กรณีวันที่ 20 พ.ค.65ตำรวจ สืบ ภ.2 ร่วมกับ สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี และ บก.ท่องเที่ยว ร่วมกันสืบสวนเหตุ ทำร้ายร่างกายนางเอลิน่า(นามสมมติ) อายุ 38 ปีสาวชาวรัสเซีย บาดเจ็บขณะวิ่งออกกำลังกาย เหตุเกิดบริเวณอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
จับกุม นายกันต์ธีภพหรือเอก อายุ 37 ปี ชาว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ
นายกันต์ธีภพฯให้การว่าก่อเหตุจริง อ้างมีความเครียดจากเรื่องงาน ปัญหาครอบครัว ที่ทำงานและเรื่องหนี้สิน เลยหาที่ระบาย โดยปกติรับว่า ถ้าเครียด จะชอบทำร้ายตนเอง
วันเกิดเหตุหลังเลิกงาน ได้ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ระหว่างขับรถกลับบ้าน เห็นผู้เสียหายเดินอยู่คนเดียว หาที่ระบายอารมณ์ ขับรถตามผู้เสียหายระยะทางหลายกิโลเมตร เมื่อเห็นผู้เสียหายเดินเข้าที่เปลี่ยว ได้กลับรถใต้สะพานหนองปรือ แล้วเลี้ยวเข้าไปก่อเหตุ ชกเข้าที่ใบหน้าเหยื่อหลายครั้ง อ้างว่าไม่ได้หวังข่มขืนหรือทรัพย์สินจากผู้เสียหาย
ต่อมาพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 นำกำลังชุดสืบสวน นักสืบ 5 g และ บก.สส.ภ.2 ร่วมกับ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี สืบสวนอย่างละเอียด เพราะไม่ปักใจเชื่อคำรับสารภาพของผู้ต้องหา
เนื่องจากเป็นเหตุอุกอาจเป็นที่สนใจของประชาชนสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวต่างประเทศที่อาศัยในจังหวัดท่องเที่ยว ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยชีวิต และทรัพย์สิน
กระทั่งวันที่ 23 พ.ค.65 เวลา10.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.กฤตยา เลาประสพวัฒนา รอง ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.มาโนต หวังสู้สึก ผกก.สืบสวน 1 พ.ต.ท.ประจักษ์พงษ์ สุริยา รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.สุวัฒน์ บริรักษ์ รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ หาญแท้ รอง ผกก.ฯ
พ.ต.ต.เอกกร วรรณทอง สว. ร.ต.อ.วุฒินันต์ คงดี รอง สว.ฯ ร.ต.อ.ปรมา ปราณี รอง สว.ฯ ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รอง สว.ฯ ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รอง สว.ฯ ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รอง สว.ฯ ร.ต.อ.วศิน อินทร์แก้ว นายเวร ผบก.สส.ภ.2
พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ดำรงค์ เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สภ.หนองปรือ พ.ต.ท.ธนทัต จันทร์อิ่ม รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.จิรัฏฐ์ ปานคง สว.สส.ฯ กับพวก ได้สืบสวนเพิ่มเติม
แจ้งข้อหาเพิ่มเติม กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย , พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
จากการสืบสวนได้ข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาใช้สิ่งของที่มีความแข็ง ตีเข้าท้ายทอยแหม่มทางด้านหลัง อีกทั้งใช้กำปั้นต่อยเข้าบริเวณใบหน้า แล้วจับขาลากไปยังพงหญ้าข้างทางซึ่งมีหญ้าขึ้นสูง ห่างจากจุดที่ ถูกทำร้ายร่างกาย เป็นระยะทางมากพอสมควร หากมีผู้คนผ่านมาจะมองเห็นได้ยาก
ผู้ต้องหาใช้ตัวนั่งคร่อมใช้เข่ากดทับแขนทั้งสองข้าง ไม่ให้สามารถขัดขืนได้ ผู้เสียหายตกใจกลัวดิ้นรนต่อสู้ขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือแบบสุดชีวิต จนผู้ต้องหากลัวถูกพบเห็นจากประชาชน จึงวิ่งหลบไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 กับพวกได้ให้ นางเอลิน่า จำลองเหตุการณ์ใช้ ร.ต.อ.วศิน อินทร์แก้ว นายเวร ผบก.สส.ภ.2 เป็นล่ามแปลภาษา แต่ผู้ต้องหาการปฏิเสธตลอด รับว่าแค่ทำร้ายร่างกายชาวต่างชาติในคืนที่ผ่านมาจริงเท่านั้น