“รองธนา – บิ๊กตุ้ย”บินด่วนตรวจชายแดนสังขละบุรีตามความคืบหน้ากรณีกสทช.ขอกำลังตรวจค้นบ้าน4หลังติดชายแดนพม่า ลักลอบตั้งเสาสัญญาณจานส่งคลื่นมือถือข้ามแดนเอื้อแก๊งคอลเซนเตอร์
วันนี้ 20 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส.)พร้อมด้วยพล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 4)พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ กสทช.เข้าตรวจค้นบ้านพัก 4 หลังในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีอยู่ติดกับแนวเขตชายแดนไทย – เมียนมา
มี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พร้อม พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 นายพงษ์ศักดิ์ ทรัพยาคม ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช.ภาค 1 นายสุธิชัย ลัดดางาม ผู้อำนวยการสำนัก กสทช.เขต.13 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจพื้นที่
โดยตรวจสอบการติดตั้งเสาสัญญาณโทรคมนาคมของ กสทช.และเอกชน ในพื้นที่วัดพระเจดีย์สามองค์ อยู่ติดเมืองพยาตองซู ประเทศเมียนมา และบ้านทั้ง 4 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กสทช.เขต 13 ทหารหน่วย ฉก.ลาดหญ้า และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังตรวจสอบก่อนหน้านี้
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นไปตามนโยบายข้อสั่งการ ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังจากที่ผ่านมามีขบวนการหลอกลวงประชาชน แก็งคอลเซ็นเตอร์ แอบใช้เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่ตามแนวเขตชายแดนประเทศเพื่อนบ้านในการกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงการฉ้อโกง การพนันออนไลน์ การลักลอบขนสินค้าหนีภาษี การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การก่อการร้ายและอาชญา กรรมข้ามชาติ ส่งผลกระทบให้ได้รับความเดือนร้อนจากการกระทำเหล่านี้ ส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ และมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สังขละบุรี รายงานว่า นายสุธิชัย ลัดดางาม ผอ.สำนัก กสทช.เขต 13 เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ในฐานะผู้เสียหาย ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมสนธิกำลังลงพื้นที่ ตรวจสอบเสาส่งสัญญาณตามแนวชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ที่ 9 ตำบลหนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบและตรวจค้นพื้นที่ เป้าหมายตามหมายค้น 4 จุด ใน หมู่ที่9ต.หนองลู
1 ตรวจค้นบ้านเลขที่ 113 ซอยพาณิชย์ 7 ติดตั้งจานรับส่งสัญญาณ แบบเชื่อมต่อโครงข่ายไร้สายระยะไกล พร้อมลากสายนำสัญญาณ ติดตั้งอยู่บนชั้น 3 หันไปทางโกดังของเจ้าของบ้าน เจ้าหน้าที่ กสทช.ตรวจสอบแล้วไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน จากสำนักงาน กสทช.
2 ตรวจค้นบ้านเลขที่ 81 ซอยเกษตร 4 ติดตั้งเครื่องวิทยุคมนาคมแบบเชื่อมโครงข่ายไร้สายระยะไกล พร้อมลากสายนำสัญญาณติดตั้งบนเสาเหล็ก สูงประมาณ 5 เมตร หันหน้าจานรับส่งสัญญาณ ไปยังทิศทางประเทศเมียนมา
จุดที่ 3 ตรวจค้นบ้านเลขที่ 306 ซอยพาณิชย์ 7 ตั้งสถานีวิทยุคมนาคม เพื่อรับ – ส่งสัญญาณคลื่นความถี่ มีการติดตั้งเครื่องวิทยุคมนาคมแบบเชื่อมโครงข่ายไร้สายระยะไกล พร้อมลากสายนำสัญญาณติดตั้งบนเสาเหล็ก สูง 5 เมตร หันหน้าจานรับส่งสัญญาณ ไปยังประเทศเมียนมา
4.ตรวจค้นบ้านเลขที่ 10 /1 ซอยพาณิชย์ 2 มีการติดตั้งเครื่องวิทยุคมนาคมแบบเชื่อมโครงข่ายไร้สายระยะไกล พร้อมลากสายนำสัญญาณติดตั้งบนเสาเหล็ก สูงประมาณ 6 เมตร ตรวจสอบแล้วไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงาน กสทช.
จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายชวลิต เจ้าของบ้านเลขที่ 81 และ นายจออู ไม่มีชื่อสกุล เจ้าของบ้านเลขที่ 306 ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ น.ส.ขวัญเรือน เจ้าของบ้านเลขที่ 113 ซอยพาณิชย์ 7 และ นายชัยพัชร์ หรือ นายแสวงศักดิ์ เจ้าของบ้านเลขที่ 10 /1 ซอยพาณิชย์ 2 ยังไม่พบตัว
เจ้าหน้าที่ กสทช. ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ต้องหาทั้งสี่คนว่า กระทำผิดในข้อกล่าวหาว่า “ มีใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม” จากนั้นตรวจยึดของกลางพร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่ง สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดี
