Saturday, November 9, 2024
More
    Homeท่องปทุมวัน“จาก ร.ต.ต. ถึง พล.ต.อ.” บิ๊กปั๊ด - สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข (2)

    “จาก ร.ต.ต. ถึง พล.ต.อ.” บิ๊กปั๊ด – สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข (2)

     

    บิ๊กปั๊ด–พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ เว็บไซต์ Police News Varieties จากจุดเริ่มต้นการเข้ารับราชการตำรวจ

    ภารกิจ หน้าที่ ความรู้สึก ความทรงจำ ความประทับใจ ในชีวิตรับราชการตำรวจกว่า 39 ปี และสิ่งที่มุ่งหวังอยากเห็นการพัฒนาร่วมกันของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมในอนาคต policenewsvarieties.com/จาก-ร-ต-ต-ถึง-พล-ต-อ-บิ๊กปั/

    มาถึงช่วงชีวิตรอยต่อที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตรับราชการตำรวจเมื่อบิ๊กปั๊ด ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ติดยศ พล.ต.ต. ในตำแหน่งผู้บังคับการ กองบังคับการอำนวยการถวายความปลอดภัย นายตำรวจราชสำนักประจำ

    https://policenewsvarieties.com/เปิดใจบิ๊กปั๊ด6เดือนท/

    ไม่คิดว่าจะมาถึงนายพล – คิดว่าน่าจะพอแล้ว

    “ความรู้สึกในวันที่ได้ติดยศนายพล ไม่คิดว่าจะมาถึงตรงนี้ และคิดว่าน่าจะพอแล้วชีวิต ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ตอนนั้นตำแหน่งผู้บังคับการ กองบังคับการอำนวยการถวายความปลอดภัย นายตำรวจราชสำนักประจำ ถือเป็นตำแหน่งใหม่”

    มีผู้ใหญ่บอกว่ามาที่นี่ดีแล้ว มีงานให้ทำเยอะ  ส่วนใหญ่เราได้รับภารกิจในการช่วยเหลือเด็กและสตรี เช่น เด็กอายุไม่ถึง 2ขวบ ถูกฆ่าตายในบ้านพักที่อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หรือเด็กไปกับพ่อแม่ ขับรถแล้วมีคนปาหินใส่ บาดเจ็บเสียชีวิต ก็ไปดู อย่างที่ศรีราชาต้องไประดมตำรวจภูธรภาค 2 มาช่วยทำงาน

    ”เขาก็คงงงว่าเรามายังไง เราก็อาศัยว่าพยายามไปเจรจาไปขอ ไปอธิบายบอกพี่ๆเขา ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดก็จับได้หมด ไม่มีอะไรค้าง รวมถึงบางเรื่องไม่ใช่คดีเสียทีเดียว เป็นเรื่องสอบสวน เกี่ยวกับในวัดบ้าง พระผู้ใหญ่บางองค์ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมบ้าง”

    สางคดีใหญ่ต่อเนื่อง – โชคช่วยจับการ์ดม็อบก่อเหตุ 2 คดีซ้อน ‘ปั้นเรื่องปาระเบิดบ้านผู้พิพากษา–อุ้มฆ่าหลานรองผู้ว่าฯ’  

    ขณะเดียวกันยังคงได้รับมอบหมายให้ช่วยสะสางคดีสำคัญหลายคดี อาทิ คดีหลานชายรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาปริญญาโท หายออกจากบ้าน เขาให้ช่วยไปดูหน่อย

    อย่างแรกเลยเราไปดูที่สถาบันนิติเวช  เจอเป็นศพเปลือย ถูกยิงเข้าท้ายทอย 1นัด ส่งมาจากชลบุรี เราก็สืบสวน คดีนี้มีโชคเข้ามาช่วย

    คือทำกันอยู่พักใหญ่เหมือนคดีกำลังจะตัน ก็มีคดีแทรกมา มีคนบอกว่ามีการจ้างจะเอาระเบิดเพลิงไปปาบ้านผู้พิพากษา เราก็ไปทำคดีนี้ด้วย ได้ตัวคนร้ายมา รับจ๊อบเป็นการ์ดในม็อบกลุ่มหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นการโกหกหลอกลวงเพื่อหาเงินใช้ธรรมดา

    “แต่ในการซักถามกลับไปคลี่คลายคดีหลานรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครด้วย เพราะผู้เสียชีวิตถูกอุ้มขึ้นรถไปพร้อมกับหญิงค้าบริการ จากโรงแรมม่านรูด ขับพาผู้เสียชีวิตไปยิงทิ้งที่จ.ชลบุรี ระหว่างนั้นก็พาผู้หญิงไปบังคับให้นอนด้วย”

    ช่วงที่คนร้ายขับรถพาไปปล่อยทิ้งกลางทาง แม้ผู้หญิงจะถูกปิดตาตลอดเวลา แต่ได้ยินเสียงผู้ต้องหาคุยกัน คนหนึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นท่านรอง ที่บ้านมีเสียงสุนัขเห่า มีต้นไม้ สีออกส้มๆ

    “จากการสอบปากคำคดีปาระเบิดเพลิงบ้านผู้พิพากษาที่กลายเป็นคดีโอละพ่อ ทำให้รู้ว่าการ์ดในม็อบบางคนตั้งตัวเองเป็นผู้กอง เป็นเสธ. เราก็ถามว่าท่านรองมีหรือเปล่า เขาบอกว่ามีเยอะเลยครับ”

    ถามไปว่ารองที่ว่าเจอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เขาบอกว่าเจอกันเมื่อวานนี้เอง เห็นได้รถฟอร์จูนเนอร์ใหม่มา 1 คัน กำลังจะขับพาเมียไปเที่ยว

    เราก็ถามว่ารถฟอร์จูนเนอร์สีอะไร เขาบอกว่าสีดำ เลยขอให้เขาโทรเรียกท่านรองมาเจอหลอกว่ามีงานใหญ่ให้เงินเป็นล้าน นัดพบที่วัดกิ่งแก้ว

    พอท่านรองมาถึงปรากฏว่าใช่เลย ขับรถผู้เสียชีวิตมาเลย เขาเป็นการ์ดในม็อบ ไปหลอกการ์ดเก่าๆ ว่าเราต้องต่อสู้ เราจะหาทุน  จะไปปล้นรถขนเงิน แต่ต้องหารถไปทำงานก่อน แล้วก็ไปอุ้มหลานรองผู้ว่าฯมา

    จากการสอบสวนตอนยิง เจ้าของรถฟอร์จูนเนอร์ก็ให้เด็กยิง ท่านรองบอกว่าฆ่าคนมาเยอะแล้ว ก็ให้เด็กทำบ้าง พอฆ่าเสร็จก็พาเด็กไปส่งหมอชิตให้เงินไป 300-400 บาท แล้วก็เอาปืนให้เด็กกลับไปด้วย บอกว่าเป็นรางวัลแห่งความกล้าหาญ เด็กเอาไปขายครูพละ 1,000 บาท ครูพละเลยโดนจับด้วย

    ”ท่านรองจริงๆมีอาชีพขายของเร่ พอมีม็อบก็ไปขายของในม็อบ และไปสมัครเป็นการ์ดแล้วก็ไปหาลูกทีมมา เพื่อหักหัวคิว ยกตัวเองเป็นผู้กอง เป็นท่านรอง”

    เชื่อมั่นฝีมือเพื่อน หลีกทางให้นั่งผู้การสืบนครบาล

    ขณะเดียวกัน ก็ทำคดีมั่นคงด้วย คดีระเบิดเกือบทุกที่ในกทม.สืบสวนเหตุปะทะที่แยกคอกวัว เหตุยิงจรวดอาร์พีจีที่กลาโหม คดีวางระเบิดพรรคภูมิใจไทย คดียิงเฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ จับเยอะจนเขาจะให้มาเป็น ผบก.สส.บช.น.

    เราก็มาคิดว่าถ้าเราเป็น ไอ้แหม๋ว – พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ เพื่อน นรต.รุ่น 36 ก็ขึ้นมาไม่ได้ เราอยากให้เพื่อนมา ก็บอกว่าผมหลบไปเป็น ผบก.น.6 ก็ได้ ขอให้เพื่อนมาเป็น ผบก.สส.บช.น. เพราะเราเห็นเขาทำงานและเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ส่วนตัวเราเชื่อมั่นจริงๆ ก็มีเขาคนเดียว คิดว่าเขาใช้ได้

    ส่วนเรามาเป็น ผบก.น.6 ก็ยังทำคดีความมั่นคงอีกหลายคดี อาทิ จับระเบิดแยกสวนมิสกวัน จับอาร์พีจีฝั่งธน พอการเมืองเปลี่ยนก็ถูกย้ายมาเป็น ผู้บังคับการวิจัย

    ชีวิตตอนนั้นมีความสุขดี คิดว่าเราจะวางมือ ไม่ยุ่งกับคดีนอกหน่วยแล้ว คิดว่าควรจะมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง

    จริงๆแต่งงานตอนเป็น ผกก.สส.บก.น.7 หลังแต่งงานอีก 2 ปีถึงมีลูก แล้วพอมาเป็นผู้บังคับการวิจัย ลูกก็โตขึ้นมานิดหนึ่ง มีเวลาพาเขาไปเปิดหูเปิดตา มันสบายใจ ชีวิตอยู่กับตำรวจไม่กี่สิบคน

    นั่ง ผบก.วิจัย พาลูกน้องฝึก ทีมสปิริต ป่าละอู

    “แต่อยู่ว่างๆก็ยังพาตำรวจวิจัยไปฝึก(หัวเราะ) เขาก็ถามว่าไปฝึกอะไร เราก็บอกว่าทีมสปิริต ส่วนใหญ่เป็นตำรวจหญิงไปฝึก เข้าใจว่าเขาคงประทับใจพอสมควร ก็สนุกสนานดี ฝึกวิธีคิด ฝึกที่ป่าละอู จ.ประจวบคีรีขันธ์

    การฝึกจะแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ยศ รองผกก.-ประทวน ให้ผลัดกันเป็นหัวหน้าทีมคนละ 6 ชม. ใครเป็นหัวหน้าก็เอาเสื้อกั๊กมาใส่ และมีธงให้ 1 อัน กติกาคือ ธงหายไม่ได้ ต้องอยู่ 24 ชม. ถ้าหายไปต้องโดนทำโทษ

    ยิ่งทำอะไรผิดก็ยิ่งมีภาระงานมากขึ้น ถ้าทำผิดก็เอาอิฐบล็อกไป 1 ก้อน ทีมก็ต้องแบกไป 24 ชม. บางทีมต้องแบก 6-7 ก้อน

    ส่วนวิธีการแบกให้เขาไปคิดกันเอง เขาก็เอาไปผูกใส่เป้ ใส่หน้าใส่หลัง อาบน้ำ ทานข้าว เข้านอน ไปฝึก เดินไปก็ต้องเอาไปด้วย แต่ถ้าทำดีเราเอาคืนมา”

    สมมติไปเดินป่าให้ไปเดินเข็มทิศ อยากได้ไม้ขีด อยากได้ไฟแช็ก อยากให้บอกใบ้เอาไหม ถ้าเอาก็เอาอิฐไป 1 ก้อน คือให้รู้ว่าชีวิตเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเราเป็นยูนิตี้ช่วยกันคิด มันจะมีทางออก

    คนเรา บางทีเราประเมินตัวเองต่ำไป เราทำได้มากกว่าที่เราเคยคิด ก็สอนเขา เราเก่งกว่าที่เราคิดเยอะ เห็นหอสูงๆไหมเชื่อไหมว่าเราสามารถกระโดดลงมาได้พร้อมอิฐ 2-3 ก้อน แล้วเขาก็โดดได้จริงๆ ผู้หญิงเนี่ย ร้องไห้กันเลย เขาก็โดดนะ

    ปัญหาบางเรื่องอยู่ในป่าให้วิ่งไปยิงปืนให้เข้าเป้าแล้วก็กลับมา จับเวลา ถ้าไม่ได้ตามนี้ก็ต้องทำใหม่ แต่ถ้าพลาดต้องแบกอิฐไปอีก คือก็ช้าอยู่แล้ว  ก็ยิ่งช้าหนักเข้าไปอีก ก็ต้องไปวางแผน เพราะจะมีคนที่อ่อนแอในทีม และมีคนที่แข็งแรงในทีม ถึงต้องอาศัยความเป็นผู้นำ ที่จะช่วยกัน ไปด้วยกัน

    ผู้นำไม่ได้อยู่ที่ พ.ต.ท.หรือ ส.ต.ต. มันอยู่ที่ว่า 6 ชม.ไหนใครเป็น แต่บางคนไม่ได้อยู่ใน 6ชม.นั้น แต่สามารถทำให้ทุกคนเชื่อเขาได้ ก็สอนกันแบบนี้ 4 คืน อยู่ในป่า 2 คืน อยู่ที่ค่ายนเรศวร 2คืน

    หรืออย่างพอมีปัญหาต้องวิ่งลงไปในทะเลแต่ไม่ลึก แล้วก็กอดคอกันลอยตัวไปในทะเล เอาของแล้วกลับขึ้นมา แล้วก็วิ่งไปในสระน้ำไปเอาของ จับเวลา บางคนใครเก่งกว่าก็ต้องยอมทำแทนคนอื่นทั้งหมด และจบลงตรงที่กระโดดหอลงมาพร้อมอุปกรณ์และแจกก้อนหินเขาไปคนละก้อน

    ครูฝึกพลร่มบอกว่าผมก็ไม่เคยเห็นแบบนี้(หัวเราะ)

    ตรงนี้เราเคยฝึกอบรมกับหน่วยงานของออสเตรเลียที่ประเทศสิงคโปร์ จะมีวิธีคิดคล้ายๆแบบนี้ที่เขาสอน  หลายๆอย่างเราก็เอามาจากความรู้ที่ไปฝึกอบรม

    สไลด์นั่ง ผู้การสืบภาค3 เน้นฝึกจับยาเสพติด–อายัดกัญชา5ตันล็อตใหญ่สุดในประวัติศาสตร์

    จากนั้นไปเป็น ผบก.สส.ภ.3 เราก็จัดฝึกอีก ตอนนั้นคิดว่าถ้าแต่ละโรงพักส่งมาฝึก 2-3 คน พอฝึกจบ เขาก็ไม่สามารถไปสั่งให้คนอื่นในโรงพักทำตามได้

    เลยให้แต่ละจังหวัดส่งมาทั้งหมดเลย สารวัตร รองสารวัตร ลูกน้องที่ทำอยู่ด้วยกันอย่างสืบจังหวัด เอามาเป็นชุดเลย มาฝึกปฏิบัติเน้นเรื่องงานยาเสพติด

    วิธีฝึกก็เข้าสถานการณ์ครั้งละ 1-2 วัน เช่น นครบาลให้เบอร์โทรศัพท์มาว่ามีคนร้ายคดียาสำคัญ อยู่ในเขตพื้นที่เรา ก็ให้การบ้านไป เขาก็จัดชุดออกไปตรวจสอบ ไปสืบสวนว่าในพื้นที่ที่สัญญาณโทรศัพท์ปรากฏมีอะไรบ้าง

    ผ่านไปอีก 2 ชม.ให้การบ้านข้อที่ 2 สายมาบอกว่ามีคนร้ายให้สายหารถให้ แล้วสายก็เชื่อว่าเดี๋ยวจะต้องเอารถคันนี้ไปขนยาแน่นอน ถามว่าทำไมถึงรู้ เพราะสายเคยทำมาแล้ว1ครั้ง จะทำยังไงดี ผมอยากได้รางวัล

    สักพักก็มีการบ้านข้อที่ 3 เรื่องนัดส่งยาที่ปั๊มน้ำมัน รู้มาเพราะเป็นคนขับรถเหมือนกัน ก็จะมีปัญหาแบบนี้

    หรือปัญหาที่ 4 มีคนมาชี้เป้าว่าคืนนี้บ้านนี้จะมีคนขนยามาให้ ก็ต้องจัดชุดไปเฝ้า ปัญหาจะทยอยเข้ามาในช่วงเวลาการฝึกปฏิบัติ

    แต่ก่อนหน้าเราจะปูพื้นเรื่องกฎหมาย ยุทธวิธี แทคติคให้เขาพอฝึกเสร็จ เราก็ส่งเข้าไปอยู่ในป่า แถว อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมาไปจับไม้เถื่อน จับยา

    เคยมีจับกัญชาได้ 5 ตัน คิดว่าน่าจะมากที่สุด เท่าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยมีมา

    ตอนเป็น ผบก.สส.ภ.3 สนุกดี อยู่กับลูกน้องแบบครอบครัว ถึงแม้จะระยะเวลาจะสั้นแต่ก็ผูกพัน แล้วมาเจอกันอีกที ตอนเข้าระงับเหตุกราดยิง ที่ เทอมินอล 21โคราช

    ขึ้นรองผบช.ยุทธศาสตร์ ควบ รรก.ผู้การสืบสวนนครบาล – วางระบบคดีฆ่า2นทท.เกาะเต่า

    จากนั้นขึ้นเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ เป็นช่วงที่คิดว่าจะได้พักผ่อน คิดว่าสบายแล้ว มีห้องทำงานอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใกล้โรงเรียนลูกดีเลย

    จังหวะนั้นมีการตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)มีคำสั่งให้ไปรักษาการผบก. สส.บช.น.กลับไปทำคดีเหมือนเดิม เจอลูกน้องเก่าๆ พอถึงเวลาก็ย้ายไปเป็น รองผบช.น.

    ช่วงนั้นมีคดีฆ่า2นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าเรื่องเกิดได้สัก 7-8วัน พี่อ๊อด– พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง โทรมาถามว่าอยู่ไหน ให้เตรียมตัวไปเกาะเต่า เราก็ถามว่าให้ผมไปทำอะไรครับ พี่เขาก็บอกว่าก็ไปทำคดีสิ อ่านข่าวหรือเปล่า เราก็ไปพร้อมลูกน้อง1คน คดีนี้เราไปจัดระบบ

    กลับไปที่ตอนเราเป็น รองผบก.น.1 ก็ใช้เขาไปทั่ว มาเป็นรองผบช.น.ก็เหมือนกัน ที่เกาะเต่ามีสืบภาค สืบจังหวัด สืบพะงัน ตำรวจท่องเที่ยว และมีตำรวจของ บช.ส่งมาอีก ก็กลับมาบรรยากาศเดิมๆ เราให้เขาทำงานกันไปได้ การจัดระบบไม่ยาก และให้ไปไล่กล้องแป๊บเดียว

    คดีนี้มีจุดตัดสินใจ โชคดีวันนั้นตัดสินใจถูกเวลา ถ้าช้ากว่านั้นคนร้ายหนีหมด

    “วันที่ตัดสินใจเอาตัวผู้ต้องหา เป็นวันที่บนเกาะเต่าไม่เหลือนายตำรวจผู้ใหญ่แล้ว วันนั้นเราใหญ่ที่สุด ก็เอาตัววันนี้ล่ะ ตอนนั้นลูกน้องทัดทานว่าถ้าไม่ใช่ขึ้นมา ตอนเช้าเรารับผิดชอบไม่ไหวเลยนะ”

    เราก็บอกว่าไม่เป็นไร ปัญหาเอาไว้แก้พรุ่งนี้ เอาวันนี้ล่ะ 3-4 ทุ่ม รอเขาเลิกงาน เพราะคนพม่าบนเกาะเยอะกว่าคนไทย อาจโดนล้อมได้ คืนนั้นมีจบกับเจ๊ง เราตัดสินใจทุบหม้อข้าวตีเมืองจันท์ ถ้าไม่จบเราก็กลับบ้าน

    นาทีตัดสินใจ คุมตัวผู้ต้องหาฆ่า2นทท.

    “ตอนนั้นได้คนแรกเป็นพยานมาเล่าให้ฟัง แล้วให้เขาไปตามหาผู้ต้องหาที่ 1 ให้เรา เขาบอกว่าอยู่บนภูเขา เป็นชุมชนพม่า มี2,000-3,000คน จำนวนมากกว่าคนไทยที่มี 1,000 กว่าคน เราต้องตัดสินใจว่าถ้าทำแล้วอาจมีม็อบตอนเช้า

    วันนั้นให้ ไอ้ชุม – พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน เอากำลังขึ้นไปโดยมีพยานพาไป หายไป 1 ชม. ลงจากเขามา เหงื่อท่วมมาเลย บอกว่า พยานหลอก มันไม่มี

    เราก็บอกว่า เฮ้ยไอ้ชุม พี่ว่ามันไม่หลอก เพราะเราคุยกับมัน แต่เชื่อว่ามันอาจจะเคยไปครั้งเดียว มันอาจจะจำไม่ได้

    “จากนั้น เราบอกเฮ้ยชุม ไปอีกรอบ เขาก็มองหน้า เราก็เลยบอกว่าเอาอย่างนี้ ให้พี่แป้น พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงค์แป้น ไปเป็นหัวหน้า คราวนี้เจอใครกวาดมาให้หมดเลย แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

    รอบนี้กวาดมา 20คน แล้วก็มาตรวจว่าใครหลบหนีเข้าเมืองหรือเปล่า แต่มีพวกตามมาด้วย แล้วใน 20 คนก็มีผู้ต้องหาอยู่ด้วย ดูจากกล้อง ดูจากพยานใช่ จริงๆก็อยู่ที่เดิมนั่นล่ะ

    แต่ว่าครั้งแรกให้พยานไปชี้เจาะจง แต่พยานจำไม่ได้ รอบที่ 2หายไปชั่วโมงกว่า แล้วก็แยกผู้ต้องหามาคุย เอาวิดีโอให้ดู เขาปฏิเสธว่าไม่ใช่เขา

    เราก็จับเรื่องหลบหนีเข้าเมืองก่อน พอถามอะไรก็บอกไม่รู้ไม่ใช่ อย่างนี้จับพิรุธได้เลยว่าใช่ คือตัวเขาเองเห็นตัวเองในวิดีโอแล้วบอกว่าไม่ใช่ แสดงว่าอันนี้ใช่แน่นอน ก็ตรวจดีเอ็นเอ

    “ส่วนผู้ต้องหาคนที่ 2 ถามพยาน เขาก็จนปัญญา แต่เรามีดีเอ็นเออยู่แล้ว ตรวจเปรียบเทียบได้ แล้วมาไล่สอบญาติพี่น้อง จนตี 3 ถึงได้คนยืนยันเป็นพม่าว่าเป็นคนพาผู้ต้องหาที่ 2 ไปส่งขึ้นเรือ ไปถึงฝั่งตอนตี4 ที่สุราษฎร์ธานี

    เราก็บอกตำรวจทั้งหมด ใครรู้จักตำรวจบนฝั่ง โทรปลุกให้หมดเลย

    โชคดีได้ สารวัตรสืบ กับรองผบก. ที่ติดต่อได้ ก็เอากำลังไปดักที่ท่าเรือ ได้ผู้ต้องหาที่ 2 ขนาดคนลงเรือหมดแล้วก็ยังไม่เจอ มันไปซ่อน มีพี่ชายพาหนี วันนั้นถ้าช้าคือไม่ได้แล้ว แล้วก็แยกกันซัก และตรวจดีเอ็นเอ

    คนนี้รับสารภาพ แต่อ้างว่าคนที่ 1 ทำ ก็ให้โทรคุยกัน บอกเราบอกว่าทางนั้นเขารับแล้ว แต่ตอนนั้นผู้ต้องหาที่1ก็ยังไม่รับ

    บทเรียนกระแสโซเชียลกล่าวหาจับแพะ

    จากนั้นรายงาน พี่อ๊อด – พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กับ พี่แป๊ะ – พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา พอผลตรวจออกมา อีกวันพี่อ๊อดกับพี่แป๊ะก็บินกันมา แล้วเอาผู้ต้องหาที่ 2 จากบนฝั่งมาที่เกาะเต่า พอทั้ง2คนและพยานเจอหน้ากัน ทีนี้รับหมดเลย

    คดีนี้เป็นตัวอย่างบทเรียนเกี่ยวกับกระแสโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้คนตัดสินกันเอง แล้วกล่าวหาว่าตำรวจจับแพะ มีแฮชแทคแพะเกาะเต่า เราพยายามอธิบายออกทีวีก็ไม่มีใครฟัง

    มีการให้พ่อแม่ผู้ต้องหาขึ้นเครื่องบินมา จ้างผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ  กระทั่งตำรวจอังกฤษบินมา เขามานั่งทำงานอยู่ด้วย ประมาณ 1 สัปดาห์เศษ

    ตอนนั้นเราอยากติดต่อญาติผู้เสียชีวิต เพื่อพิสูจน์จากญาติว่าซื้อโทรศัพท์จากที่ไหน แต่ตำรวจอังกฤษเขาช่วยไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายอังกฤษห้ามสนับสนุนข้อมูลกับการพิจารณาคดีที่มีโทษประหารชีวิต แต่ตอนหลังเราหาเบอร์โทรศัพท์พ่อของผู้เสียชีวิตมาได้

    “เราโทรคุยกับพ่อผู้เสียชีวิตเอง เพราะผู้ต้องหาที่ 2 เก็บโทรศัพท์มือถือจากที่เกิดเหตุเอาไปให้เพื่อน ส่วนเพื่อนพอรู้ข่าวมีนักท่องเที่ยวถูกฆ่า ก็กลัวความผิด เลยทุบแตกแล้วเอาไปโยนทิ้งหลังบ้าน ตอนหลังพ่อผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลว่าลูกซื้อผ่านออนไลน์  มีอีมี่โค้ด ซึ่งตรงกัน”

    จากนั้นอีกหลายปีเราไปอังกฤษไปเยี่ยมตำรวจลอนดอน มีตำรวจคนหนึ่งมาทักว่าจำเขาได้ไหม เขาเป็นคนหนึ่งที่ไปทำคดีที่เกาะเต่า เราจำไม่ได้ เขาบอกว่าหัวหน้าชุดถูกสอบสวนถูกกล่าวหาว่าช่วยเรา เป็นคนเอาเบอร์โทรศัพท์พ่อผู้เสียชีวิตมาให้เรา

    “แต่เราไม่ได้จากตรงนั้น และคงไม่มีอะไรแล้ว ตรงนี้มันมีรายละเอียดที่เราเอาไว้สอนลูกน้อง เรื่องการฟังพยาน และเรื่องการตรวจดีเอ็นเอ”

    นอกจากคดีเกาะเต่าแล้วช่วงที่เป็น รองผบช.น. ยังทำคดีฆ่าหั่นศพชาวสเปนเพื่อชิงทรัพย์ โดยคนร้ายนำชิ้นส่วนศพทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาจับกุมผู้ต้องหาคือเพื่อนร่วมชาติ

    ร่วมสางคดีระเบิด ‘เซ็นทรัลสมุย–ระเบิด7จว.ใต้ถึงหัวหิน–พระพรหม’

    ในเวลาใกล้เคียงกัน ก่อนหน้านั้นร่วมสืบสวนคดีระเบิดที่ห้างเซ็นทรัลสมุย ช่วงนี้มีคดีที่ไหนเขาก็ให้ไปทำ ที่บช.ภ. 8 ไปทุกปี รวมถึงคดีระเบิด 7 จังหวัด ตั้งแต่ใต้ถึงหัวหิน เป็นการทำงานหลายทีม

    พี่ใหม่ – พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ พี่แหมว–พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ พี่บัว–พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ส่วนใหญ่เป็น นรต.รุ่น 36 ได้เจอเพื่อนก็เฮฮากัน ใช้คนไปทั่วเหมือนเดิม

    รวมถึงคดีระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์เป็นการทำงานร่วมกันหลายหน่วย งานสอบสวนเป็น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล

    ปร์วีร์ บันทึก27/9/65

     

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments