Saturday, May 17, 2025
More
    Homeบันเทิงจากหนังมิชชั่น : อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ

    มิชชั่น : อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ

    Mission : Impossible – The Final Reckoning

    นับเวลาที่ฟิล์มซีรีส์เรื่อง Mission : Impossible อยู่กับผู้ชมมาก็ 29 ปีแล้ว และตลอดเวลาอันยาวนานนั้น Mission : Impossible มีทั้งหมด 8 ภาค

    ภาคแรกกำกับโดย “ไบรอัน เดอ พัลมา” ออกฉายปี 2539 ส่วนภาค 2 คือ Mission : Impossible II กำกับโดย “จอห์น วู” ออกฉายในปี 2543

    จากนั้นในปี 2549 ภาค 3 Mission : Impossible III กำกับโดย “เจ.เจ. อับรามส์” ก็ส่งออกมา จนมาภาค 4 ได้ใช้ชื่อ Mission : Impossible – Ghost Protocol กำกับโดย “แบรด เบิร์ด” ฉายในปี 2554

    เห็นได้ว่าใน 4 ภาคแรกนั้นใช้บริการผู้กำกับไม่ซ้ำชื่อ

    ต่อมาในภาค 5 Mission : Impossible – Rogue Nation (2558), ภาค 6 Mission : Impossible – Fallout (2561) และภาค 7 Mission : Impossible – Dead Reckoning (2566)

    เป็นผลงานกำกับล้วน ๆ ของ “คริสโตเฟอร์ แม็คควอร์รีย์” ซึ่งเขาสวมบทผู้กำกับ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ ในงานของ “ทอม ครูซ” หลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็จะอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันไป

    ชิ้นงานผ่าน ๆ มาที่ทั้งคู่ร่วมงานกันก็มี Valkyrie (2551), Jack Reacher (ทั้ง 2 ภาคที่ออกฉายในปี 2555 และ 2559), Edge of Tomorrow (2557), The Mummy (2560) และ Top Gun : Maverick (2565)

    ก็ไม่แปลกที่ “คริสโตเฟอร์ แม็คควอร์รีย์” จะยังนั่งแท่นผู้กำกับ Mission : Impossible – The Final Reckoning หรือ “มิชชั่น : อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ” ซึ่งเป็นภาคที่ 8

    เพราะเรื่องราวของภาคล่าสุดที่ออกฉายในปี 2568 นี้มีความต่อเนื่องจากภาค Dead Reckoning ซึ่งฉากย้อนอดีตจาก Dead Reckoning ก็ถูกยกมาเตือนความทรงจำของผู้ชมอยู่หลายครั้ง

    แต่ก็อยากแนะนำว่าการย้อนกลับไปดูภาคก่อนหน้านี้ ก็จะทำให้เข้าใจเรื่องราวในภาคใหม่ได้มากขึ้น

    https://www.youtube.com/watch?v=SZR38fKk8ZE&t=11s

    อีกทั้ง The Final Reckoning ยังถือโอกาสรื้อฟื้นภาพอดีตตั้งแต่ภาคแรกไล่เรียงกันมา เหมือนบอกเป็นนัยว่านี่จะเป็นภาคสุดท้ายของ Mission : Impossible ​Mission :

    Impossible – The Final Reckoning ยังนำเสนอการผจญภัยของ “อีธาน ฮันท์” (ทอม ครูซ) สายลับหลายหน้าที่ทำงานให้กับองค์กร Impossible Mission Force (IMF) เหมือนเคย

    เขายังเป็นสายลับหนังเหนียว ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเจออันตรายแค่ไหน ก็แคล้วคลาดทุกครั้ง

    ในภาคล่าสุด ภารกิจของ “ฮันท์” ก็คือ ทำลาย “เอนนิตี้” (Entity) ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ตัวร้ายที่บิดเบือนความจริง ทำให้ผู้คนแตกแยก

    ความคิดของ “เอนนิตี้” คือมุ่งพาโลกสู่หายนะจนลุกลามไปทั่วอินเทอร์เน็ต ​การแผ่ขยายอำนาจของ “เอนนิตี้” สร้างปัญหาไปทุกหย่อมหญ้า และเกี่ยวข้องกับ “อีธาน ฮันท์” แบบเต็ม ๆ

    ดังนั้น ผู้ที่ต้องคืนความสงบสุขให้กับโลกนี้ ก็ตกเป็นงานหนักของสายลับหนุ่มแห่ง IMF และซุปเปอร์ทีมของเขา

    ทั้ง “ลูเธอร์” (วิง รามส์), “เบนจี้” (ไซมอน เพ็กก์) สองเกลอก็ร่วมหัวจมท้ายกับ “ฮันท์” มาหลายภาค

    แต่ใน The Final Reckoning ผู้ชมจะเห็นทีมที่แข็งแกร่งมากขึ้น เพิ่มทัพด้วย 2 สาว “เกรซ” (เฮย์เลย์ แอทเวลล์), “ปารีส” (ปอม เคลเมนทิฟฟ์) และอีกหนึ่งหนุ่มคือ “ดีกัส” (เกร็ก ทาร์ซาน เดวิส)

    ​ว่ากันตามตรงพล็อตหนังที่ว่าด้วยเรื่องของ “เอไอ” ตัวร้ายพยายามทำลายโลกด้วยสงครามนิวเคลียร์ ไม่ได้ใหม่เอี่ยมอะไร

    แต่ความสนุกของ Mission : Impossible – The Final Reckoning ก็คือฉากแอ็กชันสุดระทึก มีดนตรีประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ช่วยเร่งความเร้าใจ การออกแบบฉากแอ็กชันในแต่ละภาคของฟิล์มซีรีส์นี้ ผ่านกระบวนการคิดมาอย่างพิถีพิถัน กลายเป็นฉากที่ถูกจดจำ

    ผู้ชมจะเห็นว่า “ทอม ครูซ” เล่นท่ายากมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่อายุอานามเพิ่มขึ้นเช่นกัน

    The Final Reckoning ไม่ได้มีฉากใหญ่ที่เป็นไคลแมกซ์เพียงฉากเดียว แต่มีหลายฉาก ทั้งพาลงน้ำ ไปเหินหาวผาดโผนกลางเวหา ต่อสู้กับ กาเบรียล (อีไซ โมราเลส) วายร้ายจากภาคที่แล้ว

    ซึ่งในหลายฉากที่ “ทอม ครูซ” เล่นแบบ “ข้ามาคนเดียว” คือการตอกย้ำว่าตัวละคร “อีธาน ฮันท์” คือคนที่สมควรได้รับความรัก จากการทำคุณงามความดีมุ่งมั่นพยายามจะกอบกู้โลกให้พ้นภัย

    ถึงแม้ว่าหนังจะรวบรัดฉับไวในบางสิ่งไปบ้าง แต่บอกได้เลยว่านี่คือหนังฟอร์มยักษ์ที่คุ้มค่ากับการชมจริง ๆ

    ส่วนจะเป็นภาคสุดท้ายของ Mission : Impossible หรือไม่ รอหัวใจของ “ทอม ครูซ” ให้คำตอบ!

    ​Blue Bird17/5/68

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments