มันไม่มีจริง เราก็ยิง ปะทะ
อย่างเหตุที่โคราช หรืออย่างที่เจอล่าสุด ที่ยิงที่เซเว่นตาย แล้วหนีไประนอง นี่ เราเจออย่างนี้
รอปพ. กว่าจะถึงก็ตายเป็นเบือ
หน่วยปฏิบัติการพิเศษ จะเข้าไปช่วยกัน ไม่มาแบ่งแยกหน่วย รวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อที่จะช่วยกันพัฒนาตรงนี้ เห็นด้วย
เพราะว่าเวลามีเหตุ กว่าจะรอหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เข้ามา ตายเป็นเบือแล้ว มันต้องแก้ไขปัญหาให้ทันเหตุการณ์
ครับ…การปฏิวัติการฝึกยิงปืนของตร.ที่เกิดจากการระดมความคิดของ5หน่วยปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้
น่าจะเกิดประโยชน์กับตำรวจท้องที่
ด่านแรกในการปกป้องประชาชนจากคนร้ายที่มีพฤติกรรมแบบ”จ่าคลั่ง”ยิงดะที่โคราช
กากีกลาย24/7/64