สืบนครบาล ร่วมสืบTop G รวบคู่รัก ผลิตคอนเทนต์ร่วมรักเพื่อการค้ามีผู้ติดตามกว่า 4 แสนคน
วันที่ 24 ม.ค. 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.,
สั่งการให้ ชุดปฎิบัติการที่ 3 ประกอบด้วย พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส. บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ และนักเรียนสืบสวนอาญาขั้นพิเศษ TOP Gจับกุมน.ส.วิชาดา อายุ 22 ปี และนายสุรศักดิ์ อายุ 27 ปีพร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ถ่ายทำสื่อลามกฯ จับกุมได้ที่ห้องนอนชั้นสามภายในบ้าน ซอยรามคำแหง 54 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส3 บก.สส.บช.นพบประกาศขายสื่อลามกอนาจารผ่านแพลตฟอร์ม X มีผู้ติดตามกว่า 400,000 บัญชี ต่อมา สายลับติดต่อผู้ใช้บัญชีดังกล่าว เพื่อสอบถามหากสนใจต้องทำอย่างไร และให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร จากนั้น สายลับได้โอนเงิน 699 บาท และบัญชีผู้ใช้ “X” ได้อนุมัติให้เข้าติดตาม บัญชี “X” ซึ่งเป็นบัญชีส่วนตัว และพบว่าเจ้าของบัญชี “X” ร่วมกับผู้อื่นในการผลิตและถ่ายทำวิดีโอลามกอนาจาร ซึ่งมีภาพสื่อลามกอนาจารจำนวนมาก
ต่อมา ศาลอาญาได้อนุมัติหมายค้นที่ 708/2567 ลงวันที่ 23 ก.ค.2567 ให้ตรวจค้นบ้านที่พักอาศัยของเจ้าของบัญชี “X” เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นภายในห้องนอนชั้นสามของบ้าน โดย น.ส.วิชาดาฯ และ นายสุรศักดิ์ฯ ยินยอมสมัครใจนำเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น
ผลการตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือและเสื้อผ้าที่ใช้ถ่ายทำวิดีโอลามกอนาจารเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี โดยทั้ง น.ส.วิชาดาฯ และ นายสุรศักดิ์ฯ รับว่าเป็นบุคคลทั้งสองในคลิปวิดีโอที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบในโทรศัพท์มือถือและในบัญชี X ดังกล่าวจริง โดย น.ส.วิชาดาฯ และ นายสุรศักดิ์ฯ รับว่าได้ร่วมกันผลิตและถ่ายทำวิดีโอลามกอนาจารที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ
สอบสวนทั้งคู่รับสารภาพ น.ส.วิชาดาเดิมมีอาชีพรับจ้างถ่ายแบบและเป็นอินฟลูฯ ในแพลตฟอร์ม TikTok และมีผู้ติดตามอยู่จำนวนหนึ่งอยู่แล้ว จนเมื่อประมาณปี 2565 ได้มีผู้ติดตามของตนเชียร์ว่าให้เปิดแอคล็อค (หรือ Sex Contents) ผ่านแพลตฟอร์ม Twitter หรือ X นางสาววิชาดาฯ จึงผันตัวมาเป็น Sex Creatorมีผู้ติดตามกว่า 400,000 บัญชี
ช่วงแรก นางสาววิชาดาฯ ได้นำเข้าฯ ในลักษณะสำเร็จความใคร่เพียงคนเดียว ต่อมาไม่นานได้คบหากับ นายสุรศักดิ์ฯ โดย นายสุรศักดิ์ฯ รับได้ว่า นางสาววิชาดาฯ เป็น Sex Creator และเริ่มที่จะทำ Content ด้วยกัน ผู้ต้องหาทั้งสองคนจึงได้ลองอัดคลิปวิดิโอขณะมีเพศสัมพันธ์ของตนเองลงในแอคเค้าท์ของนางสาววิชาดาฯ บนแพลตฟอร์ม Twitter หรือ X โดยใช้วิธีเก็บค่าสมาชิก มีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท บางเดือนอาจจะ 70,000 บาท
ชั้นจับกุม ทั้งสองยังให้ข้อคิดหรือคำเตือนมายังผู้ที่คิดจะทำผิดว่า เรื่องที่ทั้งสองทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่ควรทำตาม และไม่อยากให้คนอื่นทำผิดเหมือนตน โดยทั้งสองยังบอกอีกว่าปัจจุบัน พบว่ามีสื่อลามกเกี่ยวกับเด็กอายุไม่ถึง 20 ปีเพิ่มขึ้นมาก และมีเด็กอายุ 14-16 มาขอร่วมงานกับทั้งสอง แต่ก็ต้องปฏิเสธไปเนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
อีกทั้งยังมีการว่าจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดหรือพนันออนไลน์ ซึ่งทั้งสองก็ปฏิเสธไปเนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน สุดท้ายทั้งสองรับว่าหากจบเรื่องนี้จะขอไปทำงานที่ถูกต้อง และยังฝากอีกว่าไม่นึกว่าจะถูกสืบนครบาลจับ เพราะทั้งสองก็เป็นแฟนคลับสืบนครบาลเช่นกัน นำตัวส่งสน.หัวหมาก
แจ้งข้อหา “ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้,เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก,ผลิต มีไว้ซึ่งสื่อลามกเพื่อการค้าเพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน,ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น”
พล.ต.ต.ธีรเดช มีความห่วงใย เด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิง ในเรื่องในเรื่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งผู้ปกครองและทุกฝ่ายต้องช่วยกันระมัดระวัง หมั่นตรวจสอบการใช้สื่อออนไลน์ของบุตรหลานของท่าน ว่ามีความผิดปกติน่าสงสัยหรือไม่ ส่วนเรื่อง sex creator แม้พฤติการณ์ดังกล่าวในหลายประเทศอาจถือว่าไม่เป็นความผิด แต่สำหรับประเทศไทย กฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดอย่างชัดเจน จึงขอให้เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายด้วย
กรณีผู้ที่ปรากฏในสื่อลามกเป็นผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป) เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287(1) และข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ