วันที่23ก.พ.68 มีรายงานว่า ตำรวจสภ.คลองลึก อ.อรัญประ เทศ จ.สระแก้ว ได้ช่วยเหลือ 2 คนไทย เป็นชายและหญิง ที่อ้างว่าหลบหนีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต กัมพูชาส่งตัวมาที่สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์
สำหรับหญิงสาวคนดังกล่าวตรวจสอบพบคือ น.ส.วรารัตน์ หรือ แบม อายุ 22 ปี ที่ น.ส.สมหวัง อายุ 71 ปีผู้เป็นยาย ชาว อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เคยแจ้งความไว้ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.68 ที่สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ว่าติดต่อหลานสาวไม่ได้ หลังถูกคนรู้จักชักชวนไปทำงานที่กัมพูชา
ต่อมาพบว่า น.ส.วรารัตน์ แอบวิดีโอคอลจากประเทศกัมพูชา ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนให้หาเงิน 700 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 30,000 บาทไทย เพื่อไถ่ตัว หลังถูกหลอกมาทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา ตำรวจสืบสวนจนได้ข้อมูลพิกัดที่ส่งมาให้เป็นอาคารแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ รับมอบหมายจากพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ไปสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ก่อนเปิดเผยว่า
ตร.คลองลึกได้ช่วย นส.วรารัตน์ ไว้โดยเล่าว่าถูกน.ส.เกสรา คนตำบลเดียวกัน ชวนไปทำงานเกี่ยวกับบ่อนที่ปอยเปต ได้เงินเดือน 28,000 บาท ตัดสินใจไปมีรถแท็กซี่มารับถึงบ้าน จากนั้นมีคนมารับต่อข้ามไปฝั่งกัมพูชา
เมื่อไปถึงที่ทำงานเป็นพื้นที่กว้างประมาณ 20 ไร่ มีตึกหลายคูหา และไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับบ่อน แต่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีบอสใหญ่เป็นชาวจีน มีคนจากหลายประเทศทำงานกว่า 1,000 คน
ตอนแรกถูกเรียกให้ไปทำงานหลอกชายให้หลงหรือขายบริการ แต่ทำไม่ได้ จึงถูกเปลี่ยนให้ทำงานอื่นอีกหลายอย่าง รวมถึงเป็นคอลเซ็นเตอร์ หลอกคนไทยด้วยกันแต่ทำไม่ได้
คนในแก๊งจึงบังคับให้ข้ามมาไทยเพื่อเปิดบัญชีม้า ถ้าไม่ไปจะส่งขายต่อ จึงยอมมากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ขณะที่รอคนมารับที่ร้านสะดวกซื้อได้วิ่งหนีมาขอความช่วยเหลือที่สถานีตำรวจ
พร้อมยอมรับว่าเข็ดแล้วจะไม่ขอไปทำงานในแบบนี้อีก เพราะมีทั้งกระบองไฟฟ้าและขู่ทำร้าย ทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงห้าทุ่มทุกวันทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำข้อมูประสานกับตำรวจภาค2พื้นที่รันผิดชอบชานแดนอรัญประเทศต่อไป
ขณะที่น.ส.สมใจ ผู้เป็นยายได้กอดขอบคุณตำรวจที่ช่วยเหลือนำตัวน.ส.แบมกลับมาหาครอบครัวได้
