สายวันที่7ม.ค.65 เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ในตลาดเกษตร ถนนอ๋องซิมผ่าย ตำบลตลาดใหญ่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
เสียงหวีดร้องและฝูงคนแตกตื่นออกมาจากบริเวณแผงขายกุ้งและอาหารทะเล จุดที่มีเสียงปืนดังตามด้วยเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงร้องโอดโอยของคนเจ็บ
ท่ามกลางความวุ่นวาย ชายวัย50ปี ที่คนในตลาดรู้จักกันในชื่อ บังณี หรือนายมณีนพ หมีทอง เดินถือปืนเลี่ยงออกไปขี่จยย.หลบหนีออกจากตลาดทิ้งความโกลาหลอยู่เบื้องหลัง
มีร่างพ่อค้าแม่ค้าอาหารทะเลนอนจมกองเลือดอยู่5คน กลิ่นคาวเลือดคาวของทะเลคละคลุ้ง
ไม่นานตำรวจเมืองภูเก็ต นำโดย พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ สิริคง ผบก.ก.จว.ภูเก็ต , พ.ต.ท.ศราวุธ โชติสุวรรณ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.หญิง นุชรี ล่องแก้ว รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.นฤบดินทร์ ปังหลีเส็นรอง ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ต.ทัพไทย ลีลานนท์ สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต
ร่วมกันไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต พร้อมรายงานไปยังพล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8ให้รับทราบ
พบผู้ถูกยิงบาดเจ็บทั้ง5คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิระกูเก็ต และโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต ทราบชื่อต่อมาคือ
1 นายศรายุธ ถิ่นสถาน อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/113 หมู่ที่ 7 ตำบลรัษฎาอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต (เสียชีวิตที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต)
2 นางต้อย ลิมปนานุรักษ์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/110 หมู่ที่ 1 ตำบลวิชิตอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต (เสียชีวิตที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต)
3 นางอาพร ถิ่นสถาน อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/2 ถนนระนอง ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต (ได้รับบาดเจ็บสาหัส)
4 นายพรชัย ลิมปนานุรักษ์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/2 ถนนระนอง ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต (ได้รับบาดเจ็บ)
5 นายเกรียงไกร ลิมปนานุรักษ์ อายุ 56 ปีอยู่บ้านเลขที่ 121/2 ถนนระนอง ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต(ได้รับบาดเจ็บ)
ส่วนคนร้าย จากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุทราบว่าคือ นายมณีนพ หมีทอง หรือบังณี
ก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับกลุ่มผู้ตายและผู้บาดเจ็บ เรื่องที่บังณีและเมียขายอาหารทะเลถูก ขายตัดราคาแย่งลูกค้ามานาน
ก่อนเกิดเหตุ บังณี เห็นกลุ่มคนตายคนเจ็บเข้ามาต่อว่าภรรยาบังณี อารมณ์โกรธแค้นพลุ่งพล่านถึงขีดสุด บังณี กลับไปที่บ้าน นำปืนลูกโม่.38 กลับมารัวยิงกลุ่มผู้ตาย และคนเจ็บจนล้มกลิ้งระเนนระนาด แล้วเดินอย่างใจเย็นขึ้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ กอ1361 ภูเก็ต ขับหลบหนี
ขณะเดียวกัน บิ๊กชัด–พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8ได้รับรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ สั่งการให้ รองไก่ –พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม รองผบก.ภ.จ.ระนอง ช่วยราชการ บก.สส.ภ.8และเดอะเทล–พ.ต.อ.จิตปะพัทธ์ เอกโพธิ์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.8นำหน่วยปฏิบัติการพิเศษไปสกัดจับกุม บังณี มือปืนเหี้ยม ที่ท่าฉัตรไชย ทันที
แต่บังณี ไหวตัวทัน เปลี่ยนเส้นทางหลบหนีไปทางทะเล โดยขับรถไปจอดที่ท่าเรือแหลมหิน
บิ๊กชัดสั่งการให้ รองไก่และผกก.เทล นำหน่วยสวาท ตีรถกลับมาที่ท่าเรือแหลมหินต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พบรถฟอร์จูนเนอร์ ของบังณีจอดอยู่
จากการตรวจสอบวงจรปิดพบว่าบังณี ที่มีอาชีพค้าขายอาหารทะเลข้ามสะพานเพื่อลงเรือรับจ้างหลบหนีไปทางเกาะมะพร้าว
เดอะชัด สั่งการให้ชุดสวาทนำกำลังขึ้นเรือตามไปที่เกาะมะพร้าว นำกำลังปูพรมค้นหาตามบ้านบนเกาะที่มีอยู่ประมาณ100หลังคาเรือน รวมทั้งกระชังบริเวณเกาะมะพร้าว
จากการซักถามผู้นำชุมชนและพยานในพื้นที่ พบว่าบังณี นั่งเรือโดยสารมาลงที่กระชังบังหมุด และว่าจ้างเรือหางยาวเป็นเงิน 10,000 บาท ไปลงที่กระบี่ พร้อมขโมยเสื้อแขนยาวสีแดงที่กระชังบังหมุด เพื่ออำพรางในการหลบหนี
เมื่อหนีไปได้ฉิวเฉียดอีกครั้ง
บิ๊กชัดไม่ลดละ สั่งรองไก่ อดีตผกก.สืบจังหวัดกระบี่ วางกำลังไว้ตามชายฝั่งกระบี่ ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นทางขึ้น พร้อมวางสายข่าวหาตัวคนร้ายใส่เสื้อแขนยาวสีแดง จนพบว่าได้ขึ้นฝั่งที่บ้านทับแขก อ.เมือง จ.กระบี่
กระทั่งได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณ บขส.กระบี่ พบบุคคลต้องสงสัยลักษณะคล้ายบังณี นั่งรถรับจ้างมาซื้อตั๋วรถตู้ เชื่อว่าเดินทางไปหาญาติที่ เป็นตำรวจที่จ.สงขลา
บิ๊กชัดดูภาพแล้ว บอกไม่คล้าย แต่ใช่เลย
ก่อนที่จะประสาน พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 เพื่อนร่วมรุ่น นรต38 ขอชุดสืบสวนร่วมกดดัน ส่ง พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงษ์ รองผบก.สส.ภ.9นรต.45 ศิษย์เก่ากองปราบฯ และพ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.ภ.จ.สงขลา
เข้าประสานกับ รองไก่ –พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม เพื่อนนรต.45 ที่นำกำลังติดตามไปที่จ.สงขลา จนรู้ แหล่งกบดานและกดดันจนได้ตัวคนร้าย
เป็นอันจบภารกิจในเวลาไม่ถึง24ชม.หลังเกิดเหตุ
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ” ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุอันควรหรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร
