“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ” ประชุมมาตรการปฏิบัติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 กำชับความพร้อมดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกการจราจร และลดอุบัติเหตุทางถนน ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมเปิดโครงการฝากบ้าน 4.0 วันที่ 11-21 เมษายนนี้
วันที่ 5 เม.ย. 67เวลา 11.00 น.ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 ตร.
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและอำนวยความสะดวกการจราจรเทศกาลสงกรานต์ 2567
มีพล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 1) พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรีผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 2)พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.(มค 2) / ประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 3)พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 4)(มค 3) /ประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(มค 4) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 5) พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัยผบช.ปส. พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. พร้อมด้วย ผบช.ภ. 2,3,4,6,7,8,9 ทท./ผู้แทน ผบช.น. ภ.1,5,ก., สตม. ,สอท. ,ตชด. เข้าร่วมประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการนำเสนอมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และการลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 และปัญหาอุปสรรคขัดข้องของแต่ละหน่วยงานให้ที่ประชุมทราบ พร้อมมีข้อกำชับสั่งการในการปฏิบัติให้กับหน่วยที่เข้าร่วมประชุม
“World Songkran Festival”12-16 เม.ย.67
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดงาน “มหาสงกรานต์ World Songkran Festival” ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 1-21 เมษายน 2567 นอกจากนี้ ได้กำหนดให้วันที่ 12-16 เมษายน 2567 เป็นวันหยุดราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติคาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่จัดงานมหาสงกรานต์ทั่วประเทศ
สั่งทุกหน่วยปฏิบัติตามแผน
เพื่อให้การดูแลรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
กวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภทช่วงก่อนเทศกาล
จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพื้นที่จัดกิจกรรมสงกรานต์ และระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ทั้งอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ช่วงก่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 1-10 เมษายน 2567
โครงการฝากบ้านผ่านแอป“OBS”
จัดทำ “โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)” ระหว่างวันที่ 11-21 เมษายน 2567 รวมระยะเวลา 11 วัน โดยให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน “OBS” หรือที่สถานีตำรวจ และให้หน่วยดำเนินการคืนบ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้เรียบร้อยภายในวันที่ 22 เมษายน 2567
ป้องกันเหตุไม่สงบในพื้นที่-สถานที่เชิงสัญลักษณ์
มาตรการป้องกันเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กำหนดแผนเผชิญเหตุ หรือมาตรการในการป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ไม่หวังดีหรือผู้เสียผลประโยชน์ก่อความไม่สงบในพื้นที่
เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจรักษาความปลอดภัยสถานที่เชิงสัญลักษณ์ สถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ เป็นต้น
เตรียมความพร้อมหน่วยสนับสนุน
นอกจากนี้ ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปราบปรามการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ทุกมิติ และให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โรงพยาบาลตำรวจ และกองบินตำรวจ จัดเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์ ให้สามารถสนับสนุนการปฏิบัติโดยเร็วที่สุดเมื่อเกิดเหตุ
มาตรการบังคับใช้กม.จราจร
มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร แบ่งเป็น ช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 4-10 เมษายน 2567 , ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 18-24 เมษายน 2567 ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบังคับการตำรวจทางหลวง เตรียมความพร้อมกำลังพล สำรวจ ปรับปรุงเครื่องหมายจราจร ประสานขอคืนพื้นที่จุดซ่อมแซมผิวถนนให้มากที่สุด
เปิดช่องทางพิเศษขาออก 9 สาย 10 จังหวัด
รวมทั้งสำรวจเส้นทางสำรอง ทางเลี่ยง ทางลัด จัดทำข้อมูลเส้นทางประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน จัดกำลังอำนวยความสะดวกในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น พิจารณาเส้นทางที่จะกำหนดเป็นเส้นทางเดินรถพิเศษ (Reversible Lane) โดยเปิดช่องทางพิเศษขาออก 9 สาย 10 จังหวัด รวมระยะทาง 219 กิโลเมตร
ขากลับเปิดช่องทางพิเศษ 9 สาย 14 จังหวัด
ส่วนขากลับเปิดช่องทางพิเศษ 9 สาย 14 จังหวัด รวมระยะทาง 238 กิโลเมตร รวมทั้งกำหนดเส้นทางที่ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินรถในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และกำชับตำรวจทางหลวงและตำรวจท้องที่จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อลงไปแก้ปัญหาและอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนหากเกิดอุบัติเหตุหรือต้องการความช่วยเหลือ อย่างรวดเร็วทันท่วงที
เข้มมาตรการ 10 ข้อหาหลัก
นอกจากนี้ ได้กำชับให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อมุ่งเน้นการลดอุบัติเหตุทางถนนตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก และพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 กรณีห้ามจำหน่ายสุราในเวลาห้าม ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่กฎหมายกำหนด ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี และบุคคลที่มีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้
อุบัติเหตุจราจรเป่าเมาทุกคดีจัดครบทุกข้อหา
รวมทั้งกรณีเกิดอุบัติเหตุจราจรที่มีคู่กรณี หรือมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้พนักงานสอบสวนตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกราย และดำเนินคดีให้ครบทุกข้อหา ส่วนผู้ขับขี่ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ให้ขยายผลถึงผู้จำหน่าย ผู้ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร
ประชาสัมพันธ์ข่าวสารช่วงเทศกาล
มาตรการประชาสัมพันธ์ ให้โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งโฆษกทุกหน่วย และกองสารนิเทศ ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสาร แจ้งเตือน และขอความร่วมมือประชาชนในการป้องกันอาชญากรรม การประทุษร้ายต่อทรัพย์ หรืออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ร่วมกับภาคีเครือข่ายแจ้งข่าว
รวมทั้งประชาสัมพันธ์เส้นทางในการเดินทางให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย โดยประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เช่น สวพ.91 , จส100 ในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
สายด่วนแจ้งเหตุ191, 1193และ1197
นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางมาตรการดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศการสงกรานต์ทุกมิติอย่างเต็มที่ ร่วมทั้งการดูแลความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้มีการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือ สามารถใช้หมายเลขสายด่วน 191 หรือสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 หรือในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง