พิทักษ์ 1 สั่งเด็ดปีก“หนูวัดไผ่เงิน”หัวจ่ายยานรกหนีคดี 10 ปี จนมุมยุทธวิธีหนูท่อ
พิทักษ์ 1 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เปิด ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด สั่งให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. สืบนครบาลนำทีมบุกชุมชนวัดไผ่เงิน รวบ หนูวัดไผ่เงิน ระดับหัวจ่ายน้องชายผู้นำชุมชน หลังหลบหนีหมายจับมากว่า 10 ปี ด้วยยุทธวิธี “หนูท่อ” ทำเอาเจ้าหน้าที่คว้าน้ำเหลวไปกว่าหลายครั้ง จนต้องงัดยุทธวิธีย่องเงียบ เช้าตรู่ปีนป่ายล้อมคนร้ายทุกทิศทาง จนถึงกับมีผู้กองนักสืบสาวตกหน้าต่างกระดูกแตก
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท. ผบช.น. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก. สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รอง ผกก. สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. ,
พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2 , ส.ต.ต.เมธิชัย คำดี ผบ.หมู่ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนขยายผล
จับกุมนายกันต์ หรือ หนูวัดไผ่เงิน อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.299/2557 ลงวันที่ 19 พ.ค. 57
ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”จับกุมตัวได้ที่ บ้านใชุมนชนวัดไผ่เงินซ.จันทน์ 43 แยก 22-3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม จ.กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ “10 ปีแห่งการหลบหนี” ของหนูวัดไผ่เงิน ระดับหัวจ่ายยาเสพติดในชุมชน ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปี ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาตรวจค้นในบ้านของหนูไผ่เงินแต่เจ้าตัวไหวตัวทัน ปีนหน้าต่างมุดหนีออกไปได้อย่างฉิวเฉียด แต่ได้ทิ้งของกลางยาเสพติดจำนวนมากและบัตรประจำตัวประชาชนไว้ในห้องพัก
ต่อมาก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในเวลาต่อมา แต่ทว่าหนูได้หายเข้ากลีบเมฆไปเป็นเวลากว่า 9 ปี
กระทั่งล่าสุดช่วงปี 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสว่า หนูได้กลับมากบดาลอยู่ในชุมชนวัดไผ่เงิน จึงได้นำกำลังเข้าไปไล่ล่าจับกุมกว่าหลายครั้ง แต่ก็คลาดกันอย่างฉิวเฉียดอยู่ตลอดเหมือน “แมวไล่จับหนู” เพราะคนร้ายมีดีกรีเป็นถึงน้องชายผู้นำชุมชนในชุมชนมีพวกคอยสอดส่องดูเจ้าหน้าที่ให้หนูวัดไผ่เงินอยู่ตลอด
ทันทีที่เจ้าหน้าที่เริ่มเข้าชุมชนคนร้ายก็จะไหวตัวและปีนออกทางหน้าต่าง แล้วใช้ความชำนาญในพื้นที่ลัดเลาะไปหลบในบ้านของพรรคพวกในชุมชน
กระทั่งวันนี้ (29 พ.ย. 67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการระดมกวาดล้างยาเสพติดครั้งใหญ่ทั่วประเทศ โดยรุ่งสางเวลาประมาณ 06.30 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. ให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังชุดสืบนครบาลวางแผนเด็ดปีกเอเย่นตัวแสบรายนี้ให้ได้
โดยนำกำลังกว่า 20 นาย นำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ ค.227/2567 ลงวันที่ 28 พ.ย. 67 บุกเข้าไปปิดล้อมในชุมชนวัดไผ่เงิน โดยคราวนี้ชุดปฏิบัติการใช้ยุทธวิธีแบบ “ย่องเงียบ” ปีกป่ายมาจากทุกทิศทาง
แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ระหว่างที่ ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. กำลังปีนหน้าต่างตามสารวัตรแจ๊ะ เพื่อดักหลังทางหนีคนร้ายเกิดสะดุดตกหน้าต่างจนทำให้กระดูกข้อเท้าซ้ายแตก แต่ภารกิจไม่อาจล้มเลิก บุกต่อจนสามารถจับกุมคนร้ายได้คาเตียงนอน
ในชั้นจับกุม นายกันต์ หรือ หนูวัดไผ่เงินรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านของตน ซึ่งมียาเสพติดอยู่ในบ้านจำนวนมาก ตนจึงมุดกระโดดออกทางด้านหลังและหลบหนีไป โดยในห้องพักนั้นตนได้ทิ้งบัตรประชาชนเอาไว้ทำให้ตำรวจออกหมายจับตน โดยที่เลือกที่จะหนีสุดชีวิตเพราะยาเสพติดในห้องของตนนั้นมีจำนวนมาก
10 ปี แห่งการหนีนั้นลำบากเสียยิ่งกว่าติดคุก โดยช่วงแรกของการหลบหนี ตนได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี โดยไปพึ่งใบบุญคนรู้จัก ซึ่งเป็นเจ้าของสวนไปอยู่เหมือนเป็นลูกจ้างรายวันทำสวนทำไร่ แต่เมื่อทำไปได้ 2-3 ปี เริ่มรู้สึกทรมานเพราะตนเองได้ถูกต่อว่าตลอดว่าเป็นคนขี้เกียจ จึงตัดสินใจที่จะกลับมาอยู่ที่ กทม. แต่ทางบ้านก็แจ้งให้ยังไม่ต้องมาเพราะยังมีตำรวจตามจับอยู่ จึงกล้ำกลืนฝืนทนมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งปี 9 ของการหลบหนี ทนไม่ไหวจึงกระทั่งได้นำ น้ำเฮลบลูบอย , ยาพารา และสารอื่นๆผสมกับน้ำยาไปฉีดพืชพรรณในไร่จนพืชตายทั้ง 100 ไร่ จนเจ้าของไร่ถึงกับเจ๊ง แล้วตนก็หนีกลับมาที่กรุงเทพ
ในระยะเวลา 1 ปี ก่อนจับกุมก็หลบๆซ่อนๆอยู่ในชุมชนวัดไผ่เงิน และคอยให้พรรคพวกและญาติๆคอยสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจเวลาเข้ามาในชุมชน หากมีเจ้าหน้าที่มาก็จะมีคนแจ้งแล้วตนเองก็จะมุดหลบหนีซอกแซกเข้าไปในชุมชน ทำให้ตำรวจไม่สามารถจับได้ แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้
ยอมรับว่าชีวิตที่ผ่านมาลำบากอยู่ในคุกยังสบายกว่า ยังเสียดายว่าถ้ายอมมอบตัวตั้งแต่แรกป่านนี้คงพ้นโทษและได้ออกมาใช้ชีวิตไปนานแล้ว ตอนนี้หนีมาแล้ว 10 ปี ต้องหนีอีก 10 ปี จึงจะหมดอายุความ กลับตัวก็ไม่ได้ จะไปต่อก็ไปไม่ถึง”หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “คนร้ายรายนี้เป็นคนร้ายรายสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสืบสวนติดตามมานานแล้ว แต่ไม่สามารถจับกุมได้โดยง่ายเพราะมีคนในชุมชนคอยให้ความช่วยเหลือคนร้ายอยู่ตลอด สร้างความยากลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ ซ้ำยังมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดไม่เลิกรา ต้องใช้มาตการขั้นเด็ดขาด
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐพันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นอันดับแรก และหากท่านใดมีเบาะแสสามารถส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาได้ที่ เพจ สืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.”