Wednesday, April 16, 2025
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อน EP.46

    เรื่องเล่าในรถร้อน EP.46

    ยามสายใกล้ห้วงแห่งความหฤหรรษ์ของคิมหันตฤดู ที่ผู้คนถ้วนทั่วทิศสถานจะออกมารื่นเริงสาดน้ำชุ่มฉ่ำดื่มด่ำหยอกล้อยั่วเย้าอย่างลืมทุกข์สิ้นกังวลจากวิถีความเป็นไปของตนเองที่ผ่านมาทั้งมวลของขวบปี

    เฝ้ารอรถเมล์ร้อนนานเนิ่นเกือบครึ่งชั่วโมง ยังไม่เห็นสายที่ต้องการใช้บริการโผล่มาสักคันหนึ่ง ส่วนมากเป็นรถปรับอากาศสายอื่นๆ ผู้คนที่ป้ายขึ้นลงเปลี่ยนหน้าไปหลายต่อหลายคนแล้ว

    นอกจากข้าพเจ้าที่นั่งรออยู่ใต้ร่มหลังคาป้ายรถเมล์นั้นแล้วยังมีชายสูงอายุร่างผอมเพรียวแต่งกายเรียบร้อยเสิ้อเชิ้ตแขนยางกางเกงสีกรมท่า รองเท้าหนังสีดำ นั่งอยู่ที่ม้านั่งด้านปลายสุดด้วยความอดทน

    เหลือบสังเกตเห็นท่าทางกระวนกระวายอยู่ในที ขณะที่หนุ่มร่างท้วมเสื้อยืดสีขาวหม่น กางเกงยีนสามส่วน มือพวงมาลัยร้อยดอกรักและมะลิ มาทำหน้าที่อำนวยความสะดวกโบกรถโดยสารทุกชนิดที่เข้าเทียบจอดตรงป้ายด้วยจิตสาธารณะอาสาบรรเทาการจราจรได้ไม่น้อย

    เริ่มจะวางมือลงเมื่อรถราซาลงบ้างแล้ว เขาแบกน้ำหนักตัวเองค่อยๆก้าวขึ้นบันไดสะพานลอยข้ามบ้านไปอย่างเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าบ้าง

    เป็นภาพที่พบเห็นคุ้นตาชาชินแต่แฝงความหมายลุ่มลึกในจังหวะไร้แรงกระทบกระท้อนราวเรียบนิ่ง

    กระทั่งรถเมล์สายที่รอคอยมาถึงป้ายหากแต่ไม่ใช่รถสีครีมแดงที่ตั้งใจรอเท่านั้น ข้าพเจ้าลุกก้าวขึ้นรถ ขณะที่ชายสูงอายุที่รอรถสายเดียวกันรีบตามขึ้นมา แล้วเลือกนั่งบนที่หน้าเดี่ยวด้านหน้าสุด ส่วนข้าพเจ้านั่งไม่ห่างประตูขึ้นลง

    เที่ยวนั้นรถเมล์ว่างมากพอเลือกที่นั่งได้ตามสะดวกตามความพอใจทีเดียว พนักงานเก็บค่าโดยสารเริ่มไล่เรียงเก็บค่าเดินทางที่ชายสูงอายุก่อน เห็นแกหยิบบัตรยื่นแสดงต่อกระเป๋ารถเมล์หญิง และพูดอะไรสักอย่าง ในเชิงตัดพ้อที่รอรถนานเกิน

    จากนั้นกระเป๋ารถเมล์เดินมาเก็บเงินค่าโดยสารจากข้าพเจ้าก่อนจะเดินเรื่อยไปด้านท้ายรถแล้วกลับไปนั่งที่เบาะเก้าอี้ตัวที่สองหลังคนขับรถเมล์

    ข้าพเจ้าสังเกตเห็นที่พื้นรถตรงเก้าอี้นั่งตัวแรกหลังคนขับมีเท้าเล็กๆคลุมผ้านอนคุดคู้อยู่ในซอกวางเท้า คิดเดาทันใดว่าคงเป็นลูกหลานของกระเป๋ารถเมล์หญิงคนนั้นหรือไม่ก็พนักงานขับรถเมล์อย่างใดอย่างหนึ่งคงไม่เกินไปกว่านี้

    นึกได้ว่าเป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อน คงไม่มีคนช่วยดูแลจึงพาลูกหลานติดสอยห้อยตามขณะตนเองมาทำงานตามภาระหน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงลาหยุดได้

    นี่คือวิถีของชีวิตหนึ่งๆในเมืองใหญ่ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่ออยู่รอดให้ได้ในทุกเสี้ยวลมหายใจ

    รถเมล์แล่นไปได้สักระยะหนึ่ง มีผู้โดยสารสาวยี่สิบเศษ เธอรูปร่างท้วมแต่กระฉับกระเฉงฉับไวดี ก้าวขึ้นประตูด้านหน้า แล้วปรี่หย่อนตัวนั่งเก้าอี้รวดเร็ว

    พนักงานเก็บค่าโดยสารเดินไปหา เธอสาวร่างท้วมบอกจุดหมายที่จะไปกับกระเป๋ารถเมล์เพื่อคิดค่าโดยสารตามระยะทาง กระเป๋าได้ยินแล้วตอบกลับไปว่าไม่ผ่าน และบอกให้ต่อรถสายหนึ่งที่ป้ายหน้า

    เมื่อรถเมล์แล่นถึงป้ายถัดมา หญิงสาวร่างท้วมลุกก้าวไปยืนตรงประตูช่วงกลางของรถเมล์ปรับอากาศเพื่อจะลง

    ในขณะประตูเปิดออกนั้น มีชายสูงอายุสองคนสะพายกระเป๋ายืนอยู่หน้าประตูพร้อมจะก้าวขึ้นรถเมล์ หญิงสาวชะงักงันจะลงก็ลงไม่ถนัด เสียงร้องดังของชายสูงวัยหนึ่งในสองโพล่งขึ้น

    “ยัยอ้วนยืนเฉยทำไมไม่ลงล่ะ”

    หญิงสาวก้าวพรวดพราดลงแหวกกลางสองเฒ่าที่ยืนหน้าประตูพร้อมหันขวับชักสีหน้าฉุนกึกตะโกนกลับมายังชายชราทั้งคู่ว่า

    “ก็มายืนขวางทำไมล่ะฮึ”

    พร้อมด้วยอารมณ์บูดบึ้งหัวเสียกับเรื่องที่ตนประสบอย่างหงุดหงิด ท่ามกลางอุณหภูมิของฤดูคิมหันต์ที่เริ่มสูงขึ้นตามลำดับเรื่อยๆ

    ข้าพเจ้าเหลือบมองสองเฒ่าที่เพิ่งก้าวขึ้นรถ ดูมีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มกับการได้กระเซ้าสาวเจ้าเนื้อให้แว้ดระเบิดอารมณ์เป็นผลสำเร็จ หรือทั้งสองเห็นเป็นเรื่องสนุกคลายร้อนแค่นั้นเอง

    ข้าพเจ้านั่งคิดไปเรื่อย แยกแยะไม่ถูกถึงเรื่องราวที่รับรู้ในการเดินทางครั้งนี้น มันไม่มีอะไรให้จดจำสำคัญ

    นอกจากเป็นฉากสั้นๆฉากหนึ่งของจังหวะชีวิต ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆ

    13/4/2568

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments