Saturday, October 5, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อน EP.20

    เรื่องเล่าในรถร้อน EP.20

    นับเหรียญบาทในมือวนไปมา

    เวลาผ่านไปเรื่อยนับนาทีจนครึ่งค่อนชั่วโมง รถเมล์สีครีมแดงยังไม่โผล่สักคัน ร่ำๆจะขึ้นรถเมล์ปรับอากาศที่มาจอดป้ายหลายคัน

    แต่คิดถึงค่าโดยสารที่สูงเกือบสามเท่าของค่ารถเมล์ครีมแดง ไหนๆก็ล่วงเลยเวลามานานแล้ว จำต้องรออีกสักหน่อยแล้วกัน รถเมล์ร้อนมันต้องมาสักคันจนได้

    แล้วในที่สุดเป็นไปดังหวังตั้งใจ ได้ออกจากป้ายรถตรงนั้นเสียที

    หลังจากก้าวขึ้นรถรีบผลุนผลันหาที่นั่งตามสัญชาตญาณ ทั้งๆรถว่างพอสมควร ผู้โดยสารไม่เต็มคัน ได้ที่นั่งริมหน้าต่างนับว่าเป็นโชคดีประการหนึ่ง

    รถเมล์แล่นตะบึงแทบไม่ได้จอดตามป้ายรายทาง เพราะไม่มีคนโบกเรียก จนทำให้การเดินทางคล่องตัวเกินคาดหมาย

    กระทั่งรถเมล์แล่นถึงป้ายปากทางหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่งที่เป็นย่านหนาตาผู้คน มีคนรอรถเมล์มากพอสมควร จึงได้หยุดรับผู้โดยสาร

    สังเกตเห็นหญิงอายุราวสามสิบปลาย นุ่งกางเกงสามส่วนสีเทา เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน เธอยืนอยู่ไม่ห่างจากศาลาป้ายรถเมล์นัก

    ที่สะดุดตาตรงอากัปกิริยาพูดเสียงดังโฉงเฉงแต่จับใจความไม่ถนัดเนื่องจากเสียงรถยนต์ที่เริ่มคับคั่งขึ้นแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ

    ข้าพเจ้าจำได้ว่าเธอเป็นคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้นที่เดินอยู่ขอบถนนช่องทางด้านขวาจนคนขับรถเมล์ที่คงคุ้นเคยพบอยู่บ่อยไปร้องตะโกนล้อเล่นว่าเป็นนางงามริมถนน

    เธอคงป่วยจิตและผู้คนละแวกนั้นรู้สึกชินตา แต่เธอคงไม่คิดอะไรต่อสายตาที่คนมองเธอ หรือว่าเธอไม่เหลือสมองส่วนใดให้คิดตอบโต้คำล้อเลียนเหล่านี้

    สีหน้าเธอดูเคร่งเครียดจริงจัง เธอพูดไปเรื่อย แต่บอกไม่ได้ว่าเธอพูดคุยกับใครหรือทักทายใครและถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ

    รถเมล์ออกจากป้าย ภาพหญิงคนนั้นค่อยๆเลือนลางหายไปจากสัมผัสทรงจำอย่างเรียบง่ายไร้ความหมายหรือความสนใจไปเฉยๆ

    บรรยากาศเริ่มครึ้ม เมฆสีเทาหม่นแผ่เต็มผืนฟ้าได้สักพักหนึ่ง ลมกระโชกแรงเสียงครั่นครืนพร้อมเม็ดฝนร่วงพรูพรั่งทั่วท้องถนน น้ำฝนเจิ่งนองทันที

    รถเมล์ถึงป้ายจุดหมาย ข้าพเจ้าดึงร่มพับออกจากกระเป๋าหิ้วเตรียมพร้อมก้าวลงจากรถ แล้วกางร่มออก

    แต่ร่มสีฟ้าเจ้ากรรมมันกางได้ไม่เต็มที่ บางส่วนของลวดเหล็กโครงร่มหลุดจากผ้าร่ม ต้องสาละวนเก้ๆกังๆ ดึงลวดเหล็กเสียบเข้ากับชิ้นพลาสติกที่มีรูไว้เสียบนั้นจนต้องโดนน้ำฝนเปียกเสื้อบางส่วน

    เมื่อเดินกลับถึงที่พำนัก ความทรงจำเดิมผุดขึ้นมานึกถึงครั้งหนึ่งได้ยินเสียงคนเร่เดินร้องตะโกนหาลูกค้าตามบ้านเรือนในตรอกซอกซอยว่า

    “รับซ่อมร่มครับ รับซ่อมร่มๆๆ”

    เขาร้องตะโกนหาผู้ต้องการใช้บริการของเขาอย่างอดทน เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ไปเรื่อยๆ

    นั่นมันผ่านมาหลายปีโข หลังจากครั้งนั้นไม่เคยได้ยินประโยคนั้นอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ หรือว่าอาชีพนี้สูญหายไปแล้ว

    เมื่อฝนตกพรำหรือตกหนักคราวใด ข้าพเจ้าจะอดย้อนคิดไปถึงชายเร่รับจ้างซ่อมร่มอยู่บ้างบางครั้ง เขาคงเป็นคนรับซ่อมร่มคนสุดท้ายของประเทศก็อาจเป็นไปได้

    ข้าพเจ้าครุ่นคิดย้อนวันวานในห้องเย็นอับชื้นขณะฝนพรั่งพรูตั้งแต่เช้าตรู่จนสาย

    เม็ดฝนตกอย่างต่อเนื่องเหมือนบอกเราว่าไม่มีผู้ใดยืนหยัดทัดทานธรรมชาติได้หรอก

    5/10/2567

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments