“สารวัตรหนุ่ย เชิญชิม” คือนามปากกา พล.ต.อ.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล อดีตที่ปรึกษา (สบ10) เทียบเท่ารองผบ.ตร. เขียนแนะนำร้านอาหารอร่อย ในพอคเกตบุ๊ค”100ร้านอร่อยเยาวราช”ก่อนเกษียณอายุเมื่อปี 2554
ไม่ได้แนะนำร้านอาหารอร่อยเพียงอย่างเดียว ยังสอดแทรกความรู้ทางโภชนาการและวัตถุดิบในการปรุงแต่งอย่างกูรูอีกด้วย
การันตีด้วยประสบการณ์สารวัตรจราจร สน.พลับพลาไชย2ถึง4ปี นอกจากจะชำนาญพื้นที่อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
ยังมีลายแทงเส้นทางร้านอาหารดังๆอร่อยๆหลากประเภทนับร้อยร้าน ทุกซอกซอยในเยาวราช จนเป็นที่มาของ”สารวัตรหนุ่ยเชิญชิม”อย่างที่จั่วหัวไว้
ยิ่งเติบโตในขีวิตราชการ ยิ่งต้องเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงเป็นผบช.สตม. นั่นหมายความว่า ได้มีโอกาสลิ้มชิมรสอาหารอร่อยตามสถานที่ต่างๆไปด้วยในตัว
ชีวิตราชการของนายพลผ่านวัยเกษียณ เจ้าตัวเล่าคร่าวๆหลังถอดเครื่องแบบสีกากีที่ใส่มานาน 38 ปี จากครอบครัวที่พ่อเป็นทหารชั้นประทวน แม่เย็บผ้า จบเตรียมทหารรุ่น 10 นรต.26 พ้นรั้วสามพรานลงบรรจุ ตชด.หมดทั้งรุ่นเมื่อปี 2516
เริ่มจากไปอยู่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กลับมานครบาล ทุ่งมหาเมฆ รองสว.สืบสวนใต้ สว.แผน 191 สว.จราจร พลับพลาไชย 2 รอง ผกก.กำลังพล ผกก.ที่กองบัญชาการศึกษา รองผู้การโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผบก.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผู้ช่วยผบช.ก. ผู้ช่วย-รองผบช.ส. ผบช.สตม. ผู้ช่วย ผบ.ตร.แล้วก็ที่ปรึกษา ก่อนเกษียณในตำแหน่งนี้เมื่อ ปี 2554
ชีวิตมาถึงวันนี้ เพราะวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า อดีตบิ๊กตำรวจในวัย 67 ปี ร่างกายยังดูเฟิร์มเกริ่นเรียกน้ำย่อยหลังนัดนั่งคุยกันที่สปอร์ตคลับหรู บนถนนอังรีดูนังต์
ไม่ยุ่งการเมือง-ธุรกิจราชการ
ถึงวันนี้เกษียณฯมา7 ปีแล้ว คือ 7 ปีมานี่ ต้องบอกอย่างนี้ ถ้าเราเป็นพุทธศาสนิกชน ก็ต้องเชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อเรื่องลิขิต ทุกชีวิตเขาลิขิตมาหมดแล้ว ไม่งั้นหมอดูที่เก่งๆ จะทายแม่นเหรอ สิ่งที่เราทำ 1.ทำดีไว้ 2.ละเว้นความชั่ว 3.ทำจิตใจให้ผ่องใส คิดอยู่ 3 อย่าง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่ขอให้ทำความดีเอาไว้ อย่าคิดมาก
เพราะฉะนั้นถ้าเตรียมพร้อมมาก่อนเกษียณ ชีวิตจะอีกอย่าง คนที่ไม่เตรียมพร้อม ชีวิตก็จะอีกอย่าง อย่างเราเตรียมไว้เลย เกษียณแล้วจะไม่ยุ่งการเมืองหรือธุรกิจที่เป็นของราชการ
มีทาบลงการเมือง แต่ไม่อยากเป็นพระอันดับ
การเมือง ศาสนา อย่าไปคุย ทะเลาะกันเปล่าๆ เพราะความเชื่อไม่เหมือนกัน เถียงกันไป ทะเลาะกันตาย โกรธกันเปล่าๆ อย่างในไลน์ พอมีพรรคการเมืองมา 2 พรรค ก็ทะเลาะกันแล้ว ไลน์ล่ม ด่ากันไปด่ากันมา ก็มีทะเลาะกัน มีพวกที่ชอบ กับพวกที่ไม่ชอบ อย่าง เราก็เฉยๆ เราอยู่ตรงกลาง จริงๆก็มีคนมาทาบทาม แต่ไม่เอา ไปก็เป็นพระลำดับเขา ไปให้เขาด่า ไม่เอา
มีธุรกิจ2-3 แห่งทำหลังเกษียณ
แต่นี้เวลาเป็นของเรา ชีวิตเป็นของเรา มีธุรกิจหลังจากเกษียณอยู่ 2-3 บริษัท คือตำรวจนี่ เป็นอาชีพที่รู้จักคนเยอะ ดีกว่าทหาร หรืออาชีพอย่างอื่น มีทางเลือก 2 อย่าง คือ ถ้าเราเลือกว่าจะรวยเร็ว จะทำอะไรเร็วๆ มันก็ทำได้ แต่พอคุณเกษียณ หรือเดินในสังคม จะกล้ามองหน้าใครรึเปล่า บางคนคิดแบบนั้นก็มี แต่บางคนก็คิดแบบว่า เอาเพื่อนไว้ก่อน มีเพื่อนเยอะๆ แล้วถึงเวลามีธุรกิจที่จะทำ ก็จะมีเพื่อนที่จะช่วย
เขียน 100 ร้านอาหารอร่อยเยาวราช
ตอนเกษียณเขียนหนังสือ 100 ร้านอาหารอร่อย เยาวราช ใช้นามปากกา สารวัตรหนุ่ย เพราะว่าเคยอยู่พลับพลาไชย 2 เยาวราชทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ เป็น สว.จราจร 4 ปี เพื่อนโทร.มาถามเรื่อย กินตรงไหนดี ร้านไหนอร่อย พอจะเกษียณก็ทำหนังสือ ขายได้กำไรมาล้านหนึ่ง ให้ รพ.ตำรวจ พอช่อง 5 เห็นหนังสือ เลยโทร.มาตามให้ไปออกรายการ ท็อปไฟว์ ทำอยู่ 5 ปี ออก 8 – 9 โมงเช้าทุกวันพฤหัส ก็ไปกินอาหาร 5 ร้าน แล้วให้คะแนน ทำอย่างนั้นอยู่ 5 ปี
เดินสาย5ปี ออกทีวี 2 ช่อง ชี้เป้าร้านอร่อย
นอกจากนี้ก็เขียนให้แมกกาซีน หรือชมรมกลุ่มนักชิมอาหาร เขาติดต่อมา พี่ไปกินกัน ไปคอมเมนต์หน่อย เดือนละ 2-3 ครั้ง แล้วสมัยหนุ่มๆ ชอบทำอาหารด้วย แต่ไม่มีร้านอาหาร หลังเกษียณก็มีเรื่องนี้ที่ทำให้เพลินๆ เหมือนกัน ทำอยู่ 5 ปี ช่อง 5 กับช่องแกรมมี่ๆ 2 ปี แต่ช่อง 5 รวม 3 ปี
ทำตั้งแต่เช้ายัน 2 ทุ่ม 5 ร้าน แวะร้านนี้ชิมเสร็จ ก็แวะอีกร้าน แต่ระหว่างช่วงถ่ายทำ ก็เดินดู แวะกิน บางทีก็หาเพื่อนหาฝูง ก็ได้คุยได้อะไร รู้จักร้านเพิ่ม คิดดูสิ 5 ปีเยอะนะ หลายร้าน ก็รู้จักเยอะ
รู้แหล่งร้านอร่อย เพราะทำงานหลากสถานที่
แล้วเป็นคนชอบกินอยู่แล้ว พาน้องๆ พานายไปด้วย น้องก็โทร.มาตาม ใครอยากไปกินไหน ก็โทร.มา เราก็จัดไปกินบ้าง อะไรแบบนี้ ร้านไหน อยากกินอะไรอร่อย ก็มีหลายแนว ตอนพี่ทำงาน อยู่ด้านต่างประเทศมาตลอด ตั้งแต่พานักศึกษาไปดูงาน กองบัญชาการศึกษา อยู่โรงเรียนนายร้อย ก็พานักเรียนไปต่างประเทศ ไปอยู่สอบสวนกลาง ก็ดูต่างประเทศ สันติบาล ก็ต่างประเทศ เสร็จแล้วก็มา ตม.อีก เต็มๆเลย เขาเชิญไปดูงานต่างประเทศบ่อย เรื่องกินเรื่องอะไรก็จะรวมอยู่ในนั้น
ความชำนาญเข้ามาไม่รู้ตัว
เพราะฉะนั้นก็จะรู้เรื่องจีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง ก็จะรู้หมด ชำนาญเรื่องกินเลย ก็ไปกินเลี้ยงอยู่เรื่อย มันก็เข้ามาโดยไม่รู้ตัว เรื่องชิม เรื่องอาหาร เรื่องอะไร ตำรวจด้วย ไปไหนมากกว่าคนธรรมดา อยู่สอบสวนกลาง สันติบาล ก็ไปต่างประเทศ ไปทั่ว แล้วก็ต้องกิน ไปต่างจังหวัด ทุกจังหวัดเราไปมาหมดแ ไปแล้วก็กิน ตำรวจก็กินกับดูหมอ มี 2 อย่าง นายไปเราก็ต้องไป
ออกกำลังกายตั้งแต่เกษียณวันแรก
แต่ก็ออกกำลังกายตั้งแต่เกษียณวันแรก เพราะ1.เป็นหน้าที่สำคัญของคนเกษียณ เพราะฉะนั้นถึงเป็นสมาชิกสปอร์ตคลับที่นี่ ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เข้ายิม ชั่งน้ำหนักทุกเช้า ควบคุมน้ำหนักเราว่า อายุแค่นี้ สูงแค่นี้ ควรน้ำหนักแค่นี้ ก็ชั่งทุกเช้า คุมไว้
สังเกตง่ายๆ เวลาตรวจที่ รพ.ตำรวจ เช็กเลือดทุก 4 เดือน ถ้าน้ำหนักลง ทุกอย่างจะลงตาม ทั้งคอเรสเตอรอล ไขมัน น้ำตาล จะลงมาหมด เพราะฉะนั้นวิธีการเดียว คือ คุมน้ำหนัก อาหาร ออกกำลังกาย
กินของดีมีประโยชน์ ไม่ชอบก็ต้องกิน
มีหลักอยู่อย่างว่า การกินอาหารต้องกิน 2 อย่าง คือ 1. กินของดีมีประโยชน์ แม้จะไม่ชอบก็ต้องกิน เช่น มะเขือเทศ ผัก กระเจี๊ยบ เพราะฉะนั้นมื้อเช้า ที่บ้าน ภรรยาจะจัดให้กิน พอมื้ออื่น กลางวัน หรือเย็น ก็กินตามใจชอบเรา คือต้องเลือกกินที่ร่างกายต้องการครึ่งหนึ่ง ไอ้ที่อร่อย ของเราอีกครึ่งหนึ่ง
แต่พออายุมากเข้า อร่อย แค่ 2-3 คำ ก็พอ ให้ได้ชิม แค่นั้นพอ อย่าไปกินเยอะ เพราะกินแล้ว 2 คำแรก คำที่ 3-4 มันก็เหมือนกัน
มาสปอร์ตคลับทุกวันเหมือนมาออฟฟิศ
ตั้งแต่เกษียณมานี่ ออกจากบ้านทุกวัน เหมือนสมัยยังทำงาน 8-9 โมง ออกจากบ้านแล้ว ถ้ามีงานก็ไปงาน มีนัดก็ไปตามนัด ไม่มีก็มานี่ แล้วก็เข้ายิม เหมือนที่ทำงาน นัดใคร เจอใครที่นี่ แต่ถ้าเป็นเรื่องเป็นราว ก็จะออกไป ฟิตเนส อาทิตย์ละวัน
วันเสาร์ ก็จะไปกับเพื่อนข้างนอก วันจันทร์ ที่นี่ แต่ถ้าวันเสาร์ ไปข้างนอก ก็ไปเล่นกอล์ฟแถวคลองหก รอยัลเจมส์ มีพรรคพวกอีกกลุ่มหนึ่ง ไปหลายๆ กลุ่ม ก็จะได้ความคิดหลากหลายเรื่อง
ออกกำลังตามหมอสั่ง 4 เดือนเจาะเลือดครั้ง
เล่นกล้ามเนื้อให้มันตึง กล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อขา สำคัญ ผู้ชายนี่ กล้ามเนื้อขา หน้าอก กล้ามเนื้อแขน 3-4 อย่างนี้ แล้วก็คอร์สเทรนเนอร์ เหมือนกับให้หัวใจเต้น 140 ครั้ง ต่อชั่วโมง 45 นาที ทำตามที่หมอ รพ.ตำรวจแนะนำ แล้ว 4 เดือน ไปเจาะเลือดตรวจครั้งหนึ่ง มีความดันสูงนิดหน่อย ตามอายุ น้ำตาล นิดหน่อย เท่านั้น ก็ทานยาควบคุม ยามี 3-4 เม็ด
มีเรื่องความดัน เพราะกินเหล้ามาตั้งแต่หนุ่ม เหล้านี่ทำให้เราความดันสูงส่วนใหญ่ แต่ไม่สูบบุหรี่ 20 ปี พอแล้ว ตอนอยู่เมืองนอก วันละ 2 ซองเลย อากาศมันเย็น ดูดมันส์
ย้อนชีวิต เสาร์อาทิตย์ไม่เที่ยวกับตำรวจ
อย่างที่บอก ตอนทำงานตำรวจ เจอเพื่อนเยอะ แล้วตั้งแต่เด็ก ร.ต.ต.- ร.ต.ท.เสาร์ อาทิตย์ นี่ไม่เที่ยวกับตำรวจด้วยกัน จะไปกับคนนอก ไปเล่นกอล์ฟ ไปสังสรรค์ จะเป็นเพื่อนนักเรียนมัธยม หรือเพื่อนที่รู้จักกันในสนามกอล์ฟ ทำธนาคารบ้าง ทำบริษัท ห้างร้านบ้าง เสาร์ อาทิตย์ ไม่อยากจะพูดแต่เรื่องย้าย ขอ 2 ขั้น เรื่องพวกนี้ไม่เอาเลย แต่งานสืบก็ยกเว้น แต่ถ้าเที่ยว สังสรรค์เอง ก็ไม่นัดเพื่อนตำรวจ
วางแผนเกษียณฯตั้งแต่หนุ่มๆ
ร.ต.อ.เราก็ทำธุรกิจปั้นจั่นแล้ว แล้วต้องคิดตั้งแต่หนุ่มๆ เกษียณเราจะอยู่ยังไง ก็ทำปั้นจั่น มี 2 ตัว พอเป็น สว.ก็ทำโรงแรม ป้ายดำ 21 คัน โตขึ้นก็มาทำเสื้อผ้า การ์เม้นท์ ขายในโลตัส ทำธุรกิจมาตลอด เพราะฉะนั้นจะคุยกับเพื่อนนักธุรกิจ ขายปูนซีเมนต์ ชลประทาน เป็นนายหน้าขายปูนต่างประเทศ สิงคโปร์ อินโดฯ ก็มี
แล้วเคยทำงาน ให้อเมริกันเอ็กซ์เพรส สมัยเป็น สว. พวกที่มาเที่ยวแล้วเช็คหาย เขาก็ให้เราไปสัมภาษณ์ว่าหายจริงมั้ย อยู่ที่เราเลย ว่าไอ้นี่หายไม่จริง
ซื้อที่เก็งไว้ขาย-กำไร20เท่า
อย่างที่บอกเราเตรียมหมด พอมีตังค์หน่อยซื้อที่ คิดไว้จะซื้อตอนอายุ 35 กะไว้วันเกษียณขาย แล้วเป็นอย่างนั้นจริงๆ อายุ 35 แม่ยายออกตังค์ให้ เป็นพ่อค้าไง บอกซื้อที่ไว้ เผื่อเกษียณจะได้มีตังค์ ก็ซื้อที่รามอินทรา 5 ไร่ หน้าซาฟารีเวิลด์ ซื้อมาล้านเดียวมั้ง ได้มา 20 กว่าเท่า ตอนนั้นไม่มีถนน อยู่หน้าซาฟารีเวิลด์ ซื้อปี 2530
ก่อนเกษียณ ประกาศอยู่ปีหนึ่ง ไม่มีใครซื้อ แต่พอวันเกษียณปุ๊บ อาทิตย์หนึ่ง คนโทร.มาหาเมีย บอกขอซื้อ เพราะเขามีโรงงานอยู่นั่น 20 ล้าน ผมแบ่งให้ลูกให้เมียหมดนะ
จิตใจผ่องใส ไม่เกลียดใคร อภัยให้หมด
ทุกวันนี้ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตำรวจเลย ไม่เอาเลย งานประชุม งานอนุ กตร.ไม่เอาเลย ออกกำลังกาย อยากกินอะไรกิน อยากเที่ยวไปไหน ไป แล้วอ่านหนังสือสมาธิบ้าง คือพุทธศาสนา เขาสอนให้มีสติ ทำดี ไม่ทำชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ตอนนี้อยู่ในช่วงนี้แล้ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่เกลียดไม่อะไรใคร อภัยหมด
ใครที่ทำให้โกรธเราก็เฉยๆ แล้วมันจะดี จิตใจผ่องใส อย่าไปโกรธ โกรธแล้วไม่มีอะไรดี อย่าไปแค้น อะไรไม่เอา ก็มีทำบุญ สร้างพระประธาน แต่ไปวัดวา ไม่เท่าไหร่ น้อย พระท่านบอกว่าไม่ต้องไปวัดหรอก อยู่ที่บ้าน ทำบุญก็ได้
ฟังธรรมะหลวงพ่อปราโมทย์
มีอดีตท่านผู้ช่วยทูต อายุ 88 ปี เห็นพี่ออกกำลังกายที่นี่ เลยเอาหนังสือจากเทป ของหลวงพ่อปราโมทย์ มาให้ คือท่านนี่ฟังง่าย หลักการคือท่านบอกว่าไม่ต้องไปวัดไปวามาก นั่งสมาธิ ทำสติ สงบ ที่ไหนก็ได้ ทำได้ทุกเวลา ผมอ่านมา 2-3 รอบแล้ว
คืออ่านหนังสือมาแล้วจับต้นชนปลายไม่ถูก พอมาเจอท่าน ก็บอกว่าหยุดไว้ก่อน อ่านของท่านปราโมทย์ ท่านก็ให้มา 2 เล่ม
ตายก่อนตาย คือเตรียมตัวก่อนตาย
เราก็อ่าน ก็เออจริง เล่มเล็กๆ อ่านง่าย ท่านก็ให้เทป ให้แผ่นซีดีมา บอกว่าอ่าน 2 อันนี้ แล้วค่อยไปฟังอันนี้ อันนี้ง่าย เตรียมตัวก่อนตาย คือ ตายก่อนตาย
คือพระส่วนใหญ่ ถ้าสายป่า เกจิอาจารย์ พูดตรงๆ ท่านจะจบแค่ ป.4 ที่ดังๆ ท่านหลวงปู่ฝั้น แล้วเวลาท่านอธิบาย ท่านจะอธิบายสั้นๆ เหมือนว่าต้องรู้ตรงนี้
ของเยอะแยะ ตายไปเอาไปไม่ได้
แต่ท่านปราโมทย์ ท่านจบ รัฐศาสตร์ จุฬาฯจบทั้งตรี และโท แล้วท่านไปบวชทีหลัง แต่ท่านศึกษาธรรมะมาก่อน พอท่านมีความรู้พื้นฐานการสอนท่านก็จะมีระบบ รู้ว่าคนคิดยังไง พวกนี้คิดยังไง ท่านเทศน์ให้คนมีความรู้ดู เตรียมไว้ ไม่ได้ป่วย ไม่ได้อะไรนะ เราต้องคิดว่า มันต้องตายอยู่แล้ว เอาง่ายๆ ของที่เราเก็บไว้เยอะแยะนี่ ถ้าเราตาย ลูกจะเอาไปทำอะไร พระดีๆ เขาเอาไปชั่งกิโลฯ หมด ลูกไม่รู้อะไร เขาไม่รู้เรื่อง
ทีนี้ก็เริ่มบริจาคแล้ว ไอ้โต๊ะใหญ่ๆ หรืออะไร เพื่อนฝูงมีงานอยากจะให้บริจาค เราก็เอาไปบริจาค ค่อยๆ เคลียร์ อย่าทิ้งภาระไว้ให้ลูก พี่เริ่มทำแล้ว คุยกับภรรยาแล้ว ตังค์มี ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ก็แบ่งใส่บัญชีเขาไว้แล้ว แต่ที่เหลือ ถ้าพ่อตายเมื่อไหร่ ก็หาร 2 ไป ต้องทำไว้หมด
เตรียมไว้แล้วก็สบายใจ
เราไม่รู้พรุ่งนี้กับชาติหน้าอะไรจะมาถึงก่อน เตรียมไว้ แล้วมันจะสบายใจ ออกกำลังกายไว้ เพื่อไม่ให้คนที่รักเรา เขาลำบาก ออกกำลังกายเพื่อไม่ให้เป็นภาระใคร ถ้าเราป่วย ไอ้ตายไม่เท่าไหร่ แต่ป่วยแล้วต้องนอนนานๆ คิดดูสิ ลูกเต้าจะลำบากแค่ไหน
เตือนรุ่นน้องวัยใกล้เกษียณ
อยากจะเตือนรุ่นน้อง ในฐานะที่เกษียณออกมาแล้ว 7 ปี พวกใกล้ๆ เกษียณ เหลือปีเดียว หรือน้องๆตำรวจ คือตำรวจสมัยนี้อยู่ยาก ระบบมันเปลี่ยน ด้วยเศรษฐกิจ สังคม เรื่องการเมือง มันเปลี่ยน อยู่ยากมากนะ
ดูหน้าตา แต่ละคน มันเหมือนยิ้มแย้ม แต่ชีวิตมันยากเหลือเกิน คือไม่มีรูปแบบ หรืออะไรที่ให้เขามีแนวทางที่จะเจริญเติบโตได้ ไม่รู้ จะไปทางไหน
เพราะฉะนั้น มันต้องเตรียมตัวให้พร้อม คนใกล้เกษียณตอนนี้อาจจะไม่ทัน ไม่อะไรแล้ว มันจะยาก แต่ว่าผมว่า ชีวิตคนเรา มันต้องดูแลสุขภาพร่างกาย แล้วก็จิตใจ สำคัญ
จิตใจเรื่องใหญ่ อย่าห่อเหี่ยว
ต้องเตรียมเงินออมไว้ บั้นปลายชีวิต ก็ต้องมี แต่ถ้าเงินออมไม่มากอย่างคนอื่นเขา ก็ต้องใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ต้องพอเพียง ต้องรู้ว่าเรามีแค่ไหน ต้องวางแผน สุขภาพ สำคัญที่สุด ออกกำลังกายไว้ ทานอาหารให้มันถูก อะไรอย่างนี้ จิตใจเรื่องใหญ่ อย่าไปท้อแท้ ห่อเหี่ยว อยู่เพื่อทำความดี
สมัยก่อน มองพี่ๆที่เกษียณแล้ว คิดว่าเราอีกไกล แต่จริงๆ มันแป็ปเดียว เตรียมไว้ เราต้องใช้ตังค์เท่าไหร่ จะอยู่ยังไง จะมีกลุ่มเพื่อนยังไง แต่ถ้าไม่มีตังค์เลย ก็ไม่มีเพื่อน พี่ก็คิดมาก่อน ตั้งแต่เป็น สว.เลย ต้องมีเงินออม ต้องใช้เท่าไหร่ เดือนละเท่าไหร่คิดมาก่อน แล้วก็ต้องหาเงินให้งอกเงย แล้วตำรวจ มีเพื่อน มีพวกไว้มากๆ ดีที่สุด
ต้องเดินยืดอกได้ในสังคม
เกษียณแล้วต้องสามารถเดินยืดอก มองหน้าทุกคนในสังคมได้ อย่าไปเดินหลบๆ ก้มหน้าก้มตา มันไม่สมาร์ท ไม่มีความสุข ชีวิตมันไม่เหี่ยว ถ้าอยู่ในสังคมตำรวจ ทำความดี มีพรรคพวกเพื่อนฝูงเยอะ ไม่เบียดเบียนลูกน้อง ไม่รังแก ประชาชน พอเกษียณมา คนเขาก็อยากคุยด้วย
ถ้าไอ้พวกที่มันไม่คิดอย่างนี้นะ ออกมา เห็นเยอะเลย ห่อเหี่ยว แป็ปเดียวก็ไป จะไปคุยกับใครเขา ใครเขาอยากจะคุย ตอนเรามีอำนาจ แล้วเราไปบาตรใหญ่ ไปรังแกเขา เห็นเลย
ดูสิ คนเกษียณมา คนที่มันมือหนักๆ เบียดเบียนประชาชน แป็ปเดียวก็ไป เพราะจิตใจมันห่อเหี่ยว ไปไหน ก็ไม่มีคนคุยด้วย เข้าสนามกอล์ฟ ยังไม่มีคนอยากจะคุยด้วยเลย คนประเภทนี้ ตอนคุณมี คุณก็ไม่เอื้อเฟื้อ ไปรังแกเขา เขาถึงไปหาอะไรทำ การเมืองบ้าง มันก็ไม่มีความสุขแล้วบั้นปลาย
นี่คือคำเตือนที่มีประโยชน์จากอดีตบิ๊กตำรวจรุ่นพี่ที่เกษียณฯมาแล้ว 7 ปี อย่าง บิ๊กหนุ่ย-พล.ต.อ.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล ครับ
กิตติพงศ์ นโรปการณ์ บันทึก