Thursday, November 21, 2024
More
    Homeบทความทั่วไปมันข้องเกี่ยวกันยังไง..

    มันข้องเกี่ยวกันยังไง..

    ข่าวแตกจากข่าวตรง อาจจะงงและสับสน มันข้องเกี่ยวกันยังไง

    จากรายงานข่าวเหตุการณ์ชายคนหนึ่งฆ่าตัวตาย ตามข้อสันนิษฐานและประจักษ์พยานแวดล้อม ของพนักงานสอบสวน

    ข่าวรายงานโดยสื่อสำนักหนึ่งที่ขอปิดนามไว้ ณ ที่นี้ เพื่อความเหมาะสมบางประการพอสังเขป

    คัดลอกเนื้อหามาทั้งหมดดังที่ปรากฎในบรรทัดถัดไป

    หนุ่มกระโดดลงบ่อน้ำที่ห้างดังย่านบางแคเสียชีวิต ชาวเน็ตคอมเมนต์สะท้อนถึงความจริงที่เหยื่ออาจเป็นคนเห็นเหตุการณ์

    วันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2567 ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านบางแค เกิดเหตุเมื่อชายคนหนึ่งกระโดดลงบ่อน้ำที่ตั้งบนชั้น 3 ของห้างและเสียชีวิตในที่สุด  ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบเคลียร์พื้นที่ในเร่งด่วน

    ร.ต.ท.อุกฤษณ์ แคล้วเครือ รอง ส.ว.(สอบสวน) สน.หลักสอง รายงานว่า ผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่ห้างเพียงคนเดียว และเดินไปบริเวณระเบียงชั้น 3 จุดชมน้ำตก ก่อนที่จะกระโดดลงมา ซึ่งตรงชั้น 3 เจอรองเท้าของเขาวางชิดระเบียง

    ด้านเจ้าหน้าที่อยู่ะหว่างการประสานญาติผู้เสียชีวิตก่อนนำศพส่งนิติเวช รพ.ศิริราช

    พลเมืองที่อยู่ในที่เกิดเหตุรายงานว่าได้ยินเสียงดังขึ้นจากการกระแทกลงน้ำและเห็นชายคนดังกล่าวยังหายใจ ทำให้มีคนมาช่วยเหลือ เช่น การอุ้มตัวเขาออกจากน้ำ เนื่องจากความกลัวว่าจะจมน้ำ นอกจากนี้ยังมีคนมาช่วยเพิ่มเติม

    ในโลกออนไลน์มีการพูดถึงเรื่องนี้มากมาย โดยบอกว่าห้างนี้เพิ่งมีการปิดรีโนเวทและเปิดใหม่ไม่นาน

    การที่พบเหตุการณ์ที่ทำให้เสียชีวิตในสถานที่สาธารณะเชื่อว่าอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ ต่อคนที่เข้าร่วมเหตุการณ์นั้นๆ

    บางส่วนของประชาชนได้แสดงความคิดเห็นว่า ควรมีการยื่นคดีเรียกค่าเสียหายกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยเหตุนี้ทำให้สถานที่นี้เสียชื่อเสียงและสร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่มาเดินห้างโดยเฉพาะเด็กๆ ที่มีอาจารย์ปกครองอยู่

    อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้เป็นการกระตุ้นให้สถานที่ธุรกิจต้องทบทวนและปรับปรุงระบบความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งยังเป็นการเตือนตัวและเตือนผู้คนว่าความปลอดภัยในสถานที่สาธารณะเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย

    ตบท้ายด้วยข้อความสรุปปโดยย่อและชัดเจนว่า “พยานผู้เห็นเหตุการณ์รุนแรง = เหยื่อของเหตุการณ์รุนแรง

    หะแรกอ่านข่าว พอจับใจความได้ไม่ยาก แต่ลีลาการรายงานข่าว เทียบเคียงกับฝรั่งเขียนข่าวด้วยภาษาไทยพอได้กระมัง แต่ไม่ใช่ประเด็นที่จะนำมาวิเคราะห์เจาะแคะแซะใคร นับว่าเป็นสไตล์รายงานข่าวที่น่าสนใจไม่น้อย

    ที่อยากจะนำมาสะกิดสะเกาแสบๆ คันๆ ตรงที่ผู้รายงานข่าวขยายประเด็นแตกออกมาได้อย่างน่าทึ่ง

    ระบุว่าการที่คนเห็นเหตุการณ์รุนแรงมีคนเสียชีวิตในที่สาธารณะ อาจได้รับผลกระทบทางจิตใจจนมีอาการทางประสาท

    พร้อมกับเปิดเผยความเห็นในโซเชียลว่า ควรจะมีการฟ้องเเยกค่าเสียหายจากญาติของผู้ก่อเหตุฆ่าตัวตายได้ด้วย

    คือ ญาติคนตายต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผู้เสียชีวิตกระทำเหตุรุนแรงด้วยการชดใช้ค่าเสียหาย ให้แก่ผู้ประสบพบเจอเหตุสยองต่อหน้าต่อตาจนสภาพจิตเสื่อมเสียหาย ป่วยซึมเศร้าไป

    อันนี้ดูเหมือนเข้าท่าเข้าที่ แต่ว่า การกระทำการฆ่าตัวตายเป็นเหตุส่วนบุคคล ในฐานะมีอาการป่วยทางจิตใจและสมองส่วนหนึ่ง ญาติหรือผู้ใกล้ชิด คู่สมรส ไม่ใช่ผู้กระทำผิดร่วม หรือผูกพันต้องรับผิดชอบการกระทำใดๆ ของผู้ก่อเหตุ

    กฎหมายก็ไม่มีบัญญัติไว้ ถ้าจะเรียกค่าเสียหายจะไม่เป็นซ้ำเติมญาติสนิทคนใกล้ชิดไปอีกหรือ

    ส่วนเรื่องที่บอกว่า เหยื่อของเหตุการณ์รุนแรงที่ประสบเจอเหตุการณ์ต่อหน้าจะจะ จนส่งผลกระทบต่อจิตใจ ที่นักวิชาการทางการแพทย์เรียกกว่า Post-traumatic Stress Disorder (PTSD)

    หรือเรียกว่า อาการป่วย “ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ” เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ความรุนแรง เกิดขึ้นได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม

    อาการของโรค ก็มีเช่น รู้สึกเหมือนเหตุร้ายเกิดขึ้นซ้ำๆฝันร้าย พยายามหลีกเลี่ยงสถานที่เกิดเหตุ ไม่อยากพูดถึง อารมณ์ความคิดเปลี่ยนไปในทางลบ ไม่ยินดียินร้าย ตื่นตัวมากเกินปกติ

    นอกจากนี้ยังมีอาการร่วมกับโรคซึมเศร้า หรือใช้ยาระงับประสาท และดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

    นับว่าข่าวเล็กๆชิ้นหนึ่ง สื่อได้รายงานขยายความจากคอมเมนต์ผู้อ่านได้ประโยชน์มากไม่น้อย

    ส่วนจะเลยไปจนมีการให้ผู้เสียหายจากเหตุรนแรง ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากญาติหรือคนไกล้ชิดผู้ก่อเหตฆ่าตัวตาย ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง

    จะเทียบเคียงเหมือน เจ้าของสุนัขที่ไปกัดคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ต้องจ่ายเงินค่าทำขวัญหรือค่าเสียหายให้คู่กรณี คงต้องคิดให้ยาวๆกว่านี้นะ…

    ดอนรัญจวน25/1/2567

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments