กลุ่มแท็กซี่ป้ายเหลืองเข้าแจ้งความขอความเป็นธรรม โดนทำร้ายร่างกายจาก แท็กซี่ป้ายดำที่ผิดกฎหมาย ขณะอีกฝ่ายโต้เลิกทำโต๊ะจองแล้ว แต่กำลังทำรั้วล้อมที่ดินอยู่ ให้คู่กรณีขยับรถแต่ถูกปฎิเสธ พูดจาไม่ดีจึงยอมรับเกิดอารมณ์ แต่อีกฝ่ายจะทำร้ายเมียจึงบันดาลโทสะ
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 29 ม.ค.66นายนัฐพงศ์ รุจิเกียรติขจร แท็กซี่ป้ายเหลืองที่ถูกทำร้าย พร้อมกลุ่มคนขับแท็กซี่พัทยา ชมรมแท็กซี่พัทยา ร่วม 100 คน และ นายพงษ์วิริษฐ์ วงศ์หนองแวง ที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม และ อุตสาหกรรม พรรคเสรีรวมไทย ชลบุรี
เดินทางเข้าแจ้งความขอความเป็นธรรมต่อร.ต.อ.ยุทธพล บุญเกิด ร้อยเวร สอบสวนสภ.บางละมุง
กรณีถูกนายพงษ์วิรัตน์ อายุ 36 ปี และ พรรคพวกทำร้ายร่างกายโดยถูกตีบริเวณศรีษะ และ ใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งร้องเรียนให้มีการจับกุมตั้งโต๊ะแท็กซี่ป้ายดำผิดกฎหมาย
เรียกร้องให้ขนส่งจังหวัดชลบุรี ลงมาควบคุมระบบการขนส่งให้ถูกต้องเพราะพวกตนประกอบอาชีพถูกต้องตามกฎหมาย แต่ มีแท็กซี่ป้ายดำที่ทำผิดกฎหมายเกลื่อนเมืองโดยนำรถกระบะบ้างรถเก๋งส่วนบุคคลบ้างมาตั้งโต๊ะรับส่งนักท่องเที่ยวแบบไม่มีมาตรฐาน ทำให้เสียภาพพจน์การท่องเที่ยว และ เรียกร้องให้ตำรวจดำเนินการอย่างยุติธรรม
ในขณะที่อีกมุมหนึ่งนายพงษ์วิรัตน์ รักยิ่ง ได้โต้กลับว่า เลิกเปิดโต๊ะจองรับส่งนักท่องเที่ยวแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเกิดอารมณ์ร้อนจริงเพราะนัดช่างจะมาทำรั้วกั้นที่ดินที่ตนดูแลอยู่ แต่นายนัฐพงศ์ เข้ามาจอดรถใต้ต้นไม้ในพื้นที่ตน เอ่ยปากให้ขยับรถออกไปก่อนเพราะนัดช่างมาทำรั้ว และกำลังขนไม้อยู่
แต่นายนัฐพงศ์ พูดไม่รู้เรื่องอ้างเป็นที่สาธารณะ ทั้งๆที่จอดรถอยู่ในเขตนอกถนน ไม่ยอมขยับรถให้ พร้อมพูดจายียวน ยอมรับว่าเกิดอารมณ์โมโหพลั้งมือชกต่อยนายนัฐพงศ์ ไป 2-3 หมัด ภรรยาตน เห็นท่าไม่ดีจึงถือไม้มากันตนกับ คู่กรณี แล้วเดินหนีไปที่รถกระบะ
ช่วงเดินหันหลังให้ นายนัฐพงศ์ คว้าเหล็กล็อกพวงมาลัย เดินเข้าจะมาตีตนด้านหลังภรรยาตนเห็น จึงวิ่งเข้ามาช่วย แต่โดนนายนัฐพงศ์ ใช้เหล็กไล่ตี ภรรยาตน แล้วสะดุดล้ม ตนเห็นนายนัฐพงศ์ จะตีเมียตน จึงคว้าไม้หลังรถช่วยภรรยา และตีจนนายนัฐพงศ์ ล้มลงเห็นมีเลือดไหลจึงหยุด แล้วโทรแจ้งตำรวจ ก่อนแจ้งกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ พัทยามาช่วยปฐมพยาบาล เบื้องต้น และ ได้ให้ นส.กัลยรัตน์ มูลสวัสดิ์ อายุ 35 ปี ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้
ด้านรตอ.ยุทธพล ร้อยเวรสอบสวนสภ.บางละมุง รับเรื่องกรณีพิพาท ไว้ทั้ง 2 ราย ก่อนจะเรียก คู่กรณี ทั้งสองมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยยังไม่แจ้งข้อกล่าวฝ่ายใด รอให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่ายต่อไป
