ชีวิตเริ่มเครียด
เราบ้ากับโลกคนอื่นถูกกระทำหรือเปรียบเทียบกับคนอื่นในบางเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นหรือความหมายต่อชีวิตเลย
เรารู้สึกต้องรีบเร่งกับชีวิต กับสังคมที่หมุนเร็วเกินไป จนเราตามไม่ทันแล้วก็เครียด รู้สึกว่าเห็นอะไรก็ต้องคว้าไว้ก่อน รู้สึกว่าแก่งแย่งชิงดีกันตลอด มีอะไรที่เป็นจังหวะของเราบ้างหนอ
ใครบางคนเสนอแนะว่าเรากลับมาอยู่กับตัวเองฝึกสติจิตใจ ด้วยกิจกรรมอะไรสักอย่างไม่ดีกว่าหรือ
คิดว่า…เราจะกลับมาเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่งดีกว่าไหม เรารู้สึกว่าการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบมาก ทั้งที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างมากมาย แต่เรากลับไม่ได้หยุดนิ่งเลย เริ่มรู้สึกเครียด เริ่มเป็นบ้ากับโลกแล้ว เราต้องการอะไรในชีวิต และความหมายของการมีชีวิตคืออะไร
มันหาความสงบไม่ได้เลย เราต้องการความละเอียดลออของจิตใจ ต้องการความสัมผัสอันละมุนละไม ชีวิตจริงไม่ต้องรีบก็ได้นะ เราสำเร็จได้ในแบบของเรา เราเรียนรู้ที่จะเลือก ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง
สื่อสังคมโซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายคนสับสน จากตรงโน้นตรงนี้ไปอีกหลายจุดหลายมุมจนเวียนหัวจำความอะไรที่ผ่านมาไม่ได้
หากเรามีสติมีสมาธิได้วางโทรศัพท์มือถือลง ทำอะไรที่จดจ่อตรงหน้าสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกเล็กเล็ก วาดรูปสเกตช์ภาพ หยิบเครื่องดนตรีมาเคาะสีดีดเป่าบ้างให้เกิดสำเนียงใหม่บ้าง
เหมือนกับหญิงวัยราวสามสิบคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงขั้นบันไดทางขึ้นลงสะพานลอยข้ามถนนแห่งหนึ่ง มีเสื้อกางเกงห่อหุ้มร่างกายในสภาพมอมแมม ดวงตาอิดโรยมองตาข้าพเจ้าที่กำลังเดินจะผ่านไปทางนั้น ก่อนที่เธอจะเอ่ยคำพูดกับข้าพเจ้าที่เดินอยู่ลำพังตอนย่ำค่ำวันหนึ่งว่า
“น้า หนูขอค่ารถเมล์สักยี่สิบบาทนะคะ หนูไม่มีเงินจะกลับบ้าน”
ความรู้สึกแรกที่ปรากฎเลยตอนนั้น ข้าพเจ้าได้แต่ยิ้มแห้งด้วยว่ามีเงินติดกระเป๋าอยู่เพียงธนบัตรใบละห้าสิบใบเดียว จึงได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธไม่ต้องคิดเลย แต่ในความคิดรู้สึกอยากให้เธอได้รับความเมตตาช่วยเหลือจากใครสักคนที่ผ่านมาตามหลังข้าพเจ้าสักคนหนึ่ง
เพราะอะไรน่ะหรือ ท้้งที่พอจะช่วยเหลือได้ แต่จะทำอย่างไรได้ จิตใจได้แต่จดจ่ออยู่กับสำนึกเวทนาตลอดก้าวย่างที่เดินดุ่มห่างจากหญิงคนนั้น โดยไม่ได้เหลียวหลังมอง
เธอก็เป็นลูกสาวคนหนึ่งของพ่อแม่ที่คอยเฝ้าอุ้มชูเลี้ยงดูเติบใหญ่คงไม่มีใครล่วงรู้หรอกว่าสักวันหนึ่ง ลูกสาวคนนี้จะมานั่งเดียวดายอยู่ริมถนนในยามที่ความมืดกำลังย่างกรายมาครอบคลุม ไม่รู้ว่าความจริงที่เหลืออยู่จะเป็นอย่างไร
เธออาจจะไม่ใช่คนหลงทาง ไม่มีค่ารถกลับบ้าน หรืออาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากจะคิดขยายความเนื่้อเรื่องให้ยืดยาวอีกต่อไป นอกจากขอให้เธอได้รับความช่วยเหลือจากใครก็ได้สักคนด้วยเงินยี่สิบบาทด้วยเถิดนะ
อีกภาพหนึ่ง อีกเนื้อหาหนึ่งของชีวิตที่ผ่านเข้ามาในดวงความคิดดูราวกับไม่มีความสำคัญความหมายต่อใครที่เดินผ่านไป
แต่เต็มไปด้วยคำถามที่หาคำตอบได้ไม่ง่ายนักใช่หรือไม่
16/9/2567