“ติดดาวที่บ่ากลับมาให้ชม ดูน่านิยมทุกสังคมกล่าวชมหอมกรุ่น อนาคตสดใสเป็นชายสมบูรณ์ ทั้งเชิดชูแห่งวงศ์ตระกูล กับคนรักคุณเป็นขวัญดาว…”
เพลง ขวัญดาว ที่เราได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงลอดซุ้มกระบี่ในพิธีฉลองมงคลสมรสของหนุ่มน้อยนายร้อยตำรวจ ทำให้นึกถึงความรักของสาวๆ ที่รอวันเป็นขวัญดาวของสุภาพบุรุษสามพราน
คอลัมน์แม่บ้านตำรวจวันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ เรื่องราวความรักที่อยู่เคียงข้างกันมาในทุกช่วงเวลา ของชีวิต ตั้งแต่ครั้งยังศึกษาเล่าเรียน
จวบจนถึงวันนี้ที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันของคุณพิมพ์ลดา ฐานิสภัทราพงศ์ (คุณนายหนึ่ง) ภรรยาพ.ต.อ.ณัฏฐ์เดชา ฐานิสภัทราพงศ์ ผกก.สภ.ไทรน้อย
ต้องบอกว่าคุณหนึ่งนั้นเธอมีสายเลือดตำรวจอย่างแท้จริง เธอเติบโตมาท่ามกลางแวดวงสีกากี
เพราะนอกจากจะมีคุณพ่อและคุณลุงเป็นตำรวจแล้วเธอยังเป็นลูกสาวของ ร.ต.ท.หญิง พันธุ์อรเล็กทับ รองสว.(อก) สน.พลับพลาไชย 2 หรือพี่อ้อย ที่นักข่าว บช.น. วัยเก๋าต่างรู้จักกันดี
เนื่องจากพี่อ้อยเคยช่วยราชการ ที่สำนักงานของ พล.ต.ท. โสภณ วาราชนนท์ ผบ.ช.น. ในขณะนั้น
อาจเป็นโชคชะตาหรือฟ้าลิขิต
คุณหนึ่งเล่าว่าระหว่างที่เรียนอยู่คณะมนุษยศาสตร์ เอก ภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นั้นเธอทำงาน Part Time ด้านวิจัยการตลาดไปด้วย วันๆ ก็ชอบอ่านหนังสือและเก็บข้อมูล
มีอยู่วันหนึ่งเกิดอยากไปวิ่งกับคุณแม่อ้อยที่สวนรมณีนาถ แม่ได้นัดไปวิ่งกับเพื่อนตำรวจหญิงที่อยู่สน. พลับพลาไชย 2 คือ ป้าจิ๋มหรือ ร.ต.ท.หญิง สุมนฑา สมบูรณ์
วันนั้นป้าจิ๋มไม่ได้มาวิ่งคนเดียว กลับมีหนุ่มน้อยนายร้อยตำรวจรุ่น 56 ที่มาฝึกงานโรงพักเดียวกันติดตามมาด้วย ทำให้คุณหนึ่งและ ผกก.เอ ได้พบกันครั้งแรก
ประกอบกับเธอกำลังหากลุ่มเป้าหมายวิจัยงานผู้ที่ใช้รถยนต์ยี่ห้อ Toyota จึงสอบถามนายร้อยฝึกงานไปว่าคนรอบตัวของฝ่ายชายมีใครที่ใช้รถยนต์ยี่ห้อนี้บ้าง
พี่เอก็ตอบว่าเขาใช้รถยนต์รุ่นนี้ ได้มีแลกเบอร์โทรและเพจเจอร์กันไว้เพื่อใช้ติดต่องาน
หลังจากนั้นก็ได้ติดต่อพูดคุยกันเรื่อยมา จนรู้สึกว่าฝ่ายชายเริ่มจะมาขายขนมจีบ เพราะเขาส่งบทกลอนผ่านเพจเจอร์มาให้อยู่บ่อยครั้ง และยังไปแอบถามเพื่อนแม่ว่าเรามีแฟนแล้วหรือยัง
คุณหนึ่งเล่าต่อด้วยรอยยิ้มว่า
ยังจำได้ว่าช่วงที่สัมภาษณ์งานวิจัยนั้นพอเริ่มให้ตอบแบบสอบถามผู้ชายคนนี้ ก็จะบอกแต่ว่า เลือกข้อ 1 ตลอด ทั้งๆที่มีคำตอบ ให้เลือกอยู่หลายข้อ
รักแท้แม่ต้องปลื้ม
เธอเล่าว่าเธอกับคุณแม่จะสนิทสนมกันมาก มีอะไรจะปรึกษากันตลอด หลังจากจีบกันไม่นาน นายร้อยฝึกงานต้องกลับเข้ารั้วสามพรานไปสานฝันเรียนต่อให้จบ
ตอนนั้นแม่ก็บอกว่าให้ศึกษาดูใจกันไปก่อน และให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะแต่ละคนก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ระหว่างนั้นจึงมีโอกาสเจอกันเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะนัดไปแถวสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ฝ่ายชายขอคบเป็นแฟน
เมื่อเห็นความจริงใจที่มีต่อลูกสาว คุณแม่ก็อนุญาต ส่วนลุง ป้า น้า อา ที่โรงพักก็สนับสนุนบอกว่าพี่เอเป็นคนดี มีอาชีพมั่นคง
อีกอย่างเราอยู่ในแวดวงตำรวจอยู่แล้วคุ้นเคยกับวิถีชีวิตของตำรวจเป็นอย่างดี คงไม่มีอะไรที่ต้องปรับตัวมากนัก
7 ปีไม่มีอาถรรพ์
หลังจากนั้นเราก็คบกันมาเป็นเวลา 7 ปี ได้ตัดสินใจแต่งงานกัน
ถ้าถามว่ากลัวของเจ้าชู้ของผู้ชายอาชีพนี้ไหม คุณหนึ่งบอกว่า
ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่นะคะ เพราะคิดว่าความเจ้าชู้ขึ้นอยู่กับนิสัยไม่ได้อยู่ที่อาชีพ เพราะว่าเราโตมาในแวดวงตำรวจเห็นทั้งตำรวจที่ดีมีรักเดียวและตำรวจที่เจ้าชู้ค่ะ
แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงคือ เรื่องเวลามากกว่าค่ะ เพราะเราก็เห็นว่าอาชีพนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว
จากลูกตำรวจ….สู่ภรรยาตำรวจ
คุณหนึ่งบอกว่า พอได้มาใช้ชีวิตในฐานะภรรยาตำรวจ ก็ทำให้ยิ่งรู้ว่าภาระหน้าที่ของคนที่อยู่ในอาชีพนี้หนักจริง ๆ ค่ะ เรื่องงานต้องมาก่อนเสมอ
ขนาดไปเที่ยวต่างจังหวัด ขับรถไปจนใกล้ถึงที่พักแล้ว แต่มีภารกิจด่วน สามียังต้องรีบขับรถกลับมาเลยค่ะ เราเป็นหลังบ้านก็ต้องเข้าใจและทำใจให้ได้ด้วยค่ะ เพราะชีวิตตำรวจ ไม่เหมือนครอบครัวทั่วไป
หัวหน้าครอบครัวต้องนอนดึกตื่นเช้า ยิ่งเทศกาลวันหยุด ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะแทบไม่ได้พัก นอกจากเรื่องเวลาแล้วยังมีเรื่องระยะทางที่ต้องห่างกันอีกด้วยนะคะ
ตอนที่แต่งงานกันพี่เอ ยังเป็นรองสารวัตรอยู่ที่ สน.บางรัก หลังจากนั้นสามีก็ต้องโยกย้ายไปรับตำแหน่งที่ต่างจังหวัดอีกหลายแห่ง
อีกอย่างสามีอยากให้เราเลี้ยงดูลูกเอง เพราะพ่อต้องเป็นเสาหลักออกไปทำงานนอกบ้านคนนึงแล้วจึงอยากให้เธอมาดูแลอยู่ใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
คือเราทั้งสองคนจะโฟกัสที่ลูกเป็นหลักค่ะ คุณหนึ่งจึงตัดสินใจลาออกจากงาน ตอนนั้นทำด้าน Japanese Guest Relation โรงแรมใบหยกสกาย เพื่อมาทำหน้าที่แม่บ้านอย่างเต็มตัว
คุณหนึ่งเล่าต่อว่า ยังโชคดีที่ช่วงท้องแก่ใกล้คลอดสามีได้ย้ายมาอยู่ที่ บช.ภ.1 ทำให้ได้มีโอกาสมาดูแลและยังได้ไปอบรมพ่อแม่มือใหม่ด้วยกัน
พอมีลูกสาวคือ “น้องฟ้าใส” ด.ญ.ณัฏฐ์รดา ฐานิสภัทราพงศ์ ปัจจุบันอายุ 12 ปี เรียนชั้นม.1 ห้องวิทยาศาสตร์ รร.เซนโยเซฟคอนเวนต์ เราทั้งสองคนก็ทุ่มเทความรักและเอาใจใส่เพื่อให้น้องฟ้าใสเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ
คือนอกจากเธอจะเลี้ยงลูก ให้สมบูรณ์ทางร่างกายแล้วทางด้านจิตใจเธอยังอบรมบ่มนิสัย ให้ลูกตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีมีเหตุผล ซึ่งคุณหนึ่งก็ได้แบบอย่างที่ดีมาจากแม่ของเธอนั่นเอง
ความภูมิใจที่ได้เป็นครอบครัวตำรวจ
คุณหนึ่งบอกว่า เธอเคารพและศรัทธาต่ออาชีพตำรวจมากๆ เพราะเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ไม่เพียงแต่ตัวเธอเท่านั้น ลูกสาวยังชอบให้พาไปหาพ่อที่โรงพักบ่อย ๆ ด้วย เขาจะบอกกับคุณพ่อเสมอว่า
“หนูไม่อยากให้ป๊า ทำอาชีพอื่น เพราะอาชีพตำรวจของป๊าทำให้หนูภูมิใจ”
แถมบางเวลาที่ผู้เป็นพ่อเหนื่อยล้าจากการทำงาน ลูกสาวก็ยังทำหนังสั้นแบบเด็ก ๆ มาช่วยฮีลใจให้คุณพ่อหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
คุณหนึ่งยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า
สิ่งสำคัญที่ทำให้ครอบครัวของเราไม่สั่นคลอน ก็คือความเชื่อใจ ให้เกียรติและให้กำลังใจกันเสมอ เราต้องเป็นหลังบ้านที่ดีมีความเข้มแข็ง เป็นกำแพงให้สามีพักพิงได้อย่างสุขกายสบายใจค่ะ
และทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นแนวคิดดี ๆ จากสตรีหมายเลข 1 ของ“เดอะเอ ผู้กำกับสภ.ไทรน้อย” ค่ะ
เด็ดดาว รายงาน 17/8/68