Saturday, September 28, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อนEP.19

    เรื่องเล่าในรถร้อนEP.19

    สองชายหนุ่มใหญ่บนสะพานลอย ดูช่างเป็นภาพตัดกันสุดขั้วในเช้าวันหนึ่ง

    คนแรกตัดผมสั้น มีเส้นผมหงอกมากกว่าดำ เขานั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ในมือถือถ้วยพลาสติกกุมวางไว้บนเข่าเป็นอุปกรณ์รองรับเศษเหรียญบาทเหรียญสตางค์จากผู้คนที่เดินผ่านไปมา อาชีพที่เขาหาเลี้ยงปากท้องตัวเองหรืออาจจะหาจุนเจือครอบครัวด้วยก็เป็นไปได้ เขานั่งก้มหน้านิ่ง ข้างกายมีกระเป๋าสะพายวางอยู่

    อีกคนหนึ่งนั้นไม่อยู่ในสภาพมีสติสัมปชัญญะ นั่งคอตก แขนทั้งสองข้างเหยียดเอนไปด้านหลังค้ำยันร่างกายท่อนบน อยู่ในอาการหลับสนิท

    ผมเผ้ายาวประบ่าบ่งบอกว่าไม่ผ่านการสระล้างมานานมากจนเส้นผมจับกันเป็นปอยหนาเหนอะ เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างมองไม่เหมือนเสื้อและกางเกง แต่เหมือนกับผ้าขี้ริ้วเช็ดคราบน้ำมันเครื่องในอู่ซ่อมรถที่ไหนสักแห่ง มันขาดวิ่นดำเขรอะพันห่อร่างกายท่อนล่างบางส่วน เผยให้เห็นเนื้อหนังช่วงต้นขาและสะโพกที่เต็มไปด้วยคราบไคล

    โดยรวมแล้วหากไม่ใช่ร่างกายมนุษย์ มันไม่ต่างไปจากกองผ้าขี้ริ้วสกปรกดำเขรอะวางทิ้งบนสะพานลอย ชายคนนี้มีหนวดเครายาวระบายเปื้อนใบหน้า หลับพริ้มไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งเคลื่อนไหวรอบตัว เสื้อผ้ายังคงเปียกชื้นจากฝนที่ตกพรำตลอดทั้งคืน เขาคงเหนื่อยล้าที่ไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม จนถึงรุ่งเช้าจึงม่อยหลับไปทั้งที่นั่งยันกายอยู่ในสภาพเดิม

    ผู้คนเดินเฉียดกรายหรือเลี่ยงหลบให้ห่างจากชายทั้งสอง บางคนอาจนึกรังเกียจมองทั้งสองคนไม่ต่างจากขยะตกเรี่ยราดกลาดเกลื่อนบนทางเดิน ไม่ควรค่าให้ความสนใจแม้สักเล็กน้อย

    บางคนอาจนึกสมเพชเวทนาในชีวิตของคนทั้งสองบ้าง แต่ไม่ว่าประการใด ชีวิตของชายสองคนมาบรรจบพบพานกันบนสะพานลอย ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการเอาชีวิตให้อยู่รอดไปได้อีกหนึ่งวันด้วยวิถีที่แตกต่างกันไปบ้าง

    คล้อยผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง ชายในสภาพสกปรกโสโครกประดุจกองผ้าขี้ริ้วดำเขรอะยังคงไม่ตื่น นั่งยันร่างหลับสนิทนิ่งสงบเหมือนปลดปล่อยจิตวิญญาณหลุดลอยเคว้งคว้าง รอสัญญาณชีพกระชากกลับคืนสู่ร่างในเวลาใดเวลาหนึ่ง

    ส่วนชายอีกคนเห็นคนเริ่มบางตาแล้วจึงเก็บอุปกรณ์เครื่องมือประกอยอาชีพใส่กระเป๋าสะพายลุกก้าวเดินลงจากสะพานลอยไปยังป้ายรถเมล์ใกล้กัน โบกเรียกรถเมล์คันหนึ่งที่แล่นมาจอดพอดี แล้วก้าวขึ้นรถเมล์เดินทางไปยังจุดหมายสักแห่ง

    ทิ้งให้ชายจรหมอนหมิ่นไร้สติเดินดุ่มไปในกระแสสำนึกอย่างเลื่อนลอยและเดียวดายบนสะพานลอยนั้นจนกว่าร่างกายจะเรียกร้องหาอาหารสร้างพลังงานต่อไปอีกวันหนึ่ง

    28/9/2567

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments