”บิ๊กจวบ“ ควงผู้ช่วยอ้อ เรียกชุดทำงานประชุมกำหนดแนวทาง ขับเคลื่อนศูนย์ปราบผู้มีอิทธิพล-มือปืนรับจ้าง พร้อมสั่งทุกพื้นที่เอกซเรย์หากลุ่มเป้าหมาย ลั่นเอาจริง ขุดรากถอนโคน ใครเอี่ยวโดนหมด หากพบเจ้าหน้าที่รัฐหนุนหลังฟันไม่เลี้ยง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ก.พ.68 ที่ ห้องแถลงข่าวชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีศูนย์ปราบผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายรายสำคัญ มี พล.ต. ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูนสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. รวมทั้งคณะทำงานศูนย์ปราบผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และตัวแทนนายตำรวจจากบช.ภ.1-9 บช.น.สตม.บช.ปส.ที่ เข้าร่วมประขุมรับฟังนโยบายอย่างครบครัน
พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี เป็นรอง ผอ. และมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.เป็นเลขา วันนี้จึงถือโอกาสเรียกประชุมคณะทำงานทั้งหมดเพื่อวางกรอบกำหนดแนวทางขับเคลื่อนการทำงานของศูนย์
รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า สำหรับความผิดมูลฐานหลักๆที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล มีอยู่ประมาณ 17 มูลฐานความผิด อาทิ พฤติการณ์ที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล 17 มูลฐานความผิด อาทิ นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ, รับจ้างทวงหนี้, ผู้มีอิทธิพลในการฮั้วประมูล, ลักลอบจับบ่อนพนัน, พนันออนไลน์, call center, มือปืนรับจ้าง, ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด, หลอกลวงนักท่องเที่ยว และขบวนการค้ามนุษย์ เป็นต้น
พฤติการณ์ต่างๆ เหล่านี้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่มีลักษณะเป็นมาเฟียต่างชาติ เรียกค่าไถ่ หรืออาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ
ระยะเวลาที่ผ่านมา ได้คัดกรองเป้าหมาย รวม 943 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปฏิทินมือปืน 2564 จำนวน 240 ราย ผู้มีอิทธิพลที่ส่งมาจากกระทรวงมหาดไทย 130 ราย และกองบังคับการปราบปรามรวบรวม 573 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอิทธิพลเกี่ยวกับการฮั้วประมูล การบุกรุกที่สาธารณะ แก๊งเงินกู้โหด และแก๊งอาชญากรรม จากนั้นนำทั้งหมดมาคัดกรองเป็นเป้าหมายคุณภาพ เหลือเพียง 71 เป้าหมาย
สำหรับแนวทางในการรวบรวมเป้าหมาย ได้กำหนดให้ทุกหน่วยดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก รวบรวมจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่มีประวัติการกระทำความผิด และมีหมายจับอยู่แล้ว และส่วนที่สอง รวบรวมจากผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดต่างๆ ที่ประชาชนในพื้นที่มีความรู้สึกว่า หากอยู่ในพื้นที่แล้ว ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน หรือใช้ชีวิตไม่ปกติสุข แล้วให้รายงานมายังกองบังคับการปราบปราม ซึ่งเป็นเลขาศูนย์ฯ รวบรวม
“ส่วนจะมีพื้นที่เป้าหมายเฝ้าระวังเป็นพิเศษหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนด ยังคงเน้นครอบคลุมทุกพื้นที่ ส่วนแนวทางทำงานหลักๆ จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลตามหมายจับคดีที่เกี่ยวข้องกับ 17 มูลฐานความผิด รวมไปถึงกลุ่มบุคคลที่ไม่มีหมายจับแต่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับความผิดทั้ง 17 มูลฐาน เพราะถึงแม้ตัวเองจะไม่มีหมายจับ แต่อาจมีบริวาลหรือเครือข่ายที่กระทำความผิดจึงจำเป็นต้องส่งทีมงานลงไปตรวจสอบเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วส่งกลับมาวิเคราะห์”
พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวย้ำว่า ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ จะไม่สามารถอยู่ได้เลยถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปหนุนหลังหรือให้การช่วยเหลือ ดังนั้นใครที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้จะต้องจัดการให้หมด เราจะกวาดล้างทั้งขบวนการ รวมถึงขยายผลไปจนถึงขั้นดำเนินคดีฟอกเงินยึดทรัพย์
ประชาชนไม่ต้องเป็นกังวลทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ขอให้เชื่อใจคณะทำงานชุดนี้ล้วนมีแต่มืออาชีพ และจะเป็นแบ็คอัพคอยซัพพอร์ตตำรวจทุกพื้นที่ หากพื้นที่ใดมีตำรวจท้องที่เกรงใจผู้มีอิทธิพล เราจะส่งตำรวจสอบสวนกลาง ลงไปช่วย หลังจากนี้จะให้ทุกหน่วยไปเอ็กซเรย์ทุกพื้นที่แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ จะพิจารณาเป็นรายๆ ว่าพื้นที่ไหนมีใครบ้างที่เข้าข่ายเป็นอันตรายต่อสังคม
เมื่อถามว่า ตอนนี้คณะทำงานได้กำหนดความสำคัญมูลฐานความผิดใดเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.ประจวบ ตอบว่า ทุกมูลฐานความผิดสำคัญหมด แต่ที่พบเจอบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็น ยาเสพติด การพนัน และ ฮั้วประมูล
ทั้งนี้ฝากไปถึงพี่น้องประชาชนหากใครมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้กระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสเข้ามาได้ ไม่ต้องกังวลจะปิดชื่อผู้แจ้งไว้เป็นความลับ ส่วนใครที่รู้ตัวว่ากระทำผิดอยู่ก็ขอให้เลิกซะ เพราะเราเอาจริง
หลังให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผบ.ตร.นำคณะเข้าประชุมวางกรอบการทำงานให้กับตัวแทนบช. ต่างๆ เพื่อรับฟังตามนโยบายขั้นตอนการทำงานต่อไป